"ตั๊ก" ชิ่งศาล อ้างซ่อมบ้าน ด้าน "พจน์" ลั่นไม่รอมชอมแน่

“ตั๊ก บงกช” ชิ่งคดีผู้กำกับ "พจน์ อานนท์" ฟ้องหมิ่นประมาท อ้างติดดูแลการซ่อมบ้านและเพิ่งรู้หมายศาลก่อนส่งตัวแทนขอเลื่อนคำให้การอีก 30 วัน ด้านผู้กำกับชื่อดังไม่คัดค้านการเลื่อนแต่ยอมให้ไม่เกินวันที่ 7 ก.ย.นี้ต้องส่งเอกสารคำร้อง ยืนยันทำใจมาแล้วเรื่องยืดยาว เผยที่ให้ตั๊กเล่นไฉไลก็เพราะ "เสี่ยเจียง" บังคับ ลั่นหากชนะคดีเตรียมนำเงินไปทำบุญให้เด็กพิการทางสมองและพิการซ้ำซ้อน

บ่ายวันนี้ (28 ส.ค.) ที่ศาลแพ่ง รัชดาฯ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง “พจน์ อานนท์” ได้เดินทางมาพร้อมทนายเพื่อยื่นหลักฐานต่อศาลในคดีฟ้องร้องนางเอกอึ๋มผ่าซาก “ตั๊ก บงกช คงมาลัย” กรณีถูกนางเอกสาวกล่าวพาดพิงในหนังสือพิมพ์ทำนองว่าผู้กำกับคนดังกล่าวไม่มีความสามารถ ไม่มีความรู้ในวิชาชีพ และด่าว่าปัญญาอ่อนหลังทั้งคู่ได้มาร่วมงานกันในหนังเรื่อง “ไฉไล” ซึ่งผู้กำกับชื่อดังได้เรียกค่าเสียหายไปเป็นจำนวนเงินมูลค่า 5 ล้านบาทนั้น

ในวันนี้ซึ่งเป็นวันแรกของการรับเรื่องปรากฏว่าทางนางเอกสาวไม่ได้เดินทางมาที่ศาลฯ แต่อย่างไร โดยให้เหตุผลว่าติดเรื่องซ่อมบ้านและได้ยื่นขอเลื่อนคำให้การไปอีก 30 วัน ขณะที่ทางผู้กำกับฯ ยอมลดให้เหลือแค่ 10 วันเท่านั้นพร้อมกับยังบอกด้วยว่า ทางนักแสดงหญิงจะบอกว่าไม่รู้เรื่องหมายศาลไม่ได้เพราะเจ้าตัวเคยพูดเองว่าตัวเองมีความรับผิดชอบก่อนจะยืนยันค่าเสียหาย 5 ล้านที่เรียกไปจะไม่มีการรอมชอมเด็ดขาด และหากชนะคดีในครั้งนี้ก็จะเอาเงินไปทำบุญให้กับเด็กพิการทางสมองแน่นอน

“ตกลงว่าศาลนัดอีกทีวันที่ 18 ก.ย. ซึ่งจริงๆ ผมยื่นคัดค้านได้ในแง่ที่เขาขออีก 30 วัน แต่ผมให้แค่ 10 วัน ที่ตั๊กขอมา 30 วันมันไม่ได้ ตั๊กมาวันไหนก็ได้แต่อย่าเกินวันที่ 7 ก.ย. เพราะว่าเขาเคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่าทำไมไม่เรียก 50 ล้าน แล้วหนังสือพิมพ์ก็ตีพิมพ์วันที่ 27 มีนาคม ซึ่งมันก็นานแล้ว แสดงว่าเขาก็รู้ตั้งนานแล้วซิว่าผมจะฟ้อง แต่มาวันนี้มาบอกเพิ่งรู้เรื่อง บอกว่าเพิ่งได้รับหมายศาลวันที่ 5 สิงหาคม และจะขอเลื่อนคำร้องไป 30 วันนับจากวันนี้ ซึ่งที่จริงพี่ก็สามารถค้านได้ แต่ผมไม่ค้าน เปิดโอกาสให้เขามาเถียงกัน ทางศาลก็บอกว่าเปิดให้เขาเข้ามาคุยกัน ไม่อย่างนั้นจะอุทธรณ์ยาวมากไปกว่านี้”

“วันนี้เขาไม่มา ส่งแค่ตัวแทนมาบอกว่าติดซ่อมบ้านอยู่ ต้องดูบ้าน จริงๆ มันไม่ใช่ ซ่อมบ้านอะไร เพิ่งมีหนังสือไปถ่ายเขาทำกับข้าวในครัวมาแล้ว เขายังทำปลาร้าสับให้ดูอยู่เลย พี่ยังแย้งกับอัยการเลยว่าบ้านเขาเสร็จตั้งนานแล้ว เขากล้าโกหกศาล เขาก็คงกล้าโกหกประชาชนทั่วไปเหมือนกัน ผมก็จะสู้ให้ถึงที่สุด จะไม่มีการไกล่เกลี่ยรอมชอมอะไรทั้งสิ้น”

เป็นการเปิดโอกาสให้ตั๊กหรือเปล่า?
“เปิดโอกาสมั้ยมันก็เป็นภาษาของศาลนั่นแหละ แต่พี่คิดว่ามันจะได้มีคนมาต่อล้อต่อเถียง พี่จะได้ไม่พูดอยู่คนเดียว ซึ่งจริงๆ ฟ้องร้องมันก็ต้องมี 2 ฝ่ายอยู่แล้ว เป็นแค่การเปิดโอกาสแต่ไม่ไช่ยอม เรื่องรอมชอมผมคงไม่ยอมมั้งครับ”

“จริงๆ ทางเขาบอกด้วยซ้ำให้เรียก 50 ล้านเลยนะ 5 ล้านที่ผมเรียกไปมันน้อยกว่าตั้งเยอะ ไม่เป็นไร พี่มีการกุศลหลายที่รอให้บริจาคอยู่ พี่บอกน้องๆ เขาไปแล้วพี่จะบริจาคให้มูลนิธิคนพิการทางสมองและมูลนิธิซับซ้อนทางปัญญา น้องๆ เขาก็คงรออยู่ เพราะพี่ก็ตั้งใจจะช่วยน้องๆ เขาอยู่แล้ว”

ผู้กำกับชื่อดังบอกเตรียมใจมาแล้วว่าคดีนี้ต้องยืดเยื้อแต่ก็มั่นใจในหลักฐานที่มี
“ยืดเยื้อไม่เป็นไร ผมเตรียมเวลาว่างไว้แล้วว่าวันไหนถ่ายหนังวันไหนมาศาล ยืดเยื้อไม่เป็นไร สนุกดี จริงๆ เมื่อกี๊ก็ตื่นเต้นนะ เพราะไม่เคยขึ้นศาลมาก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ผลจะเป็นอย่างไรบอกไม่ได้เหมือนกัน คงต้องมาสู้กันที่ศาล แล้วผมก็ไม่ได้โต้ไปมานะ นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ผมออกมาพูด แล้วผมก็พูดตามหลักความจริง เขาด่าผมลงหนังสือพิมพ์ ผมก็ต้องปกป้องตัวเองซิ”

หลักฐานคำให้สัมภาษณ์ของตั๊กในหนังสือพิมพ์เพียงพอมั้ย?
“ต้องพอซิ เพราะสุดท้ายเขาเป็นคนลงเองว่าหนูขอรับผิดชอบคำพูดทั้งหมด ทำอะไรไปแล้วคนเราต้องรับผิดชอบ ผมมองว่าความจริงมันก็คือความจริง มันก็เห็นๆ อยู่แล้วว่าเขาออกมาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ก็แสดงว่าเขารับรู้มาตั้งนานแล้ว แต่วันนี้เขาบอกเพิ่งรับรู้ 5 สิงหาคม แค่นี้เขาก็ยังโกหกศาลแล้ว”

ผู้กำกับชื่อดังยังยืนยันว่าการที่นางเอกสาวทรงโตไม่มาศาลในวันนี้เป็นการหลบหน้าตน เพราะจริงๆ หลบหน้ามาตั้งแต่เปิดกล้องหนังเรื่องไฉไล พร้อมทิ้งท้ายว่าไม่มีทางร่วมงานกันอีกแล้ว พร้อมเผยที่ตั๊กได้ป็นหนังเอกหนัง "ไฉไล" ของตนก็เพราะ "เสี่ยเจียง" บังคับเท่านั้น ไม่ใช่ความต้องการของตนตั้งแต่แรก
“เขาหนีหน้าผมตั้งแต่เปิดหนังไฉไลแล้ว เรื่องร่วมงานกันคงไม่ได้แน่นอน เสี่ยบังคับยังไงก็ไม่ครับเสี่ย เพราเรื่องไฉไลเสี่ยเจียงเขาก็บังคับ ผมบอกไม่เอาตั้งแต่ทีแรกแล้ว แต่เสี่ยบอกเองว่าต้องเอา ผมก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไร”

ถ้าเสี่ยเจียงขอให้ยุติจะยอมมั้ย?
“เสี่ยเจียงคงไม่ขอหรอก เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่พอ คือถ้าผู้ใหญ่ในเมืองไทยเห็นว่าเด็กสามารถเหยียบหัวผู้ใหญ่ได้ หรือว่าสามารถด่าผู้ใหญ่ได้ ก็ช่วยกันสนับสนุนกันต่อไปแล้วกันครับ”