xs
xsm
sm
md
lg

จี้หนัง "เปนชู้กับผี" แจงแรงบันดาลใจหรือก็อปปี้ "ครูเหม"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"มูลนิธิบรมครู" จัดแถลงข่าววอนผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง "เปนชู้กับผี" ยุติโฆษณาลักษณะนำผลงานของ "ครูเหม เวชกร" มาแอบอ้างใช้ เผยไม่ใช่เรื่องของการละเมิดสิทธิ์แต่อยากรู้เรื่องขอบเขตของสิ่งที่เรียกว่าแรงบันดาลใจ เพราะมีหลายฉาก หลายประเด็นในหนังราวกับลอกบทประพันธ์มา ด้านไฟว์สตาร์เจ้าของหนังปฏิเสธ ยืนยันแค่เป็นแรงบันดาลใจของผู้กำกับและไม่ได้แอบอ้าง พร้อมแถลงข่าวชี้แจงพรุ่งนี้

บ.ไฟว์สตาร์วุ่นอีกแล้วหลังมีเรื่องมีราวกับสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติฯ ไปเมื่อเดือนที่แล้วกรณีการคัดเลือกหนังไทยส่งชื่อเข้าประกวดเวทีออสการ์ คราวนี้เป็นหนังไทยเรื่อง “เปนชู้กับผี” จากผู้กำกับฝีมือดี "วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง" ซึ่งได้ถูกมูลนิธิบรมครูในฐานะผู้ดูแลลิขสิทธิ์ผลงานของครูเหม เวชกร ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปในลักษณะที่ว่าเป็นงานที่สร้างขึ้นมาจากผลงานการประพันธ์ของครูเหม

ทั้งนี้หลังจากที่ทางมูลนิธิฯ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังบริษัทไฟว์สตาร์เพื่อขอให้ชี้แจงต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าก็ไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ทางมูลนิธิฯ เองจำเป็นที่จะต้องส่งจดหมายไปยังสื่อมวลชนเพื่อขอชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดและขอให้ยุติการโฆษณาดังกล่าว เนื่องจากภาพยนตร์เรื่อง "เปนชู้กับผี" ได้มีการนำเอาผลงานของครูเหมไปดัดแปลงเป็นส่วนประกอบต่างๆ ในภาพยนตร์หลายต่อหลายจุด

นอกจากนั้นในหนังยังมีฉากที่ไม่เหมาะสมของหญิงประกอบกิจกรรมทางเพศซึ่งอาจจะสร้างความเสื่อมเสียให้กับครูเหม เวชกรได้ในกรณีที่คนโดยทั่วไปเข้าใจว่านี่คือผลงานชุดปีศาจไทยของเจ้าตัว โดยทางมูลนิธิฯ ได้มีการแถลงข่าวถึงเรื่องนี้ในช่วงบ่ายที่ผ่านมาซึ่งประกอบไปด้วย อ.ประทวน เจริญจิต ประธานมูลนิธิ บรมครู, ด.ต.สุชาติ สมรูป ทายาทครูเหม เวชกร และไพศาล กิชไกรวรรณ ในฐานะเลขามูลนิธิบรมครูซึ่งได้เปิดเผยถึงรายละเอียดว่า...

“ที่ได้มีการเชิญสื่อมวลชนมาในวันนี้ เพราะต้องการชี้แจง เกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์ ซึ่งอ้างว่าได้รับแรงบันดาลใจจากครูเหม เวชกร ซึ่งการสร้างภาพยนตร์จะไปในแนวทางไหน ไม่ใช่หน้าที่ที่จะวิจารณ์ แต่มีการกล่าวอ้างถึงครูเหมและมีการอ้างว่าได้รับแรงบันดาลใจหรือดัดแปลงมาจากครูเหม ทางมูลนิธิมีหน้าที่สืบทอดผลงานของบรมครู ไม่ได้อยากจะมีข้อพิพาทหรือเป็นคดีกับใคร"

"แต่เกิดจากเรื่องคือมีสื่อมวลชน ติดต่อขอภาพวาดครูเหม ไปประกอบภาพยนตร์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ของไฟว์สตาร์ และมีการเผยแพร่ว่าเป็นผลงานของที่มาจากหนังสือผีปีศาจไทย บทประพันธ์ของครูเหม ทำให้เกิดการเข้าใจผิด มีการประขาสัมพันธ์พาดหัวว่าจากงานผีปีศาจไทยของครูเหม ผูกความสยองในเปนชู้กับผี แม้เนื้อหาข้างในจะบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจก็ตามแต่อาจจะเข้าใจผิดได้"

เลขามูลนิธิชี้แจงต่อไปว่าก่อนหน้านี้ได้มีการร้องเรียนเรื่องไปยังผู้สร้างแล้ว แต่ไม่ได้รับการติดต่อชี้แจงแต่อย่างใด ก่อนจะยืนยันไม่ใช่เรื่องของการละเมิดสิทธิ์แต่มีการเอาบางส่วนจากบทประพันธ์ของครูเหมไปใช้อย่างแน่นอน
"มูลนิธิมีหน้าที่ดูแลงานของครูเหม เผยแพร่ผลงานและดูแลสิทธิประโยชน์ของครูเหม จึงได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังบริษัท เราก็ดูอยู่ว่าจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร แต่แทนที่ผู้สร้างจะติดต่อมาคุยกัน อธิบายเหตุผลแต่กลับแถลงข่าวโดยใช้จดหมายของเรา ปฎิเสธว่าไม่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเสื่อมเสีย ปัญหาคือเมื่อคณะกรรมการไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้มีความลำบากใจ เพราะว่าหนังดังกล่าวมีส่วนใช้บทประพันธ์จำนวนมาก มีการใช้ผลงานและมันสมองของท่านแน่นอน แต่ใช้อย่างแยบยล ไม่สามารถสอบเอาผิดได้อย่างชัดเจน อันนี้คือความเห็นของผมนะ”

“ที่น่าตกใจคือการทำข่าวประชาสัมพันธ์ของปีศาจไทยนั่นแหละ คนเข้าใจผิดคิดว่าครูเหมเป็นคนเขียนกระตุ้นอารมณ์ เสียชื่อเสียงและทายาทเนื่องจากในหนังมีบทบาทกิจกรรมร่วมเพศ แล้วก็ไม่เห็นว่าทางบริษัทเขาจะรับผิดชอบแต่อย่างใด จึงมีความจำเป็นที่ต้องแถลงข่าวชี้แจง เผยแพร่ให้คนทราบว่าครูเหมไม่เคยเขียนภาพกิจกรรมทางเพศ”

เผยอยากให้อธิบายในเรื่องของแรงบันดาลใจเพราะตนเองก็ไม่เข้าใจในขอบข่ายเหมือนกัน
“อยากรู้ว่าแรงบันดาลใจมีขอบเขตมากน้อยซักแค่ไหนมีบางมุมบาส่วนที่คล้ายกับผลงานของครูเหมอย่างการวาดภาพผีที่เห็นลางๆในมุ้ง ทำให้หวนคิดว่าเหมือนของครูเหม เป็นภาพที่ครูเหมก็เคยวาดไว้แต่ไปดัดแปลงในหนัง อยากรู้ขอบเขตแรงบันดาลใจว่ามีแค่ไหน ยิ่งดูยิ่งชวนให้คิด มันแรงบันดาลใจหรืออะไรกันแน่”

“บทประพันธ์ของครูเหม เรื่องราวแบบคู่รักทะเลาะกันแบบชู้สาวแล้วก็ฆ่ากันตาย แล้วหนังเรื่องนี้ก็มีเหมือนกัน มีการใช้มีดเหมือนกัน การนำเอาไปสร้างภาพยนตร์อาจนำไปสลับสับเปลี่ยนกันหรือเปล่า การดูหนังตั้งแต่ต้นจนจบทำให้นึกถึงครูเหม การเข้าบ้านร้างก็เหมือนเรื่องของครูเหม แต่ที่โดนใจที่สุดมีอยู่ฉากหนึ่งที่ครูเหม แต่งเรื่อง “นั่งหวย” และมีฉากภาพที่เป็นผีที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน มีผีไต่ลงมาจากเสา ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีผีไต่ลงมาจากเสาเหมือนกัน"

"องค์ประกบอื่นๆ อาจจะไม่เหมือนกัน แต่มันก็มีการเหมือนกันในบางส่วน ตอนจบของบทประพันธ์ของครูเหมก็ไต่ลงมา 4 เสา ซึ่งของหนังก็เป็นเหมือนกัน ก็เลยอยากทราบว่าอะไรคือขอบเขตของแรงบันดาลใจ หรือเป็นการใช้วิวัฒนาการ ในการใช้ผลงานของผู้อื่น ซึ่งเป็นวิวัฒนาการที่ก้าวไปเร็วมากจนกฎหมายตามไม่ทัน...เราคงไม่เรียกร้องไปแต่อยากจะกล่าวบอกให้เจ้าของลิขสิทธิ์ทราบ ส่วนจะดำเนินไปตามกฎหมายหรือไม่นั้นก็แล้ว”

ในส่วนของ “ด.ต.สุชาติ สมรูป” ทายาทครูเหม เวชกร เผยว่า โดยส่วนตัวตนเองคิดว่ามันมีเรื่องของการใช้บทประพันธ์ด้วย ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแต่ไม่ติดใจเอาความ เพียงแต่อยากให้อีกฝ่ายแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจหากจะเอาเรื่องไปทำก็น่าจะบอกกันก่อน ขณะที่ อ.ประทวน เจริญจิต ประธานมูลนิธิบรมครู เหน็บว่า แรงบันดาลใจนั้นมีได้หลายอย่าง แต่แรงบันดาลใจของนักก๊อปปี้ก็มาจากสื่อภายนอกมากกว่าสื่อภายในใจตัวเอง

"แรงบันดาลใจมันเกิดขึ้นหลายอย่างคือเกิดจากภายนอกและตัวเอง คนที่เป็นนักก็อปปี้แรงบันดาลใจที่เกิดจากตัวเองจะไม่มี ส่วนใหญ่จะมาจากสื่อภายนอก การสร้างภาพยนตร์ก็มาจากแรงบันดาลใจ ซึ่งก็ไม่ผิด แต่เขาควรที่จะแถลงข่าวว่าแรงบันดาลใจของเขากับครูเหมมีกี่ส่วนๆ อย่างฉากร่วมเพศกิจกรรมแบบนั้นไม่มีในของครูเหม แล้วก็ไม่ควรจะใส่เข้าไป เราไม่ฟ้องร้องและเรียกค่าเสียหาย แต่อยากให้ประชาชนเข้าใจมากกว่า”

อย่างไรก็ตามเมื่อบันเทิง ออนไลน์ ได้สอบถามไปยังค่ายหนัง "ไฟว์สตาร์" เจ้าของหนังเรื่อง “เปนชู้กับผี” ด้านประชาสัมพันธ์ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นจะต้องแจ้งกับทางมูลนธิมบรมครู เพราะไม่ได้มีการแอบอ้างชื่อของครูเหม เวชกรมาใช้แต่อย่างใด เพียงแต่ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เคยบอกว่ามีแรงบันดาลใจจากงานเขียนของครูเหมเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องได้เกิดจากจินตนาการของผู้กำกับเองทั้งสิ้น และพร้อมชี้แจงกรณีนี้ในวันพรุ่งนี้(31)

"ทางเขาส่งจดหมายมา เราก็บอกว่าให้ดูหนังก่อนมั้ยแล้วค่อยคุยกันก็ได้อาจจะไม่มีอะไร พอดูหนังแล้วมันเลยออกมาเป็นแบบนี้ ก็ปล่อยให้ทางนั้นชี้แจงไปได้เลย เพราะว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกัน ยังไม่ได้คุยกันนะ เพราะไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร เรื่องฉากในหนังเป็นฉากที่คุณวิศิษฏ์คิดขึ้นมาเอง กำหนดมาเองจากจินตนาการของเขา เพียงแต่ว่าเคยพูดว่าเราได้แรงบันดาลใจก่อนที่จะมาทำเรื่องนี้จากงานของครูเหม เวชกร คือพูดง่ายๆ คือผีในงานของครูเหมออกแนวน่ากลัวว่าอย่างนั้นเถอะ แต่ไม่ได้เอามาทำหนัง"

"ไม่ได้แอบอ้างนะ แค่คุณวิศิษฏ์พูดว่ามันคือแรงบันดาลใจ เขาเล่าให้คนเขียนบทฟังว่า เออ...อยากได้ผีแบบนั้นแบบนี้นะ แบบของครูเหม ซึ่งมันน่ากลัวดี ที่จริงไม่น่าเป็นปัญหาด้วยซ้ำเพราะว่าคุณวิศิษฏ์ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนรักครูเหมนะ ฉากอื่นใดในนั้นก็เกิดจากการคิดเอง ซึ่งตรงนี้เราพร้อมชี้แจงในวันพรุ่งนี้ แต่บอกเลยตรงนี้ว่าไม่ได้แอบอ้างใดๆ เลย"
กำลังโหลดความคิดเห็น