xs
xsm
sm
md
lg

ความอึดอัดที่ไม่ชวนประทับใจ ใน "เปนชู้กับผี"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"เปนชู้กับผี" เป็นผลงานลำดับที่ 3 ของผู้กำกับฝีมือดี "วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง" ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวความรักของหญิงสองคนที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกันและกัน อันเนื่องมาจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น "สามี" ของทั้งคู่นั้นเป็นคนคนเดียวกัน

หนังพาคนดูย้อนกลับไปในยุค พ.ศ.2477..."นวลจัน" (ศิริพันธ์ วัฒนจินดา) สาวน้อยจากต่างจังหวัดได้หอบท้องโย้เข้ามาสู่เมืองกรุงเพราะต้องการตามหาสามี "ชอบ" นักไวโอลินหนุ่มที่บอกลาเธอมาด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถบอกได้

เธอได้เข้าไปอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ชวนให้ประหลาดและหวั่นใจในความลี้ลับ ทั้งสิ่งที่มองเห็นและไม่เห็น รวมถึงตัวบุคคล ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เด็กผู้หญิงชุดไทย, เงาของชายหนุ่มที่ถือจอบขุดดิน, สมจิตร แม่บ้านผู้ที่แต่งชุดดำและถือตะเกียงอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน, ช้อย เพื่อนเพียงคนเดียวในบ้าน, ยายเอิบ ที่ถูกช้อยมองว่าเป็นผีปอบ รวมไปถึงตัวของ รัญจวน (สุพรทิพย์ ช่วงรังษี) คุณนายม่ายผู้เป็นเจ้าของบ้าน

นวลจันถูกความแปลกและบรรยากาศที่ลึกลับของบ้านเช่าหลังดังกล่าวเล่นงานเสียจนกระทั่งตัดสินใจที่จะไปอยู่ที่อื่น ทว่าเธอกลับคลอดลูกอ่อนออกมาเสียก่อน

ระหว่างอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวเพื่อเลี้ยงลูกน้อย นวลจันได้รับรู้ถึงตัวตนของคุณนายรัญจวนมากยิ่งขึ้นจากการบอกเล่าของสมจิตรเกี่ยวกับเรื่องราวความรักของผู้เป็นนายต่อคุณผู้ชายที่ต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ พร้อมๆ กันนั้นเธอก็ได้รับรู้จากปากของช้อยถึงความลึกลับของผู้เป็นเจ้าของบ้านต่อมีพฤติกรรมที่อาจจะซ่อน "ชายชู้" ไว้ในบ้านเพื่อคอยปรนเปรออารมณ์แห่งความใคร่!

วันหนึ่งนวลจันได้ยินเสียงสีไวโอลินแว่วดังลอยผ่านมา เธอรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะจำได้ว่ามันเป็นเสียงเพลงจากชอบผู้เป็นสามี และเธอก็ได้พบกับเขาในบ้านหลังนั้นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม การพบกันครั้งนี้กลับทำให้เธอเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเมื่อได้รับรู้กระทั่งเข้าใจว่า "ชายชู้" ของคุณนายม่ายเจ้าของบ้านที่ช้อยบอกนั้นอาจจะเป็นสามีของเธอเอง

เพราะความโกรธที่ถูกแย่งของรัก ทำให้นวลจันบุกเข้าไปหารัญจวนทันที แต่เธอกลับได้รับรู้เรื่องที่ชวนให้ช็อกยิ่งขึ้นไปอีก เพราะแท้ที่จริงแล้วกลับเป็นเธอเองต่างหากที่ได้ชื่อว่าอยู่ในฐานะของการเป็น "ชู้" ก่อนที่ทุกๆ เรื่องราวจะได้รับการเฉลยออกมา ไม่ว่าจะเป็นความแปลกประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้น และ "สถานะ" ที่แท้จริงของคนทุกคนที่อยู่ในบ้าน

ซึ่งก็รวมถึงตัวของนวลจันเอง...

ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหนัง "ฟ้าทะลายโจร" และ "หมานคร" ที่ผ่านมา คงจะมีส่วนที่ทำให้แฟนหนังของ "วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง" ตั้งความหวังไว้ว่า ผลงานการกำกับล่าสุดของเขาเรื่องนี้จะต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาแฝงอยู่ไม่มากก็น้อย

ทว่าเอาเข้าจริงๆ มันเกือบจะไม่มีอะไรเลยใน "เปนชู้กับผี" ที่ว่านี้

การสร้างความบรรยากาศของความน่ากลัวผ่านภาพที่ออกมาด้วยโทนสีอึมครึม เสียง มุมกล้องแทนสายตา และจังหวะของเสียงดังที่ชวนให้สะดุ้งตกใจค่อนข้างจะได้ผลในระยะแรกๆ แต่ด้วยการดำเนินเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่ไปไหน ย้ำอยู่ที่เดิมๆ ไม่มีอะไรคืบหน้านั่นเองที่ส่งผลให้ความน่ากลัว ความเสียวสันหลัง ความอยากรู้อยากเห็น และความอึดอัดที่เกิดขึ้นในระยะแรกๆ ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นความน่าเบื่อ กระทั่งท้ายที่สุดก็คือความน่ารำคาญ

หนังพยายามชี้ให้เห็นถึง "ความสำคัญ" ของเรื่องผ่าน “ความรัก” ของตัวละคร 3 ตัว อย่าง นวลจัน, ชอบ และ รัญจวน ทว่าในความเป็นจริงที่ออกมานั้นในความสัมพันธ์ของทั้งสามกลับเป็นไปอย่างเบาบางจนแทบจะมองไม่เห็น ไม่มีเรื่องและเหตุผลอะไรเลยที่จะชวนให้คิดได้ว่าพวกเขารักหรือผูกพันกันขนาดไหน ประโยคคำถามในเรื่องความรักของหญิงม่ายรัฐจวนที่ว่า...เมื่อเรารักใคร...เราควรรักเขาไปจนตายหรือเปล่า? ที่น่าจะเร้าอารมณ์ของคนดูให้เกิดอาการซาบซึ้งคล้อยตามและน่าเห็นใจ กลายเป็นเพียงประโยค "ยัดเยียด" ที่คนเขียนบทใส่เข้ามาเท่านั้น

เมื่อที่ประเด็นสำคัญที่เป็นบ่อเกิดของเรื่องทั้งหมดปรากฏจุดอ่อนแบบไม่น่าให้อภัยเช่นนี้ ความพยายามอุตส่าห์ใส่ใจ เอาเรื่องราวของตัวละครออกมาเล่าเป็นบทสรุปในตอนท้าย เพื่อที่จะตอบคำถามที่ว่า ทำไม หรือมันมีที่มาที่ไปอย่างไร ในเรื่องของความลึกลับ ความแปลกประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในบ้าน กลายเป็นสิ่งที่ดูฟุ่มเฟือย รกรุงรัง ขึ้นมาทันที

การจบเรื่องด้วยวิธีการ “หักมุม” ในหนังทั่วไปหากมีการดำเนินเรื่องที่ดี ชวนให้น่าติดตามอย่างมีเหตุผล และมี "อะไร" ที่เป็นเสมือนกับจิ๊กซอว์ของ "ลูกกุญแจ" ที่เป็นส่วนสำคัญในการ "ไขปริศนา" ของ "ความลับ" หรือ "คำเฉลย" แห่งบทสรุปในตอนท้ายออกมาอย่างแนบเนียน แน่นอนว่าโอกาสที่วิธีการเช่นนี้จะสัมฤทธิ์ผลด้วยการทำให้คนดูมีอารมณ์เชื่อ คล้อยตาม และมีอาการอึ้งนั้นก็มีอยู่สูงทีเดียว

ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมด้วยว่าผลร้ายของการจบด้วยวิธีการเช่นนี้บางทีบางครั้งนอกจากจะไม่ใช่คะแนนที่เป็นศูนย์แล้ว หนังเรื่องที่ว่าอาจจะถึงกับติดลบทางด้านความรู้สึกไปเลยทีเดียวหากขาดการเล่าเรื่องที่ชวนให้น่าน่าเชื่อถือ และไม่เคยมีอะไรที่เป็นการบ่งบอกถึง "รหัส" (ที่มีเหตุผล) แห่งบทสรุปในตอนท้ายออกมา หรือถ้ามีก็ยกคำอธิบายให้กับเหตุผลของความต้องการ "อารมณ์น่ากลัว" อย่างเดียวเหมือนกับที่หนังผีไทยหลายเรื่องในปัจจุบันกำลังทำอยู่

โชคยังดีที่ "เปนชู้กับผี" ยังไม่ไปถึงขั้นนั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น