นักศึกษาแพทย์รวมตัวแบนชื่อหนัง “อาจารย์ใหญ่” เหตุลบหลู่ ไม่ให้ความเคารพต่ออาชีพแพทย์ กองเซ็นเซอร์สั่งด่วนเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ศพ”รวมทั้งปรับปรุงเนื้อหาบางส่วนเพื่อความเหมาะสม ด้านผู้กำกับ “ดุล ดุลยสิทธิ์” เผยยินดีทำตามกติกา แอบหวั่นเรตติ้งหนังไม่เป็นไปตามคาด
โดนฤทธิ์จากกองเซ็นเซอร์เข้าให้อีกเรื่องสำหรับภาพยนตร์เรื่อง "อาจารย์ใหญ่" ของค่ายสหมงคลฟิล์มฯ หลังคณาจารย์และนักศึกษาแพทย์ท้วงติงถึงวิธีการนำเสนอที่ไม่เหมาะ สร้างความสะเทือนใจแก่ผู้ที่แสดงเจตนาบริจาคร่างกาย และกระทบต่อสถาบันแพทย์ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคม กระทั่งต้องมีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "ศพ" ไปเรียบร้อยแล้ว
“ทางนักศึกษาแพทย์เขาท้วงติงมาเราก็เชิญมาดูหนัง เขาก็บอกให้เอาบางส่วนออก แล้วส่งเรื่องไปยังกองเซ็นเซอร์ซึ่งมี 4 ข้อที่ต้องแก้ไข เราก็ยินดีที่จะทำตามข้อแรกคือให้เปลี่ยนชื่อเรื่องจากอาจารย์ใหญ่เป็นศพ ตัวละครในเรื่องเขาเดินทางไปเรียนหนังสือทางเรือซึ่งทางนักศึกษามองว่าทำให้คนดูคาดเดาได้ว่าเป็นศิริราช ข้อที่สามเครื่องหมายกากบาทในหนังสือรุ่นเพราะเกี่ยวเนื่องกับสภากาชาดไทย และข้อสุดท้ายคือเกี่ยวกับการเรียนการสอน”
“ทั้งหมดเราก็ได้ปรับเปลี่ยนไปแล้วตามที่ท้วงติงมา โดยก่อนที่จะมีฉายหนังเราก็ขึ้นเป็นตัวหนังสือให้ว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งสมมติขึ้นไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายเราก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าถามถึงว่ากังวลมั้ยก็มีบ้างเพราะที่เราโฆษณาไปใช้ชื่ออาจารย์ใหญ่ซึ่งก็ดำเนินการแก้ไขให้ทันก่อนวันฉายจริง แต่พอกลายมาเป็นเรื่อง ศพคนก็อาจมีงงๆ บ้าง แต่คิดว่าเขาน่าจะเข้าใจ”
ด้านผู้กำกับฯ “ดุลยสิทธิ์ นิยมกุล” เองแม้จะจำใจปรับปรุง แก้ไขเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย แต่เจ้าตัวก็แอบหวั่นกลัวเรตติ้งไม่เป็นไปตามคาดหมายตามแผนที่วางไว้
“มันก็อาจจะมีผลบ้าง เพราะชื่อเดิมที่ตั้งคิดว่ามันเหมาะสมกับเนื้อเรื่องอยู่แล้ว แต่พอมีคนท้วงติงมาก็ต้องพิจารณาใหม่ อย่างหนังเรื่องหนึ่งมันก็ต้องมีโฆษณา ประชาสัมพันธ์ที่ทางบริษัทวางแผน พอมีปัญหาเกิดขึ้นหลายๆ ส่วนคงคลาดเคลื่อนไป”
ผู้กำกับภาพยนตร์ยอมรับต่อไปว่า ไม่คิดเหมือนกันว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เนื่องจากก่อนทำหนังตนได้มีการปรึกษาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายรวมทั้งข้อมูลจากนักศึกษาแพทย์เพื่อความสมจริงมาแล้ว
“ต้องบอกก่อนว่าเจตนาที่เราทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ต้องการที่จะลบหลู่ เพียงแค่อยากทำหนังในอีกแง่มุมของชีวิตนักศึกษาแพทย์ เราบริสุทธิ์ใจจริงๆ ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการทำหนังขึ้นมาทางเราก็ได้ศึกษารายละเอียด ปรึกษาผู้รู้ รวมทั้งการของข้อมูลจากนักศึกษาแพทย์เองเพื่อไม่ให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ทางเขาก็ยินดี”
“แต่พอหนังออกมาเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยยิงตัวอย่างไปตามโรงหนังรวมทั้งรวมทั้งภาพโปสเตอร์ก็มีการทักท้วงมา เราก็เลยเชิญทั้งอาจารย์ และนักศึกษาแพทย์มาดูเนื่องจากเขาบอกว่าหนังไม่ให้ความเคารพอาจารย์ใหญ่ ที่พยายามแสดงให้เห็นว่าอาจารย์ใหญ่เป็นผีลุกขึ้นมาหลอกคนซึ่งไม่เหมาะสม เสื่อเสีย แต่เรายืนยันครับว่าไม่มีเจตนาแบบนั้น”
ออกปากไม่ซีเรียส แต่ตั้งความหวังอยากให้วงการหนังไทยเปิดกว้างมากกว่านี้ พร้อมวอนคนดูเปิดใจเข้าไปดูหนังก่อนตัดสิน
“ผมไม่ซีเรียสครับ ทุกอย่างมันมีกติกาเราก็ต้องทำตามนั้น เพราะกองเซ็นเซอร์เองหรือผู้ที่เกี่ยวข้องก็มีหน้าที่ในการตรวจสอบจุดไหนไม่เหมาะสมเราก็เอาไปปรับปรุงแก้ไข เพียงผมมองว่าบางมุมสังคมไทยน่าจะเปิดกว้างเพื่อให้วงการหนังไทยไปได้ไกลกว่านี้ แต่ที่สำคัญก็ต้องอยู่บนความถูกต้องและรักษาวัฒนธรรมของไทยไว้ด้วย”
"ผมอยากให้คนดูไปดูหนังก่อนที่จะตัดสินว่ามันลบหลู่ถูกผิดยังไง เพราะเราตั้งใจและพยายามเสนอหนังในแง่มุมที่ดีจริงๆ แม้จะเปลี่ยนชื่อเรื่องแต่ว่าโปสเตอร์ก็ยังเหมือนเดิม คิดว่าคนน่าจะจำได้ ผมว่ามันเป็นหนังแนวสยองขวัญอีกเรื่องที่น่าดูนะครับ”
