xs
xsm
sm
md
lg

Eager Bodies : หัวใจที่แตกสลาย ในร่างกายที่เจ็บปวด

เผยแพร่:   โดย: ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี


ชาร์ลอตต์เป็นเพียงเด็กสาวอายุ 20 เธออาจจะมีความฝันเหมือนกับเด็กรุ่นๆ เดียวกัน ที่รู้สึกว่าชีวิตเพิ่งเริ่มต้น เธอมีความรัก มีแผนการถึงอนาคตอันยาวไกล แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลายลง เมื่อชาร์ลอตต์รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง

Eager Bodies งานกำกับชิ้นแรกของ ซาวีเยร์ จานโนลี (โปรดิวเซอร์หนังของโอลิวิเยร์ อัสซายาสเรื่อง Demonlover และ Clean) มีพล็อตไม่ต่างจากหนังหลายเรื่องซึ่งตัวละครเอกรู้ตัวว่าตนเองจะต้องตาย แล้วก็มืดแปดด้านในการหาวิธีรับมือกับมัน ถึงจะทราบดีกว่าในที่สุดแล้วทุกคนต้องมาถึงจุดนี้ แต่สำหรับชาร์ลอตต์มันยังเร็วเกินไป

แทนที่จะให้ชาร์ลอตต์เก็บเกี่ยวความสุขไปให้มากที่สุด เพื่อความทรงจำสุดท้ายของตัวเอง จานโนลีกลับทำในด้านตรงข้าม (ดัดแปลงจากนิยายของคริสเตียน เดอ มอนเตลลา) เธอสาดความโกรธขึ้งไปหาทุกอย่างรอบตัว ชาร์ลอตต์คงคิดว่าคนใกล้ชิดสมควรต้องได้รับความเจ็บปวดนี้ไปพร้อมๆ กับเธอ ตัวหนังเลยหมองหม่น และแทบจะไม่ปรากฏแสงสว่างแห่งความหวังเอาไว้ให้คนดูเลย

เป็นไปได้ว่าบุคลิกของหนังจากฝรั่งเศสมีลักษณะแบบนี้ กล่าวคือ มุ่งเน้นการจับภาพพฤติกรรมตัวละคร มากกว่าจะสั่งสอนหรือหยิบยื่นคำปลอบประโลมอันงดงามแก่คนดู – Eager Bodies เลยปราศจากจุดคลี่คลายต่อข้อสงสัยที่เกิดขึ้นในใจของผู้ชม มันทิ้งค้างอารมณ์ว่างเปล่า แห้งแล้งและดูดิบ เหมือนกับภาพที่ผู้กำกับเลือกถ่ายด้วยกล้องดิจิตอล การตัดต่อที่ละเลยความนุ่นนวล รวมถึงความต่อเนื่อง ก็ยังช่วยกันให้ตัวละครดู “เป็นอื่น” และ “แปลกแยก”

นอกเหนือจากชาร์ลอตต์ (รับบทโดย ลอรา สเมต์) แล้ว หนังยังมีตัวละครสำคัญอีก 2 ตัวด้วยกันที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์โศกครั้งนี้ คนแรกคือ ปอล (นิโคลาส์ ดูโวแชลล์) แฟนหนุ่มของเธอ และ นีนอง (มารี เดอนาโนด์) ญาติสนิทแสนสวยคนหนึ่ง

ทั้งชาร์ลอตต์, ปอลและนีนอง อายุเท่าๆ กัน สิ่งที่อนุมานเอาได้ก็คือ ไม่มีใครใน 3 คนนี้ที่สามารถเป็นนายของหัวใจตัวเองได้อย่างแท้จริง ทั้งหมดนั้นอ่อนไหว อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ คาดเดาไม่ได้ แล้วก็เปราะบาง ทันทีที่เจอเรื่องร้ายๆ (ที่ต่างฝ่ายต่างกระทำต่อกัน) ใจก็พร้อมจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ชื่อเรื่อง Eager Bodies เป็นพหูพจน์ก็เพราะร่างกายที่โหยหานั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 คน ชาร์ลอตต์รักปอล แต่เธอก็ทำใจไม่ได้ที่เมื่อเธอตายไปแล้ว เธอจะไม่ได้เป็นเจ้าของตัวเขาอีก หญิงสาวคิดด้วยอารมณ์ชั่ววูบ โทรตามนีนอง ญาติสนิทของตัวเองมาให้รู้จักกับแฟนหนุ่มของเธอ หวังไว้ลึกๆ ว่าหลังจากเธอจากไป ทั้งคู่อาจสานสัมพันธ์กันต่อ

แต่พอนีนองปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ ชาร์ลอตต์ก็รู้สึกทนไม่ได้ เธออาละวาดอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อถ่ายเทความโกรธที่มีต่อโชคชะตา มาใส่ไว้กับใครสักคน

ปอลเป็นผู้ชายเงียบๆ คนหนึ่ง ไม่ใคร่จะหยอกเล่นกับเพื่อนๆ เขาไม่ร้องไห้ และก็ไม่เคยหัวเราะกับเรื่องอะไรด้วย คนดูรับรู้ความเจ็บปวดที่รู้ข่าวของชาร์ลอตต์ได้จากแววตาของเขา การทนทู่ซี้อยู่กับแฟนสาวอารมณ์ร้าย เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากความรัก แต่ปอลก็ทำในสิ่งที่คนดูไม่เข้าใจ เขาแอบไปมีอะไรกับคนอื่น ซึ่งก็เป็นไปได้อีกเหมือนกันว่า มันเป็นวิธีระบายความโกรธขึ้งของเขา

นีนองเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุด แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนที่จะต้องเผชิญกับความตาย แต่นีนองก็ตกอยู่ในสภาวะตายทั้งเป็นมานานแล้ว คนดูได้ทราบภูมิหลังของนีนองจากปากของเธอเอง เธอเรียนไม่จบ เข้ามาปารีสเพื่อหางานทำ และงานที่ได้คือการเป็นสาวเสิร์ฟในบาร์แห่งหนึ่ง

แต่ข้อมูลเกี่ยวกับนีนองที่ออกจากปากคนอื่นนั้นเจ็บปวดเสียยิ่งกว่า แม่ของชาร์ลอตต์พูดถึงหลานสาวคนนี้ว่า “เป็นเด็กผู้หญิงเลวๆ แรดๆ คนหนึ่ง” ส่วนตัวชาร์ลอตต์เอง ก็พูดถึงญาติสนิทของเธอว่า “หล่อนมีรอยสักต่ำๆ ดูชั้นต่ำเหมือนกับตัวของหล่อน”

เห็นได้ชัดว่ารักสามเส้านั้นเกิดขึ้นเพราะเกมแห่งความเจ็บปวดที่ชาร์ลอตต์สร้างขึ้นมา เธอผลักไสปอลไปหานีนอง แล้วสองคนที่เหลือก็สนองตอบ แต่สิ่งหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือ ความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดนี้ ไม่ได้เกิดจากอารมณ์ประชดประชันเพียงอย่างเดียว ว่ากันตามตรงมันแทบจะไม่ใช่เลยด้วยซ้ำ หากแต่ตัวละครทั้งหมดนั้นเคว้งคว้าง และต้องการที่ยึดเหนี่ยวในรูปแบบที่ต่างกันออกไป

หนังมีช่วงที่ดูอบอุ่นในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เทียบกันไม่ได้เลยกับความรุนแรงทางอารมณ์ที่ปกคลุมอยู่ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากไคลแม็กซ์ที่ทั้งสามคนร่วมรักกันนั้น เป็นฉากที่ดูเศร้าและยาวนานราวกับว่าจะไม่มีวันจบสิ้น

แก่นเรื่องอันว่าด้วย “ความตายของคนหนุ่ม” เคยเป็นกระแสสำคัญในหนังยุคแสวงหา Eager Bodies เองก็ชวนให้นึกถึงหนังของกลุ่มคลื่นลูกใหม่ของฝรั่งเศส (ในยุค 60) หลายเรื่อง อาทิ Cleo from 5 to 7 ของ อักเญส วาร์ดา (เรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่รอผลตรวจว่าตนเองเป็นโรคร้ายหรือเปล่า), Jules et Jim ของ ฟรองซัวส์ ทรุฟโฟต์ (เรื่องรักสามเส้า) หรือ A bout de souffle ของ ฌอง-ลุก โกดาร์ (ว่าด้วยชีวิตของคนหนุ่มผู้แปลกแยก)

ความตายของคนหนุ่มนั้นถูกถ่ายทอดแตกต่างกันออกไป กล่าวสำหรับ Eager Bodies แล้ว มันไม่ใช่ความตายทางอุดมการณ์, ไม่ใช่ความตายของช่วงวัย (ก่อนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่) ไม่ใช่กระทั่งการแตกสลายของร่างกาย (ถึงตอนสุดท้ายแล้ว เราก็ไม่เห็นฉากวาระสุดท้ายของชาร์ลอตต์)

แต่มันน่าเศร้าที่สายตาของตัวละครทั้งสามดูว่างเปล่า มันเหมือนความตายทางจิตวิญญาณที่แทบจะกอบกู้เศษซากใดๆ กลับคืนมาไม่ได้อีก


กำลังโหลดความคิดเห็น