xs
xsm
sm
md
lg

น้ำเน่า" ในความเข้าใจของ "เอ็กแซ็กท์"

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

นอกจากเสียงชื่นชมเพราะรู้สึกว่าดูสนุกถูกรสนิยมแล้ว ดูเหมือนว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางลบที่ออกมาต่อละครเรื่อง "รอยอดีตแห่งรัก" ทางช่อง 5 ของค่ายเอ็กซ์แซ็กท์ฯ ที่เพิ่งจะจบไปนั้นนั้นก็มีมากไม่แพ้กันเลยทีเดียว

ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของรูปร่างหน้าตาของคู่พระ - นาง อย่างนาย "บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว" ในบทของ "ต้นน้ำ" กับสาว "มิว พีรชยา พิณเมืองงาม" ในบทของ "มีน" ที่ว่ากันว่ายังไม่มีจุดเด่นเพียงพอที่จะขึ้นชั้นไปยืนในระดับที่ว่านี้เท่านั้น หากแต่ในเรื่องของฝีไม้ลายมือทางด้านการแสดง รวมไปถึง "บท" ที่ออกมาก็ดูจะไร้คุณภาพและขาดความสมจริงสมจังเอามากๆ ถึงขั้นในระดับที่ให้อภัยไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นฉากที่ตัวละครอย่างคุณย่าใหญ่ถูกแทงทำร้ายจนตกลงมาจากบันได ขณะเดียวกันกับผู้ที่ลงมือทำร้ายก็ได้มีการเช็ดเลือดทำลายหลักฐานเสียดิบดี แต่กลับกลายเป็นว่าหลังจากนั้นละครกลับเองไม่ได้พูดถึงเรื่องของบาดแผลจากการถูกแทงเลยสักนิดเดียว!

สักนิดเดียวจนเหมือนลืม ราวกับว่าไม่มีเรื่องที่ว่านี้เกิดขึ้นมาแต่อย่างไร

โดยส่วนตัวผมว่าจุดด้อยของละครไทยในหลายๆ เรื่องค่อนข้างจะมีจะมีลักษณะที่คล้ายๆ กัน และก็ดูจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกเสียที ไม่ว่าจะเป็นการขาดเรื่องของความสมจริงและเหตุผลที่ดูสมจัง หลายครั้งที่มีการจับเอาดาราอายุ 30 กว่าๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ให้รับบทแค่พ่อ - แม่แล้ว บางเรื่องเลยเถิดไปถึงบทของตา - ยายเลยทีเดียว, บทการเจรจาที่ฟุ่มเฟือย รวมไปถึงการแสดงที่หนักออกไปทาง "โอเวอร์แอ็กติ้ง" อย่างกับละครเวทีเสมือนกลัวคนดูเองจะไม่รู้ว่าข้าเป็นตัวอิจฉา ข้าโกรธอยู่ ข้าเคียดแค้นเอ็งเหลือเกิน ฯลฯ ขณะที่ตัวละครส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแบนราบเรียบ ร้อยก็ร้ายเสียจนน่าจับไปยิงเป้า ดีก็ดีเสียจนเหลือคณาราวกับเทวดานางฟ้าที่โกรธใครไม่เป็นประเภทข้านี้มีแต่ให้และเสียสละ(จะกลายเป็นตัวละครแบบกลมอยู่บ้างก็ตอนจบๆ เรื่อง ประเภทพระเอกคิดได้ นางร้ายกลับใจ ทำนองนั้น) บวกรวมเข้ากับเนื้อหาที่วนๆ เวียนๆ อยู่กับความอิจฉาริษยาและการแก่งแย่งชิงดี(ผู้ชาย + ผู้หญิง) ฯลฯ

เอาเข้าจริงๆ แม้จะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบของการแสดงจาก "ลิเก" มานานนม ทว่าวิถีของความเป็นละครของบ้านเราส่วนใหญ่โดยรวมแทบไม่เคยเป็นไปในทิศทางที่เรียกกันว่า "พัฒนา" ขึ้นเลย ตรงกันข้ามกลับเป็น "ลิเก" เสียอีกที่รู้จักปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เรื่อยๆ เอาเนื้อหาใหม่ๆ ที่เป็นปัจจุบันเข้ามาสอดแทรกในเรื่องราวที่นำเสนอออกไป

ที่น่าเศร้าก็คือ จนถึงวันนี้ในความอ่อนแอของคุณภาพในตัวงานต้องบอกว่ามันยากเสียแล้วกับการจะหาความเป็น "เสน่ห์" หรือ "ทาง" ของละครบ้านเราเองที่พอจะเป็นจุดขายได้ โดยเฉพาะกับการเข้ามาของซีรีส์จากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น ฯ ที่นับวันๆ จะไม่ใช่สีสันซึ่งเป็นเพียง "ทางเลือก" หนึ่งของคนดูในบ้านเราเท่านั้น หากแต่มันได้กลายเป็นทางหลักที่ผู้จัดหลายต่อหลายเจ้ายกให้เป็นต้นแบบด้วยการพยายามที่จะทำลอกเลียนไปแล้ว

พูดถึงละครไทยช่วงหลังๆ เห็นดีอยู่อย่างเดียวในสายตาของผู้ชายนิสัย(หื่น)ก็คือความกล้าหาญขึ้นของนักแสดงหญิงหลายต่อหลายคนที่ส่วนใหญ่พร้อมจะถอดเสื้อผ้าออกเพื่อแสดงบทเลิฟซีนให้ได้ถึงพริกถึงขิง(ฉากที่ว่าอาจจะเป็นแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ที่เอาไว้ให้ประชาสัมพันธ์เขียนเป็นข่าวออกโปรโมตโดยที่ไม่มีความจำเป็นและมีอิทธิพลอะไรต่อเนื้อหาโดยรวมของละครเลยเสียด้วยซ้ำ)ด้วยความตั้งใจและเข้าใจผิดว่านี่คือการโตขึ้นอีกขั้นในระดับความสามารถและคุณภาพทางด้านการแสดงของตนเอง

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ใช่หรือไม่ว่ามันคือ "ความไร้ยางอาย" ต่างหากที่โตขึ้น

พิจารณาของเนื้อเรื่องย่อๆ ของ ละครเรื่อง "รอยอดีตแห่งรัก" จากทีมของผู้แต่ง+เขียนบทที่ประกอบไปด้วย ต๊อก ศุภกร เหรียญสุวรรณ, พิมพ์มาดา พัฒนอลงกรณ์, เวฬุรีย์ เมธาวีวินิจ, ชวนนท์ สารพัฒน์ และ ตวงทิพย์ ยุวชิต บอกเล่าเรื่องราวของพระเอกที่เกิดมีความแค้นนางเอก(ที่แอบปลื้มพระเอกอยู่)เพราะเป็นคนที่ทำให้คนรักของตนเองต้องเสียชีวิต แถมเขายังไปหลงเชื่อในความดีซึ่งเกิดจากความเสแสร้งของนางอิจฉาจนกลายเป็นคนขี้โมโหอารมณ์ร้อน หาเรื่องแกล้งนางเอกอยู่เป็นประจำๆ กว่าที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรและเข้าถึงความดีงามของอีกฝ่ายทุกอย่างก็เกือบจะสายเกินไป..เหล่านี้ แม้จะมีเนื้อหาที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปจากละครเรื่องอื่นๆ สักเท่าไหร่ แต่โดยศักยภาพของความเป็น "เอ็กแซ็กท์" และคนที่ชื่อ "บอย ถกลเกียรติ" เองแล้วผู้เขียนว่าละครเรื่องนี้น่าจะทำออกมาได้ "น่าดู" กว่าที่เป็นอยู่

นับจากที่ผู้บริหารของค่ายเอ็กแซ็กท์คนนี้ออกมาประกาศว่าตนเองจะทำละคร "น้ำเน่า" ด้วยเหตุผลที่ออกมาในเชิงที่ว่า เพราะที่ผ่านมาทำละครดีๆ มีคุณภาพแล้วไม่ค่อยจะมีคนดู, เพราะต้องการจะไปแข่งแย่งเรตติ้งกับละครช่องอื่นๆ (เฉพาะอย่างยิ่ง ช่อง 7) ตั้งแต่ช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าตรงนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ค่อนข้างจะน่าเสียดายแทนไม่น้อยสำหรับชื่อและระดับชั้นของความเป็นค่ายเอ็กแซ็กท์ที่ถือได้ว่าเป็นทางเลือกอีกระดับหนึ่งของคนที่ต้องการเสพความบันเทิงในรูปแบบของละคร

เรื่องน่าเศร้าก็คือ นัยความหมายของคำว่า "น้ำเน่า" ของผู้บริหารค่ายเอ็กแซ็กท์กลับกลายเป็นการทำละครที่มีต้องมีตัวอิจฉาทำหน้าตาหน้ายักษ์เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่หน้ากระจก ส่งเสียงวี๊ดๆ แว๊ดๆ, มีนางเอกที่ดีแสนดีจนหลายคนบอกว่าซื่อบื้อ รวมไปถึงพระเอกที่ดูเหมือนจะฉลาดแต่ก็ดูทึ่มแสนทึ่มให้ตัวอิจฉาหลอกได้ง่ายโดยการใช้การยั่วยวน หรือไม่ก็เป็นคนที่ปากแข็งใจแข็งนิสัยมุทะลุอย่างไม่มีเหตุผลมากไปกว่ายั่วให้คนดูเกิดความสงสารนางเอกที่ต้องโดนแกล้งแล้วแกล้งอีก ขณะเดียวกันก็ยัดเยียดฉากหวือๆ หวาๆ วับๆ แวมๆ เข้ามาเรียกความฮือฮา กระทั่งลืมไปถึงคุณภาพอย่างอื่นที่ตนเองเคยมีและถือได้ว่าเป็น "จุดขาย"

อีกเรื่องที่เป็นที่น่าสังเกต ก็คือระยะหลังๆ ละครหรือซิทคอมที่ออกมาจากค่ายนี้หากไม่ใช่คนเก่าๆ หน้า+บทเดิมๆ ก็มักจะเลือกบทให้กับตัวละครโดยมองไปถึงเรื่องของการโปรโมตโฆษณาหรือต้องการที่จะ "ดัน" เด็กของตนเองมากจนเกินไป(ทั้งงานเพลงงานแสดง) ชนิดกลายเป็นการก้าวกระโดด จนลืมเรื่องของความเหมาะสม ลืมเรื่องของความสมจริงสมจัง กระทั่งบางครั้งเองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฝีมือของหลายๆ คนนั้นยังไม่ถึงและไม่เหมาะเอามากๆ

ไม่ต้องอื่นไกล เอากันแค่คู่พระนางจาก "รอยอดีตแห่งรัก" เป็นตัวอย่าง ที่ดูอย่างไรๆ ก็ไม่เข้ากันเอาซะเลย

ไม่นับรวมไปถึงเรื่องของการโฆษณาแฝงในเนื้อหาที่ยัดเยียดเข้ามาจนกระทั่งเข้าข่ายคำว่า "น่าเกลียด" ประเภทที่ว่าเหลือทิ้งเอาไว้อีกตอนสั้นๆ เพื่อเอาไว้ซึ่งการนี้โดยเฉพาะ กรณีนี้ดูได้จากซิทคอมอย่าง "บางรักซอยเก้า" หรือ "บ้านนี้มีรัก" ซึ่งวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเหลือตอนสุดท้ายไว้เพื่อโฆษณากาแฟยี่ห้อหนึ่งอย่างเดียว

ยังคงไม่สายที่เอ็กแซ็กท์จะเดินหันหลังกลับไปหาสิ่งดีๆ ในสิ่งที่ตนเองเคยเป็นมา แต่นั่นก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณหนูบอยเขาจะมองว่า "รอยอดีตแห่งรัก" นี้คืออีกหนึ่งโมเดลของการทำละครที่ประสบความสำเร็จ...

หรือจะมองว่า "รอยอดีตแห่งรัก" เป็นรอยอดีตแห่งความไม่เข้าท่ากันแน่
กำลังโหลดความคิดเห็น