xs
xsm
sm
md
lg

คนบันเทิงตุงนัง! "แก้ว" หย่า "อ๊อด" แย่ง "ต๊อด" จาก "ปู"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปู ปริศนา
ช็อกวงการบันเทิง "แก้ว อภิรดี" หย่า "อ๊อด โอภาส" แล้ว เจ้าตัวปฎิเสธเหตุมือที่สาม "ต๊อด-พ.ต.วินธัย สุวารี" แฟนเพื่อนนักแสดง "ปู ปริศนา" แจงเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ด้าน "ปู" เปิดอก ไม่เคยเอะใจทั้งที่หลายคนเคยเตือน เจ้าตัวลั่นหากเป็นจริงคงเสียความรู้สึก เหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง!

วงการบันเทิงร้อนฉ่า มั่วจนอีรุงตุงนังไปหมดเมื่อมีข่าวออกมาว่านักแสดงฝีมือดี "แก้ว อภิรดี" ได้หย่าขาดจากสามี "อ๊อด โอภาส" แล้ว หลังครองรักกันมานานเจ้าตัวเผยสาเหตุแบบคลุมเครือมาจากเรื่องทางเศรฐกิจ พร้อมปฏิเสธเป็นมือที่ 3 แย่ง “ต๊อด พ.ต.วินธัย สุวารี” ผู้รับบทเป็น“พระเอกาทศรถ” ที่แสดงร่วมกันในภาพยนตร์เรื่อง “นเรศวร” คู่ชีวิตของนักแสดงสาว "ปู ปริศนา" ดอดไปเที่ยวกันสองต่อสองที่หาดใหญ่ โดยมีข่าวว่าเจ้าตัวพร้อมสามีจะออกมาแถลงข่าวชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้

ขณะที่ฝ่ายปูเองหลังทราบข่าวถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ถึงกับตกใจ โดยเจ้าตัวบอกพยายามโทรไปสอบถามเรื่องราวจากทั้งคู่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน เผยตนเองอย่างไรก็ได้แล้วแต่ฝ่ายชาย ก่อนบอกว่าทราบข่าวมานานแล้วถึงความสั่นคลอนระหว่างฝ่ายหญิงกับสามี

“จริงๆ พี่ทราบเรื่องพร้อมๆ กับนักข่าว อาจจะก่อนหน้าสักนิดเดียวเพราะมีผู้หวังดีส่งเมสเสจมาบอก ก็ตกใจอยู่เหมือนกัน หลังจากนั้นพี่โทร.ไปถามทั้งสองคนเขาก็บอกเป็นเพื่อนกัน ถามว่ารู้สึกยังไง คือตัวพี่กับผู้พันฯ เรารู้จักกันในระดับนึง เราเปิดบริษัทด้วยกันมา 7 ปีแล้ว มันผูกพันกันเรื่องงานมากกว่า เราดูแลกันแบบเป็นพี่เป็นน้อง เราไม่ได้แต่งงานและไม่ได้จดทะเบียนกัน ถ้าเขาจะไปคบกับใครฉะนั้นมันก็เป็นสิทธิส่วนตัวของเค้า เราคงไม่มีสิทธิไปดึงเค้ากลับมา ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเค้าตัดสินใจ”

ทราบมาก่อนมั้ยว่าสองคนสนิทสนมกัน?
“ไม่ทราบเลยเพราะทุกอย่างปกติหมด มีผู้หวังดีเมสเสจมาบอกว่าสองคนนี้คบกันอยู่นะ มีมาตลอดเลย เคยมีบอกว่าเห็นไปเที่ยวกันที่หาดใหญ่ก็มี มีคนเจอแล้วมาบอกเรา ซึ่งพี่ก็ถามเขาเขาก็บอกว่าไปทำงาน ผู้หญิงก็บอกไปทำงาน และเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย เขาสองคนเจอและรู้จักกันในกองนเรศวรค่ะ ส่วนระยะเวลานานแค่ไหนอันนี้พี่ไม่รู้ พี่เล่นด้วยก็จริงแต่เรื่องงานพี่ไม่ได้ไปยุ่งของแต่ละคน เขาบอกไปถ่ายหนังก็เออไปถ่ายหนัง เราก็ทำงานของเรา ฉะนั้นเขาจะเจอกันเมื่อไหร่เราไม่ทราบ”

“ก่อนหน้านี้บอกตรงๆ ว่าไม่ทราบอะไรเลย ไม่เคยระแคะระคาย พูดจริงๆ ไม่ได้โกหก ทราบก่อนหน้านักข่าวแป๊บเดียวเอง เพราะมีคนส่งเมสเสจและโทร.มาบอก หลังจากนั้นวันที่ 1 กรกฎาคมค่ะ วันดีเดย์(หัวเราะ) พี่ได้โทร.กลับไปปรากฎไม่ติดเป็นเบอร์ที่ติดต่อไม่ได้ อีกวันนึงเป็นนักข่าวท้องถิ่นที่หาดใหญ่โทร.มาบอกเราว่า เจอสองคนนี้ไปเที่ยวด้วยกัน เราก็บอกเหรอ…พี่ก็เลยโทร.ถามทั้งผู้หญิงและผู้ชายเขาก็บอกไปทำงาน และไปเที่ยวก็เลยเจอกัน”

ตอนแรกที่มีคนแมสเสจมาเชื่อมั้ยว่าเป็นเรื่องจริง?
“ก็ไม่เชื่อ เพราะเราถามทางผู้พันฯ เขาบอกยังไงเราก็ต้องเชื่อ ต้องให้เกียรติในสิ่งที่เขาบอกเรา ไม่เคยคิดเอะใจเลยค่ะ เราอยู่ด้วยกันมันไม่ใช่เป็นผัวเป็นเมีย แต่ที่อยู่ด้วยกันทุกวัน ต่างคนต่างมีสิทธิเสรีภาพ ถามว่าเคยอยู่ด้วยกันมั้ย เคยอยู่ด้วยกัน แต่ตอนหลังแยกกัน ต่างคนต่างทำงาน ยังติดต่อกันอยู่ไม่ได้เลิกกันไปเลย”

“ถามว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เสียความรู้สึกมั้ย ถ้ามันเป็นเรื่องจริงก็คงเสียใจ ก็ภาวนาอยู่ขอให้ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะทางแก้วเขาก็มีครอบครัว มีพี่อ๊อด มีลูกๆ พี่อยู่วงการนี้มา 20 ปีไม่เคยมีข่าวแบบนี้ เราก็รู้สึกแย่เหมือนกัน”

แสดงว่า ณ ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่เคลียร์?
“ถามว่าเคลียร์มั้ย ต้องไปถามเขาสองคน ถามพี่พี่ก็ตอบอะไรไม่ได้เพราะไม่ได้เห็นด้วยตา เป็นแค่คนที่ได้รับข่าว แต่เราไม่เคยเห็นกับตาเราก็พูดไม่ได้”

ทางผู้พันโทร.มาคุยมั้ยหลังจากเป็นข่าว?
“โทร.มาค่ะ เขาก็ไม่ว่าอะไร บอกแค่ว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน”

ความสัมพันธ์จะดำเนินต่อไปหรือยุติ?
“ตัวพี่ไม่ทราบค่ะ ต้องไปถามผู้พันฯ กับคุณแก้วเอง เพราะตัวพี่เองไม่มีสิทธิเพราะพี่คบกันแค่ระดับนึงเท่านั้น พี่ไม่ใช่เมียแต่ง ไม่ใช่ภรรยาตามกฎหมายที่จะต้องไปตามสามีคืนมา มันไม่ใช่ อย่างกับผู้พันก็เคยบอกเขาไว้ว่าถ้าเจอผู้หญิงที่ดีๆ ที่อยากจะแต่งงานด้วยพี่ก็ยินดี ตัวเราเองก็เคยแต่งงานมาแล้ว ฉะนั้นเราไม่ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน ถ้าเขาจะไปเจอคนดีๆ มีอนาคตที่ดี พี่ก็ยินดีกับเขาด้วย”

เสียใจมั้ยที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา?
“เสียใจค่ะ เพราะมันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับคนในวงการเดียวกัน แก้วกับพี่ก็ถือว่าวงการเดียวกัน มันก็ไม่น่าจะเกิด กลัวคนข้างนอกจะมองผู้หญิงสองคนมาแย่งผู้ชายคนเดียวกัน แต่พี่ก็ไม่ได้ไปแย่งกับใคร พี่อยู่ของพี่ดีๆ เมสเสจก็ยังอยู่ค่ะ แต่คงไม่จำเป็นต้องมาโชว์ เบอร์ก็ยังเก็บไว้พยายามโทร.กลับไปแต่โทร.ติดต่อไม่ได้ เขาก็ตบท้ายด้วยว่าอยากรู้อะไรอีกส่งแมสเสจมา จะโทร.มาบอก แต่พี่ไม่ได้ส่งกลับไป เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับคนสองคนว่ามันจริงแค่ไหน เวลามันจะเป็นเครื่องพิสูจน์คนสองคน และใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับสิ่งนั้นคืนไป”

เห็นพี่ปูบอกว่าอยากได้ก็เอาไปเลย?
“จริงๆ ถ้าเขาเลือกที่จะอยู่ด้วยกันจริงๆ พี่ก็คงไม่ห้าม อย่าไปเลยนะค่ะ มันไม่ใช่เรา และถ้าเค้าคิดแล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่เขาอยากอยู่ด้วย เราก็ยินดี เราไม่สามารถเปลี่ยนใจคนได้”

หลังที่ข่าวออกไปได้โทร.คุยกับพี่แก้วมั้ย?
“แรกๆ คุยกัน แต่หลังๆ ไม่ได้คุยเลย ช่วงแรกๆ พี่ได้รับโทรศัพท์และเมสเสจบ่อยมาก ทุกวันเลยก็ว่าได้ เราทนไม่ไหวเพราะต้องทำมาหากิน กลายเป็นว่าเราก็แย่เหมือนกัน ก็เลยโทร.ไปหาแก้ว เขาก็บอกไม่มีอะไรพี่ หนูไม่แย่งใครหรอก อะไรประมาณนี้ บอกเป็นเพื่อนกัน”

มีข่าวว่าทางพี่แก้วได้หย่าขาดกับพี่อ๊อดแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกใจเสียมั้ย?
“เขาเคยพูดให้ฟังว่าหย่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจ เท่าที่ฟังนะ ซึ่งอันนี้ไม่ใจเสีย มันอยู่ที่คนสองคนตัดสินใจ ถ้าคิดว่าอยู่ด้วยกันดีแล้ว เราก็ยินดีด้วย”

ออกมาพูดแค่ฝ่ายเดียวกลัวจะบาดหมางกันมั้ย?
“จริงๆ พี่ก็อยากให้สัมภาษณ์เขาสองคนเหมือนกันนะ มันน่าจะให้ความยุติธรรมมากกว่า และน่าจะได้อะไรมากกว่าพี่ เพราะพี่ก็พูดตามความจริงที่พี่รู้เท่านั้นเอง”

ความรู้สึกที่มีต่อพี่แก้ว ณ ตอนนี้เป็นยังไง?
“ก็ยังรู้สึกดี เพราะเราก็เป็นพี่ๆ น้องๆ ในวงการ แล้วพี่เป็นคนรักพวกพ้อง ยิ่งมาจากมหา’ลัยเดียวกัน ยิ่งรู้สึกว่าเลือดเดียวกัน ถ้าอนาคตถ้าอยากอยู่ด้วยกันจริงๆ ก็โอเค.ยินดีด้วย กับแก้วก็ไม่ได้สนิทกันเลย เคยเจอกันในละครเรื่องเดียวของช่อง 3 นอกนั้นก็เจอกันตามงาน”

อยากฝากอะไรถึงพี่แก้วบ้าง?
“ก็ยังรู้สึกดีๆ กับเขา จริงๆ เราก็เคยคุยกันแล้ว เป็นคนในวงการเดียวกัน จะมานั่งทะเลาะกันด้วยเรื่องแบบนี้มันไม่ดีเลย และไม่อยากให้มันเกิดขึ้น”

ถือว่าเป็นกรณีที่แรงในความรู้สึกพี่มั้ย?
“แรงค่ะ ถ้าเป็นเรื่องจริงถือว่าเป็นการตบหน้าอย่างแรง เพราะมันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับคนในวงการเดียวกัน แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงก็คงเป็นไปตามเวรตามกรรม ใครทำอะไรก็คงต้องรับสภาพนั้นไป ไม่ได้ติดใจอะไร อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง ทุกอย่างคงกระจ่างเอง ขอภาวนาให้มันดีขึ้น”

ตั้งแต่มีข่าวได้เจอผู้พันฯบ้างหรือเปล่า?
“เจอเมื่อวันที่ 7 สิงหาฯ นี่เอง วันเกิดเขาก็เลยไปทานข้าวกัน”

ท่าทีเปลี่ยนไปจากที่เคยเป็นมั้ย?
“เปลี่ยนไปมั้ย…คือพี่กับเขามันอยู่ในลักษณะผูกพันกัน ดูแลกันเป็นพี่เป็นน้อง มีอะไรปรึกษากันได้ทุกเรื่อง เป็นคนที่คุยได้มากที่สุดอย่างนั้นมากกว่า บางทีเขาหายไปไม่โทร.มาหา มันก็เหมือนขาดอะไรไป เราไม่โทร.ไปเค้าก็จะเออเราหายไปไหนอะไรแบบนี้ เช้าถ้าว่างก็โทร.ก่อนนอนถ้าว่างก็โทร.เป็นแบบนี้มากกว่า”

ถ้าเกิดเป็นเรื่องจริงพี่จะรู้สึกยังไง?
“คงเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างที่บอกอยู่วงการเดียวกันมันไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ พี่ก็ไม่ทำยังไงปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ให้สังคมเป็นเครื่องตัดสินแล้วกัน พี่คงทำอะไรไม่ได้เพราะพี่ไม่ได้จดทะเบียน ไม่ได้เป็นเจ้าของเพราะฉะนั้นถ้าเขาจะไปก็โอเค. เพราะพี่ก็เข็ดชีวิตครอบครัวเหมือนกัน เพราะพี่เคยมีครอบครัวมาแล้ว เข็ดการจดทะเบียนสมรส เข็ดการแต่งงาน แต่งก็ดังเลิกก็ดัง ฉะนั้นรักกันก็อยู่ด้วยกัน เวลาเลิกกันไม่มีคนรู้น่าจะดีกว่า”

“กับผู้พันฯ ก็คงยังเป็นพี่เป็นน้องเหมือนเดิม คงไม่ตัดสัมพันธ์ไปเลย เราอายุมากกว่าคบกันเป็นพี่เป็นน้องมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนกับแก้วก็คงทักทายกันปกติ ซึ่งจริงๆ ตอนนี้เราได้แต่รับข้อมูลมา ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ”

ผู้พันต๊อด วินธัย




กำลังโหลดความคิดเห็น