จุฬาราชมนตรี ให้ทานอภัย "แอ๊ด คาราบาว"

"แอ๊ด คาราบาว" ถือหนังสือเข้าขอขมาจุฬาราชมนตรีกรณีพูดพาดพิงศาสดาศาสนาอิสลาม เจ้าตัวขอปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ด้านจุฬาราชมนตรีบอก บาดแผลที่เกิดจากคำพูดนั้นเจ็บลึกและรักษายากยิ่งกว่าคมมีด แต่ทานที่ดีที่สุดก็คือการให้อภัย

วันนี้ (9 พ.ย.) ช่วง 10.00น. ที่ผ่านมา ณ ที่สำนักจุฬาราชมนตรี มีนบุรี กองทัพสื่อมวลชนได้เดินทางไปดักรอสัมภาษณ์กรณีนักร้องเพื่อชีวิตชื่อดัง "แอ๊ด คาราบาว" หรือนาย "ยืนยง โอภากุล" จะเข้าขอขมาต่อจุฬาราชมนตรี "สวาสดิ์ สมาสดิ์ สุมาลยศักดิ์" กรณีที่ได้ให้สัมภาษณ์ลงในนิตยสารแฮมเบอร์เกอร์ในเชิงหมิ่นศาสดาของศาสนาอิสลาม

ทั้งนี้ภายหลังจากการอ่านหนึ่งสือขอขมาด้วยตนเอง นักร้องเพลงเพื่อชีวิตชื่อดังได้กล่าวสั้นๆ ถึงการให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร "แฮมเบอร์เกอร์" ว่าเป็นการกระทำที่มิได้เกิดจากควาามตั้งใจแต่อย่างไร ขณะที่จุฬาราชมนตรีก็ได้ให้พรแก่ "แอ๊ด คาราบาว" ว่าขอให้ตั้งสติมีเหตุผลเป็นคนที่ดำเนินชีวิตและบำเพ็ญประโยชน์ต่อโลก คนที่ดีที่สุดคือคนที่ทำประโยชน์แก่สังคมให้ได้มากที่สุด

"ถือเป็นการพลาด ก็อยากจะทำทุกอย่างเพื่อเป็นการไถ่โทษต่อพี่น้องชาวมุสลิมทุกท่าน ผมได้รับรู้ถึงหลักศาสนาอิสลามเบื้องต้นกำลังศึกษาอยู่เพื่อที่จะที่ความเข้าใจแล้วก็ถ้าเกิดว่าโอกาสหน้ามีอะไรที่จะทำคุณไถ่โทษให้ผมได้รับใช้ทางท่านจุฬาราชมนตรีแล้วก็พี่น้องชาวไทยมุสลิม และทั่วโลกผมยินดี"

ทั้งนี้หลังจากเสร็จสิ้นการกล่าวขอขมาลาโทษแล้วนักร้องเพื่อชีวิตชื่อดังก็ขออนุญาตลากลับไปอย่างรีบร้อนและปฏิเสธที่จะตอบข้อซักถามต่อสื่อมวล โดยจุฬาราชมนตรี "สมาสดิ์ สุมาลยศักดิ์" ได้เปิดเผยว่านักร้องชื่อดังได้เข้ามาขอขมาและได้มีการอภัยเพื่อเป็นทานไปแล้ว และไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้จากกรณีดังกล่าว

"มันจะกลายเป็นทำให้คนปักษ์ใต้แรงขึ้นมาอีกไม่เชื่อก็คอยฟังดูต่อไป เมื่อครั้งนอร์เวย์ สวีเดนเข่นฆ่ามูฮะหมัดก็เกิดเรื่องไปทั่วโลก และก็มาขออภัยผมที่นี่ จะบอกว่าการอภัยนะเป็นทานอันประเสริฐ บาดแผลที่เกิดจากมีดอันแหลมคมยังมียารักษา แต่บาดแผลที่ฟันด้วยลิ้นไม่มียารักษามันเจ็บมิดเหลือเกิน จึงทำให้มีปฏิกิริยาตอบโต้ที่รุนแรงขอพูดเท่านี้"

"ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่กล่าวไว้ว่าห้ามมิให้ศาสนิกชนด่าพระเจ้าของเรา แล้วก็ศาสนาอื่นก็ห้ามไม่ให้ด่าพ่อตัวเอง เราจะด่าพ่อตัวเองทำไม เราเคารพพ่อต้องไม่ด่าผม เราไปด่าพ่อคนอื่น แล้วคนนั้นมาด่าพ่อเราก็เหมือนเราด่าพ่อตัวเองมันเป็นภัยกับผู้อื่น เพราะฉะนั้นเราอยู่เมืองไทย ผมจึงเสียใจถ้ามีเหตุการณ์ใดที่ทำให้เราต้องขุ่นเคืองกัน และความประสงค์ของในหลวงที่เป็นข้ออันประเสริฐ อันล้ำเลิศที่มุ่งหวังจะเห็นลูกๆ ทั้งหลายรักสามัคคีกันจนกระทั่งเดี๋ยวนี้แต่งตั้ง ศอ.บต มันก็ดีขึ้น ถ้าไปสร้างความแตกร้าวมันก็ขัดพระประสงค์ที่พ่อและแม่มีต่อลูก"
...
ประกาศขมา
วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2549
กราบเรียนพี่น้องชาวไทยมุสลิมและพี่น้องชาวมุสลิมทั่วโลก

ตามที่ได้มีการตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของผมในนิตยสารฉบับหนึ่ง ออกจำหน่ายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2549 ได้มีข้อความที่ไม่เหมาะสม พาดพิงกระทบต่อท่านองค์พระผู้เป็นเจ้า และศาสดามูฮัมหมัด ซึ่งได้สร้างความสะเทือนใจและเสียใจให้กับพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามทั้งมวล ผมขอเรียนชี้แจงว่าผมมิได้มีเจตนาล่วงละเมิดหรือดูหมิ่นต่อพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามแม้แต่น้อย เพราะผมและครอบครัวมีบ้านอยู่อาศัยในชุมชนชาวมุสลิม มาอย่างยาวนานมากกว่า 20 ปี ด้วยความรัก ความเข้าใจและเอื้ออาทรต่อกันดั่งญาติสนิท ทั้งนี้คำพูดที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวเกิดจากอาการขาดสติและความโง่เขลา ขาดความรู้ความเข้าใจในศาสนาอิสลามของผมเอง

เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดที่ไม่เหมาะสมในบทสัมภาษณ์ดังกล่าวผมกราบขอขมาต่อ พี่น้องชาวมุสลิมทุกท่านในประเทศไทยและทั่วโลก ที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจจากคำพูดของผม

และเพื่อเป็นการแสดงความสำนึกผิดอย่างจริงใจ ผมจะพยามยามหาโอกาสเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริง และขอขมาต่อผู้นำและองค์กรทางศาสนาอิสลามในประเทศไทยในโอกาสต่อไป

ผมกราบขอขมาและแสดงความเสียใจอย่างยิ่ง
ยืนยง โอภากุล
...
หนังสือของนิตยสาร hamburger
เรียน นายการีม อับดุลเลาะห์
เลขานุการคณะผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี

สืบเนื่องจากบทสัมภาษณ์คุณ ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว)ในคอลัมน์ talk hamburger ฉบับที่100 ประจำเดือนตุลาคม 2549 มีข้อความส่วนหนึ่งในบทสัมภาษณ์ที่สร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นไปในเชิงลบหลู่ศาสนาอิสลาม ซึ่งทางนิตยสารhamburger และคุณแอ๊ด คาราบาว รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง จึงใคร่ขอเรียนว่านิตยสาร hamburger และคุณแอ๊ด คาราวมิได้มีเจตนาเช่นนั้นแม่แต่น้อย อย่างไรก็ดีนิตยสาร hamburger และคุณแอ๊ด คาราบาว ตระหนักถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น จึงกราบขออภัยพี่น้องชาวมุสลิมทุกท่าน และขอยืนยันว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์ช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตต่อไป

อนึ่งทางนิตยสาร ได้ดำเนินการลงประกาศชี้แจงและขอภัยพี่น้องชาวมุสลิมทุกท่านไว้ในนิตยสาร ฉบับที่101 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2549ไว้เรียบร้อยแล้ว

ขอแสดงความนับถือ
จักรพันธ์ ขวัญมงคล
บรรณาธิการนิตยสาร hamburger
...
แถลงการณ์สำนักจุฬาราชมนตรี

เรื่อง ขอประท้วงนิตยสาร เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของรายยืนยง โอภากุลหรือแอ๊ด คาราบาว กล่าวพาดพิงในเชิงอคติต่อพระเจ้าและศาสดาของศาสนาอิสลาม โดยมีข้อความดังนี้ “...ผมไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริงหรือพระมูฮัมหมัดมีจริง ผมว่าเป็นการอุปโลกน์ขึ้นมาของมนุษย์เท่านั้น แต่ที่มีจริงก็คือศาสนิกทั้งหลายแม่งจ้องจะรบกันท่าเดียว รบเพื่อพระเจ้าของตัวเอง เขียนกันขึ้นมาเอง....”

จากบทสัมภาษณ์ดังกล่าว มิได้เกี่ยวกับเพลงที่ตนแต่งขึ้นแต่ประการใด แต่กลับกล่าวพาดพิงถึงพระเจ้าและศาสดาของศาสนาอิสลาม ถือเป็นการเสียดแทงหัวใจและกระทบต่อความรู้สึกของมุสลิมในประเทศไทยอย่างปฏิเสธมิได้ ทั้งนี้จะมีผลกระทบจิตใจต่อชาวมุสลิมทั่วโลกที่มีศรัทธาต่อพระเจ้าและศาสดามูฮัมหมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ศาสดาแห่งศาสนาอิสลามอีกไม่น้อยกว่า 1800 ล้านคนด้วย ดังนั้นขอเรียนว่าพฤติกรรมของนายยืนยง โอภากุลหรือ แอ๊ด คาราบาวเช่นนี้ ย่อมถือว่า มีอคติต่อศาสนาอิสลามอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้มีความเข้าใจในหลักศรัทธาของมุสลิมที่มีต่อพระเจ้าและศาสดาแต่อย่างใด กลับกล่าวหาในเชิงเหยียดหยาม และดูแคลนศาสนาอิสลามและมุสลิมด้วยอคติจริต จึงถือเป็นพฤติกรรมที่ทำลายการศรัทธาของมุสลิมไทย และมุสลิมทั่วโลกอย่างแท้จริง

สำนักจุฬาราชมนตรี ในฐานะองค์กรกลางของมุสลิมในประเทศไทย ขอประท้วงนิตยสารhamburger ที่เผยแพร่บทสัมภาษณ์ดังกล่าว และขอประณามพฤติกรรมของนายยืนยง โอภากุลหรือ แอ๊ด คาราบาว ที่กล่าวพาดพิงในเชิงอคติต่อพระเจ้าและศาสดาของศาสนาอิสลาม ทั้งนี้จะได้รายงานให้องค์กรเครือข่ายมุสลิมได้ทราบต่อไป

ประกาศ วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549
นายการีม อับดุลเลาะห์
เลขานุการคณะผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี