เจอจี้หนักจาก "มูลนิธิบรมครู" กรณีหนัง "เปนชู้กับผี" อ้างชื่อ "ครูเหม เวชกร" หากิน แถมลอกเนื้อหาและภาพมาหลายต่อหลายฉาก ฝ่าย "ไฟว์สตาร์" รีบชี้แจงยืนยันแรงบันดาลใจไม่มีขอบเขต คิดพล็อตขึ้นมาใหม่ก็มีโอกาสซ้ำกันได้ ลั่นสาบานไม่ได้ก็อปปี้และไม่กลัวโดนฟ้อง แต่ยอมตัดชื่อครูเหมออกจากโฆษณา
หลังถูกมูลนิธิบรมครูออกมาสับแหลกว่าภาพยนตร์เรื่อง "เปนชู้กับผี" ของผู้กำกับมือดี "วิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง" มีการโฆษณาโดยใช้ชื่อของ "ครูเหม เวชกร" แถมหลายต่อหลายฉากในหนังยังมีส่วนคล้ายคลึงกับบทประพันธ์ของนักเขียนเรื่องผีชื่อดังก่อนจะจี้ให้ทางบ.ไฟว์สตาร์ในฐานะของผู้ผลิตออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้วนั้น
ล่าสุด "ก้องเกียรติ โขมสิริ" ในฐานะของคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้เปิดเผยว่า ตนเองยอมรับว่าอ่านเรื่องของครูเหมมา แต่สาบานว่าไม่ได้ลอกเลียนแน่นอน
"ในฐานะที่เป็นคนเขียนบทหนังเรื่องนี้ ยอมรับว่าได้รับแรงบันดาลใจจากครูเหม คนที่คุณวิศิษฏ์ชื่นชอบ แต่เราไม่ได้หยิบผลงานของท่านมาลอกเลียน เราพล็อตเรื่องขึ้นมาใหม่ โดยมีกลิ่นอายของครูเหมมาผสมผสาน ผมกล้าสาบานได้เลยว่า ไมได้หยิบเอาส่วนใดของครูเหมมาผสมจนทำให้เป็นเรื่องขึ้นมาใหม่ มันเหมือนเป็นการเป็นภาพภาพหนึ่ง ที่เรารู้สึกอย่างไรเราเคยประทับใจของครูเหมมันทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ครูเหมเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่ๆ"
"สมมติศิลปินรุ่นหนึ่งศรัทธาภาพแวนโก๊ะ ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าสีแปรงของเขาก็เหมือนกับแวนโก๊ะ มันเป็นการทำงานที่ทำด้วยจิตคารวะ ไม่ใช่เลียนแบบ ถ้าคุณเคยรู้สึกประทับใจอะไร ก็อาจจะมีความรู้สึกใกล้เคียงเกิดขึ้น ในฐานะของคนทำงาน แรงบันดาลใจของผมอยากคารวะ และการชื่นชมผลงานของใครซักคนหนึ่ง การกล่าวชมเชยการให้เกียรติ ไม่แลกที่ทำงานออกมาคล้ายๆ กัน ถ้าคนมีจิตกุศลจะคิดแบบนี้"
ส่วนช็อตผีปีนเสาที่ทางมูลนิธิแย้งมานั้นเจ้าตัวยอมรับว่าอ่านมาจากหนังสือแต่จินตนาการภาพขึ้นมาเอง ส่วนเรื่องฉากเลิฟซีนที่มีในหนังนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติและไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายวรรณกรรมของนักเขียนรุ่นเก่าแต่อย่างใด
"ก็ยอมรับว่าผมเคยอ่านบทประพันธ์ของเขา เคยดูภาพของเขา แต่อิทธิพลทีได้รับก็คือความรู้สึกมากกว่าช็อตของภาพ เรามีแต่จำนงที่ดี ไม่ได้แปลว่าเราก็อปปี้ลอกเลียน เราไม่ได้ต้องการสร้างความเสียหาย"
"ภาพเลิฟซีนมันเป็นปกติของการทำหนัง คงต้องดูที่องค์รวมทั้งหมด ดูหนังเรื่องหนึ่งต้องดูทั้งหมดอย่ามองแค่มุมมุมเดียว ในมุมของผู้เขียนขอยืนยันจากใจจริงว่าไม่ได้คาดหวังว่าจะมาขโมยชื่อเสียงของท่านเอามาโฆษณาตัวเอง เราทำงานตรงนี้มานาน มีศักดิ์มีศรีประมาณหนึ่ง เข้าใจว่าอะไรคือเกียรติ ฉะนั้นเราจะไม่ทำอะไรที่ไม่มีเกียรติ"
"มันเป็นเรื่องของภาพยนตร์ ในการทำหนังมันจะต้องมีทุกรสเราจะเลียนแบบเขามันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าเราไม่ได้เลียนแบบ คนเขียนเขียนขึ้นมาเอง เรามั่นใจว่าฉากพิศวาสของเราออกมาไม่น่าเกลียด...ผมเคยดูงานของครูเหม เวชกร ที่ออนแอร์ทางไอทีวี อันนั้นก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง มีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน แรงบันดาลใจก็คือแรงบันดาลใจไม่ใช่ว่าเรามองเฟรมนี้แล้วทำมันออกมาให้มันเหมือนกัน"
"มันมีกลิ่นไอของความเป็นไทย นุ่งโจงกระเบน ไม่จำเป็นต้องเป็นครูเหมหรอกที่ผีไม่มีหน้า ปู่ย่าตายายก็บอกมาแบบนี้เหมือนกัน มันอยู่ที่เจตนา ถ้าคุณนั่งหรือมองภาพของครูเหมด้วยจิตใจจริงๆ ฟีลลิงมันออกมามากกว่าช็อต เป็นความรู้สึก ที่คนไทยรับรู้เรื่องผีมากกว่า สไตล์ผีไทย เป็นการเล่าเรื่องผีแบบไทย คนไทยทั่วไปก็เล่าแบบนี้"
ยืนยันว่าจินตนาการไม่มีขอบเขต แม้จะโดนตำหนิจากฝ่ายคู่กรณีว่าเป็นจินตนาการภายนอกลอกความคิดคนอื่น แต่ผู้เขียนบท “เปนชู้กับผี” ไม่สนพร้อมลั่นหนังไทยต้องเดินต่อไป
"จินตนาการมันไม่มีหรอกครับขอบเขต ไปถามคนเลี้ยงปลาซิว่ามันอยู่ตรงไหน มันมีขอบเขตไม่ได้หรอก ศิลปะมันไม่มีขอบเขต โน้ตมี 7 ตัว พอเขียนออกมาซ้ำกันก็แปลว่าก็อปปี้ ถ้าไม่ใช่ก็คือแรงบันดาลใจ การมองหาขอบเขตในการทำงาน มันเหมือนมองนามธรรมให้เป็นรูปธรรมมันขีดเส้นอะไรไม่ได้"
ด้าน "ธิพวรินทร์ นิลดำ" ผช.ประธานกรรมการบริษัทไฟว์สตาร์โปรดัคชั่น กล่าวว่าหนังจะเข้าฉายวันที่ 2 พ.ย.ตามเดิม เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ทำให้ไฟว์สตาร์เสียชื่อเสียง และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเอาเปรียบในเรื่องลิขสิทธิ์ของใคร เพราะถือเป็นเรื่องจินตนาการ แต่ก็พร้อมที่จะตัดชื่อครูเหมออกจากหนังด้วย
"หลังจากที่เราได้จากมูลนิธิ เรามีความจำเป็นต้องเอามาให้สื่อรับรู้ เราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราเขาบอกว่าเราละเมิด ซึ่งเราคิดว่ามันไม่ใช่ การที่เราส่งแฟกซ์ไป ก็คือระงับการกล่าวอ้างหรือพาดพิงถึงครูเหม...หลังจากที่เราได้รับจดหมาย ได้เชิญเขามาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เขาก็บอกว่าเขาจะไปดูเอง ไม่ได้เป็นการโปรโมท การส่งแฟ็กซ์ก็เพื่อที่จะให้รู้ว่าเราไม่ได้มีการเจตนาที่ทำให้ครูเหมเวชกร เสื่อมเสีย แล้วก็ทางวิศิษฏ์เองก็มีความสามารถทั้งในและนอกประเทศ ก่อนที่จะทำเรื่องนี้ไม่ได้มีการพูดคุยกับทางมูลนิธิ คุณวิศิษฏ์มีความรู้สึกว่าอยากจะทำหนังผีที่เป็นผีไทยจริงวัฒนธรรมไทยๆ เราเลื่อมใสยกย่องท่าน ไม่ใช่เรื่องผิดหรือเสียหาย"
"ไม่ใช่เอาเปรียบ เป็นการคิดการจินตนาการของคุณวิศิษฏ์และคุณโขม เราสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้เป็นหนังผีไทย เป็นการหยิบเอาเรื่องราวไทยๆ แล้วมันก็คือจินตนาการของเราเอง เราก็ไม่มีอะไร เขาขอมาให้เลิกใช้ชื่อครูเหม เราก็ไม่ใช้ เราก็เอาออก ถ้าเขาจะฟ้องก็ฟ้องไปเพราะเรายืนยันว่าไม่ได้เลียนแบบ การเขียนของคนสองคนมันอาจมีเนื้อหาหรือสไตล์ที่ใกล้เคียงกัน คือคุณโขมเองก็ทำงานมาหลายเรื่องไม่ว่าจะบางระจัน มีประสบการณ์ในการทำงานสูง"