xs
xsm
sm
md
lg

คุยกับ "ฝ้าย สิรินทร์ยา" (1) : นางงามไล่นายกฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในบรรดาหญิงสาวทั้งหลายที่ได้ชื่อว่าเป็น "นางงาม" ทั้งหมด ดูเหมือนชื่อของ "ฝ้าย สิรินทร์ยา สัตยาศัย" จะเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูของใครต่อใครมากที่สุดแล้ว

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลังการก้าวขึ้นไปรับตำแหน่งนางสาวไทย ปี 2547 ที่มีโต้โผใหญ่อย่างไอทีวีเป็นคนจัด ด้วยความที่เป็นคนซื่อตรงต่อความคิดของตนเอง ไม่มีจริตในการสร้างภาพและประจบสอพลอใครไม่เป็นนั่นเองที่ทำให้เธอคนนี้ถูกจับตาจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่คิดว่าตนเองมีอำนาจทั้งหลายมิใยต้องพูดถึงงานในวงการบันเทิงที่แทบจะไม่มีชื่อของเธอเข้าร่วมเลย

แต่ที่น่าเกลียดที่สุดก็คือเรื่องภายหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของการเป็นหนึ่งในคนที่ไม่เอา "ระบอบทักษิณ" บนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งนอกจากจะถูกต่อว่าต่อขานมากมายจากต้นสังกัดแล้ว มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะที่ฝ้ายได้รับรู้ว่าชื่อของเธอนั้นไม่ติดอยู่ในทำเนียบของการเป็นนางสาวไทยแต่อย่างไร?

“ไม่มีเลยนะ ใครก็บอกว่าดูแล้วแต่ไม่มี ไม่รู้เขาคัดออกจากทำเนียบ มีอยู่วันหนึ่งที่เขาเลี้ยงกัน เลี้ยงคนใหม่ เราก็ซื้อของไปมอบให้น้องตามปกติ มอบให้เสร็จ พี่คนหนึ่งขึ้นไปพูดว่าต่อไปนี้ถ้าไม่เห็นฝ้ายมาช่วยงานเนี่ยแสดงว่าฝ้ายไม่อยู่แล้ว จะไปเมืองนอกแล้ว ซึ่งเรายังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปเมื่อไหร่..." อดีตนางสาวไทยปี 2547 กล่าวเปิดเผยยืนยันกับ Life & Entertainment

โดยจุดเริ่มต้นของการออกมาประท้วงรักษาการณ์นายกฯ "ทักษิณ ชินวัตร" นั้น ฝ้ายบอกว่ามาจากการที่รู้สึกว่าตนเองถูกเอาเปรียบที่สำคัญก็คือการทำผิดอย่างไร้ยางอายของผู้นำนั่นเอง
"เช่นเราทำงานเหนื่อยแทบตาย เราเสียภาษี เขาไม่เสีย ไม่ชอบอะไรที่ไม่ยุติธรรมค่ะ ที่รับไม่ได้จริงๆ คือเขากินแบบไม่ได้อาย นักการเมืองบางทีเราเข้าใจว่ามันมีเรื่องของการโกงกินบ้างนิดหน่อย แต่นี่คือแบบคนเห็นแล้วก็ยังไม่หยุด”

"พ่อเขาดู ASTV ดูทุกวัน ดูจนมันซึมซับ แล้วพอพ่อไปเราก็ขอไปด้วย อย่างน้อยเราไปคนหนึ่ง คิดเหมือนเราทุกบ้านคนก็น่าจะเยอะขึ้น มาให้รู้สึกว่าคนเยอะ พอนั่งอยู่หน้าเวที ไปสะพานมัฆวาน ไปสนามหลวง พอไปก็มีคนโทรมาว่าไปทำไม โทรมาว่าเราว่าเป็นนางสาวไทยห้ามฝักใฝ่ฝ่ายใด ต้องเป็นกลางตลอด"

"หนูไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใดแต่หนูมาแสดงความเป็นประชาชนคนหนึ่งแค่นั้น หนูเป็นประชาชนคนหนึ่ง หนูไม่มีสิทธิ์จะมาเหรอ เขาบอกต้องเป็นกลาง เราก็บอกก็นี่ไงเป็นกลาง...(ยิ้ม) จนวันที่ไปที่ธรรมศาสตร์ เราขึ้นเวทีเอาเงินให้ ASTV เขาก็โทรมาบอกว่าเจอหน้าผู้บริหารบนตึกจะทำหน้าอย่างไร จะหางานทำได้เหรอ ทุกอย่างก็ของพวกพ้องเขานะ แต่สิ่งที่เขาเตือนหนูว่ามันไกลไป หนูจะงานไม่ได้เลยหรือ เหมือนกบฏเลยน่ะ...(หัวเราะ) คุณพ่อก็งงว่ามาว่าได้อย่างไร เรื่องของความคิดมาห้ามได้อย่างไร”

“คือคุณพ่อเขาสนใจเรื่องนี้มาก แล้วเขาจะรู้สึกว่าเด็กรุ่นหนูไม่เห็นจะมีใครสนใจ เลย น้อยมาก นี่ไงเป็นนางสาวไทยแล้ว ขึ้นไปมอบซิ เป็นตัวแทนเขา ไม่ได้ปรึกษาทางกองประกวด ไปก็ขึ้นเลย ยังไม่หมดสัญญาด้วย อีกไม่กี่วันจะหมดสัญญาแล้ว ไม่ถึงอาทิตย์ด้วยมั้ง บางคนก็ว่าบอกจะรอหน่อยก็ไม่ได้ ตอนนั้นรู้สึกเหมือนเราเป็นตัวประหลาด เขาก็พูดกับเรานะ แต่ทุกคนดูนิ่งขึ้น ก็แอบคิดเหมือนกันว่า คนที่เขาไม่พูดกับเราเนี่ย เขากลัวว่าคนอื่นจะมองตัวเขาไม่ดีมั้ง”

ฝ้ายบอกว่าตนเองไม่กลัวแต่อย่างไรกับการแสดงจุดยืนที่ว่านี้ และผลจากการที่ขึ้นไปบนเวทีพันธมิตรครั้งนั้นนั่นเองที่ทำให้ชื่อของเธอเป็นที่พูดถึงขึ้นมาทันที
“ก็ไม่กลัวค่ะ คราวที่แล้วขึ้นเวทีใช่มั้ยคะ ก็ไปเปิดพันทิบดู โดนด่าควายๆ เต็มไปหมด โดนด่าเป็นเมียน้อยคุณสนธิ อะไรแบบนี้ ด่าเต็มเลย ด่าโง่ก็มี แต่เท่าที่เราอ่าน ใครโง่กันแน่ ถ้าเขาคิดได้แค่นั้นก็ช่างเขาเหอะ”
เมื่อครั้งรับตำแหน่งนางสาวไทย ปี 2547
“คือพ่อเขาคลุกคลีกับการเมืองมาตั้งแต่เด็ก พ่อจะเป็นคนตรงมาก เราเห็นมาจากพ่อ เราเชื่อพ่อ เพราะพ่อเราก็เป็นนักวิชาการ เขาไม่ชอบให้เราดูทีวีมาก มันไม่ได้อะไร เขาบอกว่าคนจนจะหมดไป คนยังจนอยู่เลย คนรวยซิทำไมมันยิ่งรวยกันเข้าไปใหญ่ เห็นด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่ว่าคุณสนธิพูดแล้วเออ...เชื่อๆ ไม่ใช่น่ะ เพราะเขาพูดออกสื่อตัวนายกเองเขาก็แสดงความเป็นตัวเขาออกมาอยู่แล้ว”

ในขณะที่รัฐบาลเองพยายามจะบอกและสร้างความเข้าใจให้กับคนส่วนใหญ่ฟังว่า คนที่ออกมาประท้วงนั้นเป็นคนที่ถูกหลอก ทว่าในความคิดของฝ้ายแล้วเธอกลับคิดว่าคนที่คิดว่าพวกคนอย่างเธอถูกหลอกนั่นแหละเป็นคนที่ถูกหลอก ก่อนที่จะยอมรับว่าในแวดวงนางงามนั้นแทบจะไม่มีการพูดถึงเรื่องการเมืองเลยสักนิดเดียว
“ไม่มีใครพูดเรื่องนี้นะคะ เพราะไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้กับหนู...(หัวเราะ) เขาคงจะต้องทำงานต่อไปน่ะพี่ เขาไม่พูดหรอก คือปกติเราก็ไม่ใช่คนพูดเยอะนะ พูดน้อยๆ เขาก็จะพูดกัน คือใครลุกไปไหนก็โดนนินทาแล้ว เราก็อยู่เงียบๆ ขนาดเราไม่ได้อยู่ ยังโดนเม้าท์เรื่องแฟนเลย ก็แฟนๆ ไม่ดีจะให้คบหรือ ใช่มั้ยคะ ก็ถูกต้องแล้ว เขาก็ชอบพูดกันไปเรื่อย”

"กับพวกดาราส่วนน้อยที่ออกมาชุมนุม ฝ้ายรู้สึกว่าพี่เขาไม่มีหน้ากากค่ะ คือเข้าใจนะคะว่าทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องทำเพื่อตัวเอง เพื่อความอยู่รอด มันคือเรื่องใหญ่ที่สุด หลายคนอาจจะคิดเหมือนเรา แต่เขายังไม่กล้าออกมาเท่านั้นเอง คนที่ออกมานี่ก็รุ่นเก่าๆ ทั้งนั้น สุดยอดเลย”

เอ่ยปากรู้สึกแย่กับผู้ใหญ่ที่ชื่อ "สมัคร สุนทรเวช" ทั้งๆ ที่อยู่ในวงการมานานแต่แยกแยะอะไรไม่ได้เลย ก่อนจะบอกว่าประเทศชาติจะแย่อย่างแน่นอนหากการเลือกตั้งครั้งหน้าและพรรคไทยรักไทยได้กลับเข้ามาทำหน้าที่เป็นรัฐบาลอีกครั้ง
"ถ้าเขากลับมาอีกก็คงจะฉิบหายอ่ะพี่...ข้อดีของเขาก็มีนะ คือทำอะไรเร็ว แต่ก็ไม่รู้ใครสร้างไว้แล้วหรือเปล่านะ ทุกอย่างก็มาเสร็จในยุคเขาหมด นอกจากเรื่องเร็วแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรอีก”

กรณีที่รักษาการณ์นายกออกมาบอกว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะตนถูกสื่อรังแกนั้น ฝ้ายบอกว่าเป็นเพียงข้ออ้างในการขอความเห็นใจเท่านั้นเพราะตามความเป็นจริงเกือบจะทุกสื่อ ฯ ทั้งทีวี หนังสือพิมพ์ ล้วนแล้วแต่อยู่ในความควบคุมจากทางภาครัฐทั้งหมด
“ไม่สงสารค่ะ มันคือข้ออ้างที่เอามพูดให้คนอื่นเห็นใจเขา ถ้าคนเขาดีจริงๆ เขาก็ไม่น่าโดนหนักขนาดนี้ คนเป็นหมื่นๆ คนมาไล่เขาคงไม่ธรรมดาแล้ว ถ้าจ่ายภาษีคนอาจจะให้อภัยมั้งคะ ส่วนเรื่องที่ตลกที่สุดในรัฐบาลชุดนี้ฝ้ายว่าเป็นลูกน้องเขามั้งคะ คือบางทีก็ตลกน่ะค่ะ บางอย่างที่ท่านนายกเขาเป็นอยู่อาจจะเป็นเพราะลูกน้องเขาด้วยก็ได้ ไปสนับสนุนในเรื่องที่ไม่ควร ทำให้อะไรมันแย่กว่าเดิม”

ยืนยันไม่ได้อยากดังจากการออกมาเปิดตัวครั้งนี้ พร้อมกับบอกว่าหากมีโอกาสก็อยากจะเขียนคอลัมน์ให้วัยรุ่นหันมาสนใจและเข้าใจในเรื่องการเมืองมากขึ้น ส่วนเรื่องที่อยากจะแนะนำรักษาการณ์นายกในตอนนี้ก็คือ อยากให้ออกมายอมรับความจริงเสียที
“เรื่องจะให้เขาออกมายอมรับความจริง อย่างเรื่องภาคใต้ อย่างครูจูหลิง เขาลงไปเยี่ยมบ้าง ทุกอย่างน่าจะดูดีขึ้นนะคะ นี่เหมือนเขาทิ้งเลย เหมือนคนไม่มีเมตตา ควรจะแสดงออกมานิดหนึ่ง รู้ตัวก็ควรกลับใจซะ..(หัวเราะ)”

“ฝ้ายไม่ได้อยากดัง เรามีสิทธิ์ที่จะพูดได้ เราออกมาพูดได้ตอนนี้เพราะ เออ..มีคนรู้จักเราแล้ว ไม่ใช่ทำไปเพราะอยากดัง ซึ่งถ้ามีโอกาสอยากเขียนคอลัมน์ให้วัยรุ่นได้อ่าน เข้าใจการเมืองมากขึ้นค่ะ”

สำหรับการชุมนุมใหญ่ของ "กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ในวันพุธที่ 20 กันยายน ณ ลานพระบรมรูปทรงม้านั้น ฝ้ายบอกว่าเธอไม่ได้มาพร้อมกับมงกุฎนางสาวไทยและไม่ได้ใช้ความเป็นนางสาวไทยมาต่อต้านรัฐบาลแต่อย่างไร หากแต่มาในฐานะของคนไทยที่รักชาติคนหนึ่ง นอกจากนี้เจ้าตัวยังแนะนำด้วยว่าสำหรับคนที่มาชุมนุมกันนั้นก็ขอให้เตรียมตัวและอุปกรณ์ให้พร้อมมากที่สุด
“อยากให้เตรียมตัวกันให้นานที่สุด หาเสื่อหาอะไรนิ่มๆ ไปปู ร่มกันฝน เอาเก้าอี้เล็กๆ มาก็ได้ เก้าอี้สนาม ยาที่ม็อบมีให้อยู่แล้ว คนที่มาชุมนุมน่ารักอยู่แล้วมีอะไรก็แบ่งกัน คงมีกลับไปอาบน้ำที่บ้านบ้าง แต่ก็จะอยู่จนเลิก มาให้กำลังใจคนอื่นด้วย อยู่ให้สนุก มันๆ ไล่มันไป”

"เราเห็นสิ่งต่างๆ ที่ไม่ถูกต้องก็อยากให้ทุกคนหันมาสนใจ มาลองพิจารณาดู จะได้มีชาติอยู่กันค่ะ"

(ติดตามอ่าน คุยกับ "ฝ้าย สิรินทร์ยา" (2) : นางงามที่สร้างภาพไม่เป็น)
กำลังโหลดความคิดเห็น