"จา พนม" เล่นเองกำกับเอง หนัง "องค์บาก 2" ด้าน "เสี่ยเจียง" ทุ่มทุนกว่าร้อยล้าน ไร้เงา "ปรัชญา" กำกับช่วย ลั่นไม่ได้แตกคอกันแต่อย่างใด แค่ผู้ใหญ่ให้โอกาสก็อยากลองทำ เรื่องแอ็กติ้งการแสดงน้อมรับจะปรับให้ดีขึ้น พร้อมเคลียร์ข่าวลือโกอินเตอร์แล้วโก่งค่าตัว ส่วนเรื่องแต่งงานเจ้าตัวบอกยังไม่มีเวลาขอบวชก่อนแต่ไม่ใช่เกย์แน่นอน
ทำพิธีครอบครูกันไปเรียบร้อยแล้วเตรียมเปิดกล้อง "องค์บาก 2" สำหรับยอกนักบู๊โกอินเตอร์อย่าง "จา พนม ยีรัมย์" ซึ่งทั้งเล่นและกำกับคิวบู๊เองโดยไร้เงาผู้กำกับคู่ใจอย่าง "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ขณะที่เจ้าตัวลั่นไม่ได้มีปัญหาแตกคอกัน แต่แค่ผู้ใหญ่ให้โอกาสจึงอยากลอง ส่วนเรื่องทุนนั้นน่าจะกว่าร้อยล้านบาททีเดียว
"ก็สบายใจมากหลังจากที่เราครูพักลักจำเขามาเยอะ คิดว่ามาครอบครูเพราะว่าเราร่ำเรียนวิชามาเยอะแล้ว ที่จริงผมเรียนที่วิทยาลัยพลศึกษามาผมก็เคยครอบครูมาแล้วนะ แต่ในแบบมวยมาวันนี้แบบนาฏศิลป์ด้วยก็เป็นครั้งแรก รู้สึกดีมาก และการงานในภายภาคหน้าก็จะได้ราบรื่นด้วย"
"องค์บาก 2 ที่จริงถ่ายทำไปบ้างแล้วบางส่วนแต่จะเปิดกล้องกันจริงๆ ก็ช่วง ปีใหม่ครับ คาดว่าระยะเวลาของการถ่ายทำนี่น่าจะอยู่ที่ 10 เดือนนะครับ วันฉายก็ค่อยตกลงกับเสี่ยอีกทีนึงว่าอย่างไร สถานที่ถ่ายทำก็คงต่างจังหวัด เขมร แล้วก็คงเป็นกระบี่ด้วยเพราะว่าอยากฟื้นฟูเรื่องท่องเที่ยว และสึนามิด้วย"
เห็นว่างบ 100 ล้าน?..."ต้องรอดูกับทางเสี่ยนะครับว่ายังงัย แต่ก็รอคุยกันอีกทีแต่คิดว่าก็อยากทำให้มันดีที่สุด ไม่พอมากไปน้อยก็ขอเสี่ยใหม่"
สำหรับ "องค์บาก 2" นั้นเนื้อเรื่องจะไม่เกี่ยวข้องกับ "องค์บาก" ภาคแรก และ "จา พนม" เองจะรับบททั้งเลวและดีในตัวเอง รวมถึงจะใช้ท่าทางการต่อสู้ที่มาจากศิลปะโขนประกอบทั้งเรื่อง
"บู๊ตามความเหมาะสมครับไม่ใช่บู๊กระจัดกระจาย ซึ่งเรื่องนี้ตัวละครจะมีทั้งมุมดีและไม่ดี ซึ่งผมเล่นเอง ที่จริงองค์บากภาคแรกจะไม่ใช้อาวุธนะครับ แต่มาภาคนี้หยิบจับอะไรจะสามารถนำมาเป็นอาวุธได้"
"แล้วจะมีการผสมผสานท่าโขนลงไปในหนังเรื่องนี้ด้วย จะมีตัวลิง ยักษ์ พระ ส่วนตัวนางก็คือจะเป็นนางเอกที่มีความอ่อนโยนทำนองนั้นแหละครับ ภามว่าเนื้อหามันจะมีความเหมือนในองค์บากภาคแรกมั้ย คงต้องบอกว่าไม่มีความต่อเนื่องกัน ตัวแสดงเลือกขึ้นมาใหม่ นางเอกใหม่ซึ่งผมจะคัดเลือกเอง ตัวละครตัวใหม่ ไม่เกี่ยวข้องกัน ที่ต้องใช้องค์บาก 2 เพราะผู้ใหญ่นะครับ เขาตัดสินใจให้แบบนั้นก็เลยต้องตามนั้น"
"ท่าไม้ตายก็มีนะครับ แต่ยังบอกไม่ได้ อยากให้ได้ดูในหนังมากกว่า ที่แน่ๆ มีท่าหนุมาน พระ ยักษ์ ที่เราเองก็มีพัฒนาการมาพอสมควรหยิบเอามาใช้ตรงนี้ได้"
"ผมไปเรียนมาด้วยแหละครับ ก่อนไปก็ยังไปที่อุบลฯ น่ะครับ ไปหาพลังในป่า...(ยิ้ม) ไปกับหลวงปู่ทวด แต่เวลาเข้าป่าไปคนเดียวนะครับ ไปหาสมาธิไม่ให้เราฟุ้งซ่าน คือบางทีเวลาอยู่คนเดียวก็นะมันชอบมีกิเลส ไม่เกิดสมาธิ พอกลับมาเราก็มาคิดท่าในการแสดงได้บ้าง ซึ่งก็ดีนะครับ ซึ่งจะมีการเอาท่าทางที่ใช้เล่นโขนมาใช้ในหนังด้วย เพราะว่าเรื่องนี้เราไม่ชอบเรียนรำ แต่ต้องโดนบังคับให้เรียนรำ การต่อสู้ก็เลยจะออกแนวนาฏศิลป์ปนด้วย"
กลัวคนมองว่าเอาโขนมาทำรุนแรงหรือเปล่าเพราะโขนคือศิลปะที่อ่อนช้อย?
"ผมว่าการรำมันเป็นศิลปะของไทยเราแต่โบราณนะ ไม่น่าจะมีอะไรเราก็ได้รับการปลูกฝังมานานแล้วตั้งแต่เล็กๆ คือคนที่เรียนโขนมาจะรู้เลยว่านี่มาจากโขน แต่คนที่ไม่ได้เรียน ก็จะได้รู้ว่าที่จริงท่ารำเนี่ยมันดัดแปลงเป็นท่าต่อสู้ได้ด้วย และผมว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมากกว่านะ ที่เรามาทำตรงนี้ แตกท่ารำเป็นท่าป้องกันตัว"
"แต่อย่างที่บอกแหละครับ มันจะไม่มุ่งเน้นต่อยเตะอย่างเดียว แต่ละท่ามันจะมีความหมายของมัน มีทั้งท่าที่แสดงความอ่อนไหว แข็งแรง รวดเร็ว เยอะครับอยากให้รอดู ผมว่าเรื่องนี้เรื่องบู๊น่าจะเป็นแนวใหม่นะ ไม่น่าจะเหมือนใครและไม่อยากให้มันออกมาซ้ำกับของเก่าด้วย"
สำหรับบทบาทผู้กำกับนั้นยอมรับว่ากดดัน แต่มั่นใจว่าตนก็เป็นคนหนึ่งที่ดูหนังมาตั้งแต่เด็กน่าจะมีประสบการณ์มากพอที่จะกำกับหนังได้
"เรื่องกำกับเนี่ยทางผู้ใหญ่เขาให้โอกาสผมก็ลองทำดู ถามว่ากดดันมั้ยมันก็กดดันนะครับ แต่ว่ามาแล้วก็ต้องมั่นใจ ไม่มั่นใจก็ไม่รู้จะทำไปทำไม คือทางผู้ใหญ่เขาให้โอกาสนะครับ แล้วมันเป็นโอกาสที่ดีเราก็เลยอยากทำด้วย สนองกิเลสของเราด้วย"
"ที่จริงผมดูหนังมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วนะ ภาพมันมีตั้งแต่เด็กๆ แล้วน่ะ คืออย่างที่บอกว่าผมไม่เก่งแน่นอนคนเดียวน่ะ ผมก็ต้องอาศัยทีมงาน อาจจะต้องมีผู้กำกับหลายคน"
พร้อมเคลียร์ข่าวแตกคอกับผู้กำกับชื่อดัง "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ลั่นยังคุยกันอยู่แต่กลัวคนมองเป็นศิษย์คิดล้างครู..."กับพี่ปรัชยังคุยกันอยู่ครับ พี่เขายังบอกเลยว่าเออ..ดีจะได้โตๆ เรื่องนี้มีอ.พันนา ฤทธิไกร มาช่วยด้วย เราเองก็มาต่อยอดของเราด้วยก็น่าจะไม่มีอะไรนะ คือทางผู้ใหญ่ให้ผมมาทำผมก็ยินดี"
"ผมกลัวมากครับ กลัวคำว่าศิษย์คิดล้างครูมาก ไม่อยากให้คิดแบบนั้น คือข่าวเนี่ยให้เขียนไปทางไหนมันก็ไปทางนั้นแหละครับ แต่อะไรที่หนักใจอะไรก็มองข้ามมันไปบ้าง ถ้ามองว่ามันเป็นปัญหา มันก็เป็นปัญหาหมดแหละครับ เปลี่ยนมันแล้วแก้ซะ จะพยายามคิดแบบนั้น"
พร้อมเคลียร์ข่าวลือสารพัด ทั้งเรื่องดังแล้วเรื่องมาก และข่าวเป็นเกย์
"ผมว่าผมไม่ได้อินเตอร์นะ ก็แบบเก่าเป็นแบบนี้ มีเรื่องโก่งค่าตัวด้วยเหรอ..(ยิ้ม) ไม่เปลี่ยนหรอก เรื่องค่าตัวทางสหมงคลฟิล์มเขาจัดการไม่เกี่ยวกับผม ผมทำงานอย่างเดียวตรงนั้นผมไม่รู้เรื่อง"
"เรื่องครอบครัวก็ยังไม่พร้อมครับ ยังเอาชีวิตไม่รอดเลย ยังไม่ได้คิดด้วย เพราะผมเองก็ยังไม่ได้บวช เรื่องเบียดคงยัง ไม่มีเวลาด้วยแหละครับ แต่ไม่ใช่เกย์นะ ผมผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่เกย์แน่ๆ ผู้ชายครับ ยังมีความต้องการอยู่"
ส่วนใครที่ห่วงเรื่องแอ็กติ้งของจาพนมว่าจะมีมากกว่าในเรื่องต้มยำกุ้งหรือไม่ ในฐานะเป็นทั้งผู้กำกับและนักแสดงเจ้าตัวฝากบอกว่า...
"ก็จะพยายามปรับนะครับ กำกับเองก็คงต้องเทกตัวเองด้วย...(หัวเราะ) เล่นไม่ดีก็เทกๆๆๆๆ"