xs
xsm
sm
md
lg

"มนุษย์เหล็กไหล" แจ้งเกิดแล้ว แจ้งตายเลยก็ดี!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถึงจะชาชินหลงใหลได้ปลื้มและสนุกไปกับเหล่าฮีโร่ที่ฮอลลีวูดส่งมาให้ได้เห็นกันหลายต่อหลายตัว แต่เชื่อว่าลึกๆ ในหัวใจของคนดูหนังบ้านเราน่าจะร้อยละเกือบทั้งร้อยที่คงรอคอยว่าเมื่อไหร่หนอ เมื่อไหร่กันที่จะมีฮีโร่สายเลือดไทยกับเขาออกมาบ้างเสียที

เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดกับการเกิดขึ้นมาของ "มนุษย์เหล็กไหล" (Mercury Man) ที่ได้สร้างความน่าตื่นเต้นให้กับคนจำนวนไม่น้อยซึ่งรับรู้ข้อมูลแม้จะไม่กล้าคาดหวังอะไรมากมายท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายหลังจากได้เห็นบางส่วนของฮีโร่พันธุ์ไทยตัวนี้จากภาพยนตร์ตัวอย่าง รวมไปถึงความยิ่งใหญ่อลังการและความสำเร็จของฮีโร่ต่างชาติที่ตั้งตระหง่านรอเป็นข้อเปรียบเทียบอยู่

"มนุษย์เหล็กไหล" ผลงานของ "บัณฑิต ทองดี" บอกเล่าเรื่องของนักดับเพลิงอารมณ์ร้อน "ฌาน" (บอมเบย์ วสันต์) ผู้ซึ่งต้องกลายเป็น "มนุษย์เหล็กไหล" อย่างบังเอิญหลังตกไปอยู่ในเหตุการณ์การแหกห้องขังของผู้ก่อการร้ายจากตะวันออก "อุสมาห์" (ปู แบล็คเฮด) ระหว่างที่เขาเข้าไปดับไฟในเรือนจำที่ว่า

ภายหลังได้รับอิสระภาพ "อุสมาห์" และพรรคพวกเริ่มดำเนินการตามแผนการก่อวินาศกรรมครั้งยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการล้างแค้นประเทศอเมริกา สิ่งที่เขาต้องการก็คือเหล็กไหลจันทรา (ความเย็น) และเหล็กไหลสุริยัน(ความร้อน) ทั้งสองชิ้นนี้ถ้านำมารวมตัวกันเมื่อไหร่ จะมีพลานุภาพที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง

เหล็กไหลจันทรานั้นผู้ช่วยของเขา "อารีน่า" (ลูกเกด เมทินี) สามารถแย่งชิงมาได้แล้วจาก “พูนิมา” (จิณวิภา แก้วกัญญา) กุมารีผู้ปกป้องประจำอารามแห่งหนึ่งในธิเบต ขณะที่อีกชิ้นไหลเวียนอยู่ในตัวของฌาน

ด้วยเหตุผลที่ว่า แม่ของฌานจึงถูกจับตัวมาเพื่อแลกกับเหล็กไหลสุริยัน ระหว่างนั้นฌานเองก็ได้รับการช่วยเหลือจากพูนิมา(มาประเทศไทยเพื่อตามเอาเหล็กไหลจันทรากลับ)ในการฝึกและควบคุมพลังในตัว เพื่อปฎิบัติภาระกิจในการเป็นฮีโร่ของตนเองและช่วยแม่ โดยมีภาระกอบกู้โลกพ่วงเข้าไปอย่างบังเอิญ...

แม้จะไม่นำเอาความเหมือนจากเหตุผลการเป็นหนังแนวแฟนตาซีของบรรดาฮีโร่เมืองนอก ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีไปแล้วในบ้านเราทั้ง Super man, Batman, Spawn, Spider man, Fantastic 4 ฯลฯ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่มีแนวทางการดำเนินเรื่องไม่ได้แตกต่างกันมาเปรียบเทียบกับฮีโร่สายพันธุ์ไทยเรื่องนี้แล้วก็ตาม กระนั้นก็เป็นเรื่องยากเสียเหลือเกินในการที่จะหาความสนุก จุดเด่น หรือแม้กระทั่งความภูมิใจ จากมนุษย์เหล็กไหล

หนังเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยตั้งแต่ประเด็นเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องที่สำคัญๆ ไล่กันไปตั้งแต่ แอ็กติ้งของนักแสดงที่เล่นได้ไร้อารมณ์เอามากๆ อย่าง ดารุณี กฤษตบุญญาลัย, ตุ้ม ปริญญา เจริญผล ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวของพระเอกอย่าง บอมเบย์ วสันต์ กันทะอู, ลีลาท่าทางการเตะการต่อยของนางแบบสาวลูกเกด เมทินี ที่ดูแล้วหน่อมแน้มสิ้นดี, การดีไซน์ฉากแอ็กชั่นที่ขาดความน่าตื่นเต้น, การเกิดขึ้นของเหตุการณ์ต่างๆ สามารถเดาได้ ตัวละครใช้ภาษากันให้มั่วไปหมด เดี๋ยวแขกพูดไทย เดี๋ยวไทยพูดอังกฤษ เดี๋ยวแขกพูดอังกฤษ เดี๋ยวอังกฤษพูดไทย อังกฤษคุยกับเขมร

พล็อตเรื่องที่วางเหตุการณ์ต่างๆ เสียใหญ่โตด้วยภารกิจการวางแผนการก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่เพื่อประกาศให้โลกรู้ในอำนาจของเหล่าผู้ก่อการร้าย หรือการต่อต้านระบบทุนนิยมของประเทศอเมริกาที่กลืนกินประเทศอื่นๆ ที่ด้อยพัฒนากว่า ซึ่งถูกปูพรมมาตั้งแต่ต้นเรื่องผ่านคำพูดพร่ำบ่นแบบเท่ห์แสนเท่ห์ของตัวหัวหน้าอุสมาห์ที่ไร้ซึ่งน้ำหนักของความน่าเชื่อถืออยู่แล้วต้องกลายเป็นความน่าสมเพชไปในทันทีหลังถูกขัดขวางด้วยน้ำมือของนักแสดงตัวประกอบ 2 - 3 ตัว (หนึ่งในนั้นคือเด็กเขมรที่เต็มไปด้วยปริศนาและคำถามว่าเป็นใคร มาจากไหน มาทำไม)

แม้จะมีความพยายามบอกถึง "สาระ" ในตัวหนังผ่านปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม ทั้ง การตีกันของเด็กนักเรียน การข่มขืน กระทั่งการรุกรานของประเทศอเมริกา แถมยังเรื่อยเปื่อยเสียเวลาไปกับการพยายามปกปิดจุดที่คนดูอาจจะสงสัยอย่างเรื่องตำนานของเหล็กไหล พลังอำนาจของผู้ครอบครอง หรือแม้กระทั่งเรื่องสรรพคุณของชุดที่ตัวพระเอกสวมใส่, นางเอกหาพระเอกเจอได้อย่างไร, ทำไมพวกผู้ก่อการร้ายถึงมาใช้ประเทศไทยทำการก่อวินาศกรรม ทั้งหมดเพื่อสร้างน้ำหนักของเหตุผล แต่หนังกลับลืมที่จะบอกสิ่งสำคัญนั่นคือการอธิบายที่มา ที่ไปของตัวละคร ความสมเหตุสมผลและสมจริงของการเกิดเหตุการณ์ต่าง

เรียกว่านึกอยากจะให้ตัวละครตัวไหนทำอะไรก็ให้ทำ อยากจะยัดเยียดให้เกิดเหตุการณ์อะไรก็เกิด ไม่สนเหตุและไม่มองถึงผลอะไรที่จะตามมาทั้งนั้น

ที่สำคัญ หนังช่างเบาบางเหลือเกินในการตั้งเงื่อนไขของผู้กำกับที่แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของการที่จะมีฮีโร่ตัวนี้เกิดขึ้นมา

จริงอยู่ที่ว่าในส่วนของเหตุผลและความสมจริงสมจังหนังประเภทฮีโร่นี้อาจจะไม่ได้ต้องการอะไรมากนัก แต่ด้วยความที่มันไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลยเช่นนี้ รวมไปถึงการเล่าเรื่องแบบไม่มีชั้นเชิงชนิดที่รู้แจ้งเห็นแน่นอนว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร(เลวร้ายขนาดที่สัมผัสได้เลยว่า ตัวละครที่แสดงอยู่ก็รู้)เหล่านี้นี่เองที่ส่งผลให้การเกิดขึ้นของ "มนุษย์เหล็กไหล" ไม่น่าตื่นเต้น ไม่มีความรู้สึกผูกพันกับคนดู คนดูไม่มีอารมณ์ร่วมลุ้นกับภารกิจที่ฮีโร่ตัวนี้ต้องทำ ไม่มีช็อตเด็ดที่จะเอาไปพูดต่อ ไม่มีจุดเด่น

นั่นเองที่ทำให้ "ความสนุก" ซึ่งเป็นจุดหลักของการดูหนังประเภทฮีโร่นั้นไม่เกิดขึ้นกับมนุษย์เหล็กไหลเรื่องนี้แต่อย่างไรเลย

มองย้อนกลับไปถึงผลงานเก่าๆ ของผู้กำกับคนนี้ ทั้ง "มนต์รักลูกทุ่งเอฟเอ็ม" และ "เฮี้ยน" นั้น อย่างหนึ่งที่น่าปรบมือให้ก็คือวิธีการคิดในการหาจุดขายของเขา ทว่าปัญหาอย่างหนึ่งก็คือการไม่ชัดในสิ่งที่ตนเองจะบอกเล่ากระทั่งไม่สามารถนำพา ชักจูงให้อารมณ์คนดูไปสู่วัตถุประสงค์นั้นได้ เห็นได้ชัดจาก มนุษย์เหล็กไหล ที่ว่านี้ที่เหมือนเจ้าตัวจะยังลังเลระหว่างการให้น้ำหนักของการเป็นหนังฮีโร่แบบหลุดพ้นจากความเป็นจริงไปสุดขั้วเลยแบบการ์ตูน หรือจะเอาสมจริงสมจังแบบต้องมีเหตุผลอธิบายได้ทั้งหมด (ทั้งสองประเภทที่ว่าก็มีจุดเด่นและสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ตามแบบฉบับของมันเอง) รวมไปถึงการหยิบยกเอาประเด็นที่เป็นภาพสากลขึ้นมาบอกเล่าขณะเดียวกันโจทย์ที่ยังจะต้องคงอะไรที่เป็นแบบไทยๆ ไว้ก็ยังอยู่

จะว่าไปแล้วค่อนข้างจะน่าเสียดายเหลือเกินกับความตั้งใจและเจตนาของผู้กำกับฯ และหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างที่ลงไปกับภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อเทียบกับชิ้นงานที่ออกมา

งานนี้นอกจากจะ(โฆษณา)ลงทะเบียนแจ้งเกิดฮีโร่ตัวแรกของไทยแล้ว เตรียมแจ้งตายไปพร้อมๆ กันเลยก็ดี




กำลังโหลดความคิดเห็น