เหมือนได้ชีวิตใหม่ ดาราสาว “เอ้ ชุติมา” เข้าไกล่เกลี่ยกรณีนิตยสารปาปาราสซี่ชื่อดัง “กอสซิปสตาร์”เขียนข่าวพาดพิงทำให้เสียชื่อเสียง เคลียร์ลงตัว “แก้ว พรีเมียร์”ในฐานะบรรณาธิการยอมรับผิดพร้อมทำตามข้อเรียกร้องทุกอย่าง เจ้าตัวยิ้มออกหลังทนทุกข์มานานร่วม2ปี เผยเริ่มมีงานมากขึ้น แนะสื่อต้องมีจรรยาบรรณในการนำเสนอข่าวสารที่เป็นความจริง
ยืดเยื้อมานานร่วม 2ปี หลังจากดาราสาว “เอ้ ชุติมา นัยนา” ได้เข้าแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง เป็นโจทย์ยื่นฟ้องเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นาย “ศิริ เหลืองสวัสดิ์”หรือ “แก้ว พรีเมียร์” บรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการผู้พิมพ์โฆษณาของนิตยสาร “กอสซิปสตาร์” กรณีเขียนพาดพิงกล่าวหาว่าตั้งโมเดลลิ่งบังหน้า เป็นแม่เล้าหาเด็กส่งเสียง พร้อมผู้ชายหน้าละอ่อนสนองตัณหาตัวเอง ในช่วงต้นปี2548ที่ผ่านมา
โดยล่าสุด “เอ้ ชุติมา” จับมือ “แก้ว พรีเมียร์”เปิดใจแถลงเมื่อเย็นวานนี้ (21 ตุลาคม)ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์หลังจากได้พูดคุยไกล่เกลี่ย ยอมความกันมาแล้วก่อนหน้านี้ โดยไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ พร้อมทั้งข้อเรียกร้อง 3 ข้อดังนี้ 1.จัดให้มีการแถลงข่าวเพื่อให้สาธารณชนทราบข้อเท็จจริง 2.จะต้องลงข้อความขอโทษขนาด 3 คูณ 5 นิ้วในหน้าบันเทิงของหนังสือพิมพ์หัวสี 5 ฉบับนานเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน ซึ่งประกอบไปด้วยหนังสือพิมพ์ข่าวสด คมชัดลึก มติชน เดลินิวส์ บ้านเมือง และห้ามไม่ให้นิตยสาร “กอสซิปสตาร์” ลงข่าวตนทั้งด้านลบและด้านบวก
ทั้งนี้ “เอ้ ชุติมา”ได้พูดถึงผลกระทบในระหว่างการแถลงข่าวว่าตนได้ทำการปิดบริษัท “โมเดลลิ่ง”ไปเพราะทนความกดดัน และแรงด่าไปไหว ประกอบโดนว่าร้าย สังคมไม่ยอมรับอีกทั้งงานในวงการบันเทิงงดหายทำให้เครียดถึงขั้นเก็บตัวเงียบไปยอมพบปะผู้คนทั้งที่ตนไม่ได้ ยืนยันทำไปไม่ได้ต้องการเงินแค่ต้องการเอาชื่อเสียงตัวเองคืนมาพร้อมทั้งเรียกร้องเพื่อนดาราลุกขึ้นมาต่อต้านเพื่อถามหาความยุติธรรม
“ที่เอ้มาคุยกับพี่แก้ว ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย นอกจากชื่อเสียงและศักดิ์ศรีเอ้ ที่จะต้องอยู่วงการต่อไป เอ้รักวงการนี้ และคิดว่าคงจะอยู่จนแก่ตาย พี่แก้วก็รับผิดทุกอย่าง เอ้ก็ให้เขาขอโทษด้วยการลงหนังสือพิมพ์หัวสี 5 ฉบับมีเดลินิวส์ คมชัดลึก มติชน ข่าวสด และบ้านเมือง หน้าบันเทิงหมดเลย 3 วันติดทั้งกรอบเช้ากรอบบ่าย และรายการต่างๆ 3 วันติด ขนาด 3 คูณ 5นิ้ว หน้าบันเทิงด้วย เอาชื่อเสียงและเกียรติยศของเอ้คืนมา ให้ประชาชนอ่านแล้วเคลียร์ เอ้จะได้มีละครเข้ามาต่อเนื่อง เอ้จะได้อยู่ในวงการได้อย่างสง่าผ่าเผยเหมือนเดิม และพ่อแม่อยู่อย่างมีความสุข
“เกือบ 2 ปีที่รอคอยวันนี้ เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า เอ้ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่หนังสือเขียน นี่คือสิ่งที่เอ้จริงใจที่จะพูด ที่ผ่านมีคนด่า เรียกว่าอี สังคมไม่ยอมรับมันทุกข์ใจมาก เอ้ไม่ต้องการสร้างภาพว่าตัวเองจะต้องดีสวยหรูเสมอไป แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจผู้หญิงอย่างรุนแรงมากๆ ก็ดีใจที่พี่แก้วรับผิดตรงนี้ทุกอย่าง และขออภัยเอ้ ก็ขอบคุณพี่แก้วที่เป็นสุภาพบุรุษเต็มร้อย พอเอ้ไปบอกกับครอบครัว เขาก็บอกว่าในเมื่อพี่แก้วยอมรับผิด เราก็พร้อมที่จะให้อภัย”
“หลายคนมองว่าที่เอ้มาฟ้องร้อง เพราะอยากได้เงิน หรือตกงาน คนอย่างเอ้ถึงจะจนก็มีศักดิ์ศรีพอเราสองคนก็ยังคุยกันได้อยู่ ไม่ได้โกรธกัน ไม่ใช่ว่าเจอแล้วไม่ทักทาย แต่ขอความกรุณาว่า แม้กระทั่งแฟนๆ ที่เขียนจดหมายมา ถ้าเขียนพาดพิงถึงเอ้ก็ไม่ได้ค่ะ อยากให้จบลงด้วยความสวยงาม ไม่ให้เอ้มีความกระทบกระเทือนจิตใจอีก เพราะที่ผ่านมา 2 ปีเรียกได้ว่า เป็นการกระทบกระเทือนจิตใจครั้งยิ่งใหญ่ วันนี้คงจะเป็นวันที่เอ้นอนหลับได้อย่างสบายใจที่สุด และคงมีความสุขในชีวิตแล้ว”
ไม่โกรธ และไม่ติดใจเอาความ ยืนยันสัมพันธ์กับ “แก้ว พรีเมียร์”ยังเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพเสมอ แต่ขอปกป้องชื่อเสียงโดยห้ามไม่ให้มีข่าวตนไม่ว่าเรื่องใดๆลงในนิตยสาร “กอสซิปสตาร์”ต่อจากนี้
“ใช่ค่ะ ไม่ต้องลงเลย เยอะมาก จนต้องปรึกษาแม่ว่า ไม่อยากอยู่วงการแล้ว อยากหนีไปเมืองนอก แต่แม่บอกว่าการหนีปัญหาไม่ใช่สิ่งดี ปัญหามีไว้ให้แก้ ต่อไปนี้จะต้องสู้กับสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ต้องไปกลัว ยืดอกสู้ให้ถึงที่สุด แล้ววันหนึ่งเวลาจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เราไม่ได้ทำผิด เราไม่ได้เป็น คนไม่ได้เป็นยังไงก็ไม่ได้เป็น ความจริงก็คือความจริง”
“ขอยุติแต่เพียงแค่นี้ดีกว่า ไม่ใช่ว่าโกรธหรือเคียดแค้นอาฆาต แต่ว่าไม่เอาดีกว่า ไม่อยากมานั่งอ่านข่าวให้มันสะเทือนใจ ก็อยากบอกสื่อมวลชนว่า การมีจรรยาบรรณของนักข่าวสำคัญที่สุด เวลาดาราเจอนักข่าวจะได้ไม่หนี ไม่ต้องหลบ อยากให้ทุกคนเป็นเพื่อนกันพี่น้อง เป็นน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ก็อยากให้ดาราทุกคนถ้าไม่ผิด ทุกอย่างอยู่ในพื้นฐานของความเป็นจริง อย่าโกหก เพราะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”
แอบเหน็บสื่อเปรียบเมือนกระจกเงาสะท้อนสังคม ควรนำเสนอข่าวที่ประชาชน เป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนดาราหากไม่ผิดจริงควรออกมาเรียกร้องหาความถูกต้องให้กับตัวเอง
“ นักข่าวทุกคนเป็นคนมีภูมิปัญญาสมอง ฉลาด ไม่ใช่ว่าเราเป็นดาราแล้วหลอกนักข่าว ความลับไม่มีในโลกหรอกค่ะ สืบแป๊บเดียวก็รู้ รู้แล้วดาราที่โกหกจะเสียหายมาก เพราะนักข่าวจะโจมตี ซึ่งก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ที่ดาราหลายคนโกหกสื่อ แล้วสื่อจับได้ทีหลัง ภาพลักษณ์ของเขาออกมาติดลบ”
“ ถ้าดาราที่ไม่โกหก และไม่ทำจริงๆ เอ้อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับน้องๆ เพื่อนนักแสดงทุกคน ถ้าไม่ผิดลุกขึ้นมาสู้ค่ะ เอาเกียรติยศเราคืนมา เอาศักดิ์ศรีเราคืนมา อย่ายอม แต่ถ้าผิด อายค่ะ...ไม่ต้องสู้ค่ะ ยอมรับกับนักข่าวและขอโทษเขางามๆ นักข่าวให้อภัย เราเป็นมิตรกันดีกว่าเป็นศัตรู เอ้ขอบอกว่า เคารพนักข่าวมาก ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง เพราะเอ้ยังต้องพึ่งกันอยู่”
เริ่มคิดนักกับการเปิดโมเดลลิ่งสร้างศิลปิน – นักแสดงให้กับวงการบันเทิงอีกครั้ง
“ยังต้องคิดหนักอยู่ ก็อยากเปิดมาก แต่มันมีอุทาหรณ์ ตอนที่เอ้ปั้นน้องๆ ดารา ที่ตอนนี้ดังไป 2-3 คนแล้ว ตอนที่ยังไม่ดังเวลามีปัญหาในโมเดลลิ่ง พวกเขาจะให้กำลังใจ เป็นพยานให้ตลอด แต่พอเขาดังแล้วเวลามีปัญหา เด็กก็เริ่มเปลี่ยนค่ะ เรากลัวที่สุดคือเด็กที่ไม่สำนึกบุญคุณคน ขอนะคะน้องๆ ให้จำว่ามาจากตรงไหน อย่าลืมกำพืดตัวเอง อย่าบ้าวัตถุ วันหนึ่งตกลงมาแล้วจะเจ็บจริงๆ ดังนั้นถ้าจะเปิดอีกก็ต้องคิดดีๆ นิดหนึ่ง จริงๆ อยากเปิดแต่ขอเด็กที่มีคุณภาพจริงๆ “
เผยกลับหลังจากไกล่เกลี่ย ยอมความเหมือนได้ชีวิตใหม่ เนื่องจากมีงานทั้งละคร รายการ พิธีกร งานโชว์ตัวรุมจีบเพียบ
“ใช่ เหมือนเพิ่งนับหนึ่งใหม่เลย เหมือนเอ้ตกไปศูนย์ แล้วกลับขื้นมา 1 ตอนนี้เป็น 4 แล้วเพราะมีละครติดต่อมา รายการเอยะมาก โฆษณาเริ่มติดต่อมา พรีเซ็นเตอร์ที่โดนถอดไป ปีหนึ่งสูญไปหลายล้านแล้ว มันกลับมาแล้ว ชีวิตเอ้กลับมาแล้ว เป็นชุติมาที่ร่าเริง สนุกสนานแล้ว ที่ทำไปไม่ใช่ว่าจะก้าวร้าวกับสื่อ ถ้าเอ้ผิดจะยอมรับ เอ้สามารถกราบเท้าสื่อต่อหน้าได้เลย ถ้าผิดจริง แต่ถ้าไม่ผิดก็จะมี น้องๆมาสมัครเป็นลูกหลานเพื่อน ลูกหลานทหาร และเด็กเรียนประวัติดี มีผู้ปกครองโทรมาบอกว่าขอระงับก่อนไม่ให้ลูกเรียนแอคติ้งที่นี่ เอ้ถามว่าเพราะอะไร เขาก็บอกว่ามีลูกชายคนเดียว และกลัวจะมีเพศสัมพันธ์กับเรางงมาก ส่วนน้องผู้หญิงทางผู้ปกครองก็กลัวว่าเราจะส่งให้เสี่ย ก็เอาหนังสือกอสซิปสตาร์มาให้ดูมีข่าวพาดหัวว่าเอ้เป็นกะหรี่ แม่เล้า หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมาเรียนเราก็ต้องปิดโมเดลลิ่งไปเลย ต่อจากนั้นงานละคร โชว์ตัวของเอ้ก็หายหมด”
“เอ้ก็ไม่เข้าใจว่าผิดตรงไหน เอ้ไม่เคยถูกประชาชนเรียกว่า “อี” เลย แต่หลังตกเป็นข่าว แม่ลูกคู่หนึ่งมาชี้หน้าบอกว่า นี่ไงอีชุติมาที่ลงกอสซิปสตาร์ มันมาเหนือต้องเอาเด็กเหนือไปขายแน่ๆ เลย ความรู้สึกคือเราทำอะไรผิด พอเอ้ไปเดินตลาด จากที่แม่ค้าจะเข้ามาขอลายเซ็น และถามถึงละคร แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่า โอ๊ย...ไม่เอาหรอก เป็นกะหรี่นี่หว่า มันกระทบกระเทือนจิตใจมาก”
โกหกจะเสียหายมาก เพราะนักข่าวจะโจมตี ซึ่งก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ที่ดาราหลายคนโกหกสื่อ แล้วสื่อจับได้ทีหลัง ภาพลักษณ์ของเขาออกมาติดลบ แต่ ไม่โกรธ และไม่ติดใจเอาความ ยืนยันสัมพันธ์กับ “แก้ว พรีเมียร์”ยังเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพเสมอ แต่ขอปกป้องชื่อเสียงโดยห้ามไม่ให้มีข่าวตนไม่ว่าเรื่องใดๆลงในนิตยสาร “กอสซิปสตาร์”ต่อจากนี้
“ใช่ค่ะ ไม่ต้องลงเลย เยอะมาก จนต้องปรึกษาแม่ว่า ไม่อยากอยู่วงการแล้ว อยากหนีไปเมืองนอก แต่แม่บอกว่าการหนีปัญหาไม่ใช่สิ่งดี ปัญหามีไว้ให้แก้ ต่อไปนี้จะต้องสู้กับสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ต้องไปกลัว ยืดอกสู้ให้ถึงที่สุด แล้ววันหนึ่งเวลาจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เราไม่ได้ทำผิด เราไม่ได้เป็น คนไม่ได้เป็นยังไงก็ไม่ได้เป็น ความจริงก็คือความจริง”
ด้าน “แก้ว พรีเมียร์”บรรณาธิการนิตยสารปาปาราสซี่ชื่อดัง “กอสซิปสตาร์” เปิดปากยอมรับผิด และยินดีทำตามเงื่อนไขในการลงข้อความขอโทษด้วยการลงหนังสือพิมพ์หัวสีจำนวน5ฉบับ เป็นเวลา3วันติดต่อกัน โดยตนจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
“ผมก็ดีใจที่คุณเอ้เข้าใจผม และให้อภัยผม บอกตรงๆ ว่าผมยอมรับผิด และยินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ภาพของคุณเอ้กลับคืนมา ผมก็ยินดีที่จะขอโทษคุณเอ้และครอบครัวค่าเสียหายคุณเอ้ไม่ได้เรียกร้อง คุณเอ้เรียกร้องให้ผมจัดแถลงข่าวให้ และลงข้อความขอโทษ และจ่ายค่าทนายให้ทางคุณเอ้ไม่ได้เรียกร้อง ตัวผมเองก็รับผิดชอบตรงที่คุณเอ้ต้องการ”