I Am Sam
แด่ เจ้าหญิงตัวน้อยของพ่อ
" ถึงผมจะปัญญาอ่อน แต่ผมก็รู้วิธีการเลี้ยงลูก ซึ่งผมจะบอกให้คุณฟัง ข้อหนึ่งคือเราต้องมีความซื่อสัตย์ สองเราต้องอดทน สามต้องรับฟัง รับฟังเขาอย่างจริงใจ ฟังเขาถึงแม้ว่าคุณจะรู้สึกว่า เรื่องที่คุณกำลังฟังมันจะน่าเบื่อก็ตาม..."
แซม ดอว์สัน อาจจะเป็นพ่อในมุมของมนุษย์เพศชายที่ทำผู้หญิงตั้งครรถ์ได้เฉกเช่นคนทั่วๆไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาอยู่เหนือจากการเป็นแค่ผู้ให้กำเนิด ก็คือสำนึกรักในความเป็นพ่อภายใต้มันสมองและสติปัญญาเทียบเท่ากับเด็กอายุ 7 ขวบ ใช่แล้วแซมเป็นออทิสติก เป็นคนปัญญาอ่อน แต่แซมก็พิสูจน์ให้เห็นว่า มันสมองกับหัวใจ เป็นอวัยวะที่แยกจากกันได้อย่างชัดเจน
เมื่อแซมบังเอิญทำให้สาวแปลกหน้าที่มาขอนอนด้วยคนหนึ่งตั้งครรภ์ และบทสรุปลงเอยที่ผู้หญิงคนนั้นให้กำเนิดทารก แล้วท้ายสุดก็หนีจากเขาไป แซมต้องดูแลลูกสาวด้วยตัวลำพังคนเดียว ตั้งแต่เป็นทารกแบเบาะ แซมเปลี่ยนผ้าอ้อม ให้นม ป้อนข้าว พาเจ้าหญิงตัวน้อยของเขาไปนั่งชิงช้าเล่น เล่านิทานเรื่องเดิมๆให้เธอฟังก่อนนอนคืนละหลายๆรอบ พาเธอไปทานอาหารเช้าที่ร้านเดิมๆ พูดคุยกับเธอด้วยเรื่องง่ายๆ ด้วยสติปัญญาของคนอายุ 7 ขวบ
เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่ลูกสาวเริ่มที่จะพูด เริ่มที่จะตั้งคำถามต่างๆ ขึ้นมา แซมก็ยังมีคำตอบอย่างใสซื่อให้กับลูกสาวของเขา คำถามอย่าง“พ่อคะ ทำไมหิมะถึงเป็นเกล็ด ,พ่อคะ มัสตาร์ดทำมาจากอะไร , พ่อคะทำไมผู้ชายถึงหัวล้าน พ่อคะ ท้องฟ้าสิ้นสุดที่ไหน ทำไมดวงจันทร์จึงตามหนูกลับบ้าน ทำไมดวงอาทิตย์เป็นสีส้ม หนูเหมือนพ่อหรือแม่มากกว่ากันคะ” ซึ่งเป็นคำถามที่แซมใช้เวลาเพียงน้อยนิดในการตอบ
ตลอดจนกระทั่งคำถามที่ทำให้แซมต้องนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ แล้วก็หาคำตอบให้กับลูซี่ออกมาได้อย่างทุลักทุเล
“พ่อคะ พ่อว่าแม่จะกลับมาไหม “
“พอล แมคคาธี กำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก จอห์น เลนนอนก็เหมือนกัน แอนนี่(เพื่อนข้างบ้านของแซม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่เลี้ยงดูลูซี่มาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก)บอกว่าบางทีพระเจ้าก็เอาแต่คนพิเศษไป”
แซมโชคดีที่มีเพื่อนๆ ดี เพื่อนของแซมทั้งกลุ่มไม่มีใครสมประกอบเลย บางคนเป็นออทิสติก บางคนบ้าภาพยนตร์จนจมปลักอยู่ในโลกของตัวเอง บางคนเครียดหนักและวิตกว่าจะมีใครมาทำร้ายตัวเองตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ ทุกคนรักกัน และเข้าอก เข้าใจกันมากกว่าใคร
ทุกคนละทิ้งซึ่งความเห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในนิสัยประจำของคนสมประกอบไป และสามารถที่จะเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่กัน ด้วยความรักที่พวกเขาแสดงออกต่อกันอย่างน่ารัก
และเมื่อลูซี่คือทุกสิ่งทุกอย่างของแซม ลูซี่ก็คือทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขาด้วย
แต่ไม่ว่าแซมจะรักลูซี่มากขนาดไหน ปริมาณความรักที่ล้นเอ่อก็ไม่สามารถที่จะรั้งลูซี่ให้อยู่ข้างๆแซมได้ เมื่อลูซี่เริ่มเติบโตขึ้น มีอายุ 7 ปี ซึ่งอีกเพียงขวบปีเดียวลูซี่จะมีพัฒนาการทางสมองล้ำหน้าเกินกว่าผู้เป็นพ่ออย่างแซม
และนั่นคือ ปัญหาที่ทำให้แซมจะต้องหมดสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูซี่ เมื่อกรมประชาสงเคราหะสืบทราบถึงความเป็นจริงว่า พ่อบังเกิดเกล้าของสาวน้อยผู้นี้เป็นออทิสติก มีมันสมองเทียบเท่าเด็ก 7 ขวบ ซ้ำร้ายในระยะหลังๆ แซมโชคร้ายที่ต้องมาประสบกับเรื่องไม่ดีหลายแหล่ที่จะยิ่งเป็นตัวเร่งคืนวันแห่งการพรัดพรากให้มาถึงเร็วยิ่งขึ้น
และวันที่แซมไม่อยากใช้ชีวิตก็มาถึงเร็วกว่าที่เขาจะคาดคิด วันที่เจ้าหญิงตัวน้อยของเขาอายุครบ 7 ปี วันที่เขาตั้งใจจะจัดงานวันเกิดที่พิเศษที่สุด วันเกิดที่ไม่เคยมีพ่อคนใดให้กับลูกมาก่อน แซมต้องเสียลูกสาวให้อยู่ในความดูแลของกรมประชาสงเคราหะ โดยที่ลึกๆ แล้วตัวเขาเองก็ไม่ทราบถึงเหตุผลที่แท้จริงของการจากลา
ด้วยความบังเอิญของคืนวันที่กำลังจะพรากลูกสาวที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของแซมไป บวกกับความวิริยะของหัวจิตหัวใจความเป็นพ่อของแซมเอง ทำให้แซมได้มีโอกาสพบกับทนายชื่อ ริต้า ร็อธแมน เกลน แฮริสัน วิลเลี่ยม ซึ่งเป็นเสมือนอีกด้านหนึ่งของแซม ริต้าที่ดูภายนอกเป็นเหมือนผู้หญิงเก่ง มั่นใจ และไม่กริ่นเกรงต่อปัญหา แต่ในเบื้องลึกของหัวใจ ริต้าเป็นผู้หญิงอ่อนไหว และอ่อนแอ ที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนักในการเลี้ยงดูลูกชาย
ในขณะที่แซมเข้าอกเข้าใจลูก และรู้วิธีในการเลี้ยงดู กำลังจะสูญเสียลูกสาวไปตลอดกาล แต่ริต้าผู้ซึ่งมีลูกอยู่เคียงข้าง กลับไม่เข้าใจกระทั่งวิธีเปิดปากคุยกับลูก
เธอคือด้านตรงข้ามของเขา เป็นเงาที่ไม่มีวันบรรจบอย่างสิ้นเชิง
ด้วยความอวดดีของริต้า ทำให้เธอต้องกลายมาเป็นทนายในการว่าความเพื่อที่จะทำให้กรมประชาสงเคราห์ยอมรับที่จะไม่พรากลูกไปจากอกของแซม โดยที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนจากแซมสักเหรียญเดียว
ริต้าไม่ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินจากแซม แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับล้ำค่ากว่าเงินหลายเท่า แซมสอนให้ริต้า สาวอารมณ์ร้อนรู้สึกถึงหลักง่ายๆในการอยู่กับลูก สิ่งที่ริต้ามองข้ามไป กุญแจสำคัญที่ริต้าทำหล่นหาย คือหัวใจเด็กของริต้าที่ถูกเสริมแต่งด้วยคำสาปของคืนวันที่ผ่านเลย ทำให้ระยะห่างระหว่างริต้ากับลูกชายมากมายหลายช่วงตัว ถึงแม้ทั้งสองจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกันก็ตาม
สำหรับคนทั่วๆ ไปแล้ว แซมคงเป็นเพียงชายสติไม่สมประกอบ ที่อาจจะเรียกรอยยิ้มของผู้พบเห็นได้บ้าง ตราบเท่าที่การกระทำของเขาไม่สร้างปัญหาให้ใคร แซมคงเป็นเพียงเด็กตัวโตๆ ที่หลายต่อหลายคนหัวเราะเยาะ บางคนสมเพช บางคนก็มองผ่าน แต่สำหรับลูซี่แล้ว แซมคือทุกสิ่งทุกอย่าง แซมเป็นทั้งพ่อ ทั้งเพื่อน เป็นคนที่รับฟังเธอ เล่นกับเธอ หัวเราะและร้องไห้ให้กับเธออย่างจริงใจที่สุด
ลูซี่นับว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่โชคดี เพราะมีพ่อที่เข้าใจเธอกว่าพ่อคนอื่น นั่นอาจเป็นเพราะพ่อตัวโตของเธอ พ่อที่มีสมองห่างจากเธอเพียงนิดเดียว แต่กลับมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่กว่าพ่อคนไหนๆ
I am Sam เป็นภาพยนตร์ในแบบฉบับฮอลลีวู้ดทั่วไป ที่ลาโรงไปนานหลายปีแล้ว ปัจจุบันสามารถหาชมได้ในรูปแบบ DVD หรือ VCD การแสดงของฌอน เพน ทรงพลังถึงขั้นที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ในปีที่หนังออกฉาย สำหรับฌอน เพนแล้ว ถ้าใครไม่เคยรู้จัก หรือดูเขาจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ อาจจะต้องคล้อยคิดไปว่าเขาเป็นคนไม่สมประกอบจริงๆ เป็นแน่
การให้กำเนิดลูก ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเลี้ยงดูให้เขาเติบโตมาแบบมีรอยด่างพร้อยให้น้อยที่สุด ทั้งร่างกาย สมอง และหัวใจอาจจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับใครหลายๆคน แต่อย่างน้อยแซมก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การเลี้ยงลูก ไม่จำเป็นต้องใช้ไอคิว มันสมอง หรือเงินทอง เพราะสิ่งเดียวที่แซมมีมากกว่าพ่อที่เฆี่ยนตีลูก ดุด่าว่ากล่าว ซ้ำเติมเวลาลูกทำผิด ก็คือหัวใจ แซมกำลังจะสื่อสารบอกเราว่า บางครั้งเรื่องที่คนคิดว่ายากก็อาจจะง่ายลง ถ้าเราไม่ลืมที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด สำหรับคำสอนของแซมที่มีต่อลูซี่ และที่มีต่อผู้ชม เป็นของขวัญที่ล้ำค่าชิ้นหนึ่ง ที่ควรมอบให้แก่ผู้เป็นพ่อ และผู้เป็นลูกทั้งหลาย ทั้งในวันพิเศษ และทุกๆวันที่ใช้ชีวิตร่วมกัน
