ทำเอาคนที่เห็นการอาการซาบซึ้งตราตรึงไปทีเดียวกับสีหน้าที่เศร้าๆ พร้อมๆ กับน้ำตาใสๆ ที่คลออยู่ทั้งสองเบ้าตาของ "นายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช" หรือ "หมอมิ้ง" เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระหว่างให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ความรุนแรงกลางเมือง พร้อมวิงวอนคนเดือนตุลาได้โปรดยุติปลุกเร้าให้คนในสังคมเกลียดชังกันอันจะทำให้เหตุการณ์บานปลาย
แถมยังกล้าบอกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลนั้นยึดแนวทางสมานฉันท์อยู่ฝ่ายเดียว แต่กับถูกอีกฝ่ายยั่วยุตลอดเวลา
ทั้งสีหน้าและแววตา แถมด้วยคำพูดที่ชวนกินใจ...อยากให้ทุกอย่างเริ่มต้นจากความรัก ไม่ใช่เรียกร้องให้ไปเริ่มต้นจากความชัง...งานนี้เชื่อว่าบรรดานักข่าวสายทำเนียบหลายๆ คนเกิดอาการอินและเชื่ออย่างแน่นอนว่าอากัปกิริยาทั้งหมดของท่านนั้นเกิดขึ้นมาจากความจริงใจ
หากไม่ได้กลิ่นวาเป็กซ์ที่หึ่งอยู่ในบริเวณดังกล่าวขึ้นมาเสียก่อน
สอบถามไปยังนักแสดงหลายต่อหลายคนต่างบอกเหมือนๆ กันว่าเจ้าน้ำแก้อาการวิงเวียน รวมถึงไปถึงพวกยาดม ยาหม่อง หรือจำหัวหอมเหล่านี้แม้จะทำให้น้ำตาไหลพรากๆ ออกมาได้จริงแต่ก็มีกลิ่นที่ทำให้คนอื่นรับรู้ได้ง่าย ดีไม่ดีใช้มากๆ อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับสายตาได้ ที่สำคัญ ต้องถือว่าอุปกรณ์เรียกน้ำตาเหล่านี้จัดได้ว่าเป็นเครื่องมือโบราณที่เอาไว้สำหรับดารานักแสดงหน้าใหม่ไร้ประสบการณ์ ซึ่งพวกที่เก๋าจริงๆ เขาไม่ใช้กันแล้ว
"สำหรับฉากร้องไห้ของเอ๊ะอย่างแรกที่สำคัญที่สุดคืออ่านบทให้เข้าใจ รู้สึกให้เป็นเหมือนในละครตัวนั้นเลย ต้องรู้สึกไปกับบท ที่สำคัญต้องได้กำลังใจจากคนในกองด้วยนะคะ..." คำบอกเล่าจากนักแสดงหญิง "เอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น" ต่อวิธีการเรียกน้ำตาของตน
"บางคนเนี่ยจะตั้งสมาธิว่าให้สมมติว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น แต่เอ๊ะทำไมได้ค่ะ เอ๊ะจะแคร์คนรอบข้างไปหมด เกรงใจทีมงานค่ะ อย่างตอนเล่นนางบาปว่าร้องเยอะเดี๋ยวมาเจอกิ่งกาหลงที่กำลังถ่ายนี่ยิ่งร้องเยอะเข้าไปใหญ่ หลายเท่าเลยเรื่องนี้ที่ต้องร้องไห้ ทุกฉากจริงๆสิ่งสำคัญคือสมาธิ เพราเอ๊ะเป็นคนสมาธิสั้น และหลุดง่าย"
"ไม่ต้องถึงกับนั่งซึมทั้งวันนะคะของเอ๊ะ เพราะเอ๊ะเคยลองแล้ว พอเอาเข้าจริงสมาธิสำคัญที่สุดเลย สมมติว่านั่งตั้งแต่เช้าแต่พอจะเข้าฉากดันร้องไม่ได้ก็มีนะ เพราะฉะนั้นสมาธิในการท่องบท เข้าใจบท ณ ตอนนั้นสำคัญสุด เพราะเวลากองรอเราทำอารมณ์เนี่ย ในใจเราจะวุ่นวายมากๆ สับสนไงคะ จะร้องก็ร้องไม่ได้ หลายคนอาจมองว่าเอ๊ะร้องไห้ง่าย แต่พอเอาเข้าจริงไม่ง่ายนะคะการที่เราจะร้องออกมาเอง มันก็มีเหมือนกันที่ร้องเพราะไดอะล็อกในเรื่องที่มันโดนใจจี๊ดๆ เลยน่ะค่ะ"
ส่วนนางเอกสุดเซ็กซี่อย่าง "เมย์ พิชญ์นาฎ สาขากร" ก็บอกว่าวิธีการร้องไห้ของตัวเองนั้นไม่มีอะไรมากแต่ไม่ต้องนั่งทำอารมณ์มาจากบ้านเพราะนั่นหมายถึงการเฟก แค่สะกดอารมณ์แต่งเรื่องให้มันเว่อร์ๆ ในจินตนาการก็ร้องไห้แล้ว
"เมย์ไม่เรียกว่าบีบน้ำตานะคะ เมย์เรียกว่าการอิน หลักง่ายๆ เลยของเมย์คือทำอย่างไรก็ได้ให้อินกับบทบาทนั้น แต่ถ้ามันยังไม่อินอีกเราจะต้องเหมือนกับว่าต้องทำให้อินมากไปกว่านั้นอีก อย่าสมมติในเรื่องแค่ทะเลาะกับแฟน แล้วแฟน ไม่กลับมา เราต้องร้องไห้ใช่มั้ยคะ เราก็จะแต่งเพิ่มเข้าไป อีกว่าเขาต้องไม่กลับมาและไปมีคนอื่น ไม่กลับมาหาเราอีกแล้ว คิดให้มันแย่กว่านี้ไปเยอะๆ พูดง่ายๆ แต่งให้มันเศร้าเว่อร์ๆ ค่ะ แต่เมย์จะไม่คิดว่าพ่อแม่ตายเหมือนบางคนนะ เพราะเมย์ว่าคิกแบบนั้นมันบาป แล้วก็เหมือนแช่งพ่อกับแม่ด้วย"
บางคนนั่งเศร้าทั้งวันกว่าจะเข้าฉากได้ เมย์เคยใช้วิธีนี้มั้ย?
"ไม่เคยใช้นะคะ เพราะถ้านั่งเศร้ามาทั้งวันไม่พูดไม่จากับใครทำอารมณ์มาจากบ้านเลยนี่มันเฟกแล้วล่ะพี่ คือเราต้องร้องมาจากข้างในไงมันถึงจะเข้ากับบท อย่างมากของเมย์นี่รอประมาณ 10 นาทีก็ได้แล้วล่ะ ไม่น่าจะเกินกว่านั้นแล้ว มากกว่านี้ทีมงานอาจบอกให้กลับบ้านไปเถอะ(หัวเราะ) แต่ไม่เคยได้เล่นรันทดร้องไห้เสียที เพราะหน้าตาออกแนวไฮโซ...(หัวเราะ) จริงๆ อยากเล่นที่มันร้องไห้เยอะๆ เลยล่ะพี่ แต่ไม่ค่อยได้เล่น"
ด้านนางเอกแห่งวิก 7 สี "ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์" บอกถึงวิธีการร้องไห้โดยใช้พวกยาดม ยาหม่องว่าจะยิ่งทำให้เล่นไม่ได้เข้าไปใหญ่ แถมยังทำให้เล่นออกมาไม่เป็นธรรมชาติอีกด้วย
"เวลาที่ต้องเล่นบทร้องไห้ ขวัญพยายามอ่านบทแล้วก็ซึมซับคาแรกเตอร์ตัวละครนั้นไปเอง แต่ถ้าเกิดไม่ได้จริงๆก็จะมีพี่ๆทีมงานช่วยบิ้วท์อารมณ์ให้ ตั้งแต่เข้าวงการจำได้ว่าไม่เคยใช้ตัวช่วยเลย เพราะขวัญรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมชาติอย่างบางคนเขาใช้ยาหม่องมาทา อย่างนั้นขวัญว่าคงเล่นไม่ได้กันไปใหญ่ เคยเพื่อนแนะนำบอกว่าให้เราลองคิดว่าถ้าวันหนึ่งคนที่เรารักเกิดป่วยหนักเขาโรงพยาบาล หรือเกิดเหตุการณ์ไม่ได้กับเขา เราไม่ได้อยู่กับเขาแล้วจะรู้สึกยังไงจะทำให้ร้องได้ง่ายขึ้น"
"แต่ขวัญกลับรู้สึกว่าถ้าเราคิดแบบนั้นมันสามารถทำได้แค่ครั้งเดียว ครั้งต่อไปก็คิดไม่ได้แล้ว เหมือนดูหนังแหละคะจบไปเป็นเรื่องๆ สู้เราเอาเวลามาศึกษาบททำความเข้าใจกับมันให้ได้มากที่สุดดีกว่า เพราะถ้าไม่ได้ก็ยังมีผู้กำกับคอยแนะนำอยู่"
ขณะที่นางเอกหน้าหวาน "ครีม เปรมสินี รัตนโสภา" บอกในช่วงแรกๆ ที่เข้าวงการบันเทิงนั้นเธอเองก็ใช้วิธีการเอายาหม่องทาเหมือนกันเพราะร้องไห้ไม่ได้ แต่พอนานไปร้องเก่งแล้วก็เลิกใช้ไปในที่สุด
"ครีมเคยได้เล่นหนังซีอุยที่เป็นแนวดราม่าหนักๆ เป็นหนังชีวิตที่ต้องร้องไห้เยอะมาก ก็จะพยายามคิดตัวละครตัวนั้น อ่านบทเยอะๆ คิดให้ได้ว่าเราเป็นตัวละครตัวนั้นที่เคยได้พบเจอชีวิตแบบนั้น ผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาแล้วก็จะร้องไห้ได้เอง แต่ถ้าไม่ได้จริงบางกองเขาก็จะมีแอ็กติ้งโคดคอยบิวท์อารมณ์ให้อีกที นิสัยส่วนตัวครีมเป็นคนที่ค่อนข้างเซนซิทีฟอยู่แล้วดูหนังที่มันเศร้าๆ หรือมีคำพูดที่มันโดนความรู้สึกก็จะร้องไห้ออกมาเอง แต่ยังไงก็ต้องมีการคุยกับผู้กำกับด้วยว่าเขาต้องการให้เราทำอารมณ์แค่ไหน อย่างไร"
"ช่วงแรกๆ ที่ครีมเข้าวงการยังไม่เคยผ่านงานด้านการแสดงมาก่อน เราก็ไม่รู้เรื่องว่าอยู่ดีๆ จะต้องร้องไห้ออกมายังไง เพราะชีวิตจริงก็ไม่ได้รันทด ออกจะสนุกสนาน ร้องไม่ได้จริงครีมก็ใช้ยาหม่องมาช่วย แต่ไม่มีหัวหอมนะคะเพราะว่าแพ้ แต่พอเล่นไปได้สักระยะ ประสบการณ์มีมากขึ้นก็ไม่ต้องมีแล้ว จะแอบไปทำอารมณ์คนเดียว"
จะจำเอาไปใช้บ้างก็ได้นะหมอฯ