xs
xsm
sm
md
lg

ประท้วง "โกยเถอะโยม" ดูถูกพระด้าน "จาตุรงค์" ยันไม่มีเจตนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“โกยเถอะโยม” เจอดี กลุ่มองค์กรศาสนากว่า 70 องค์ประท้วงอยากให้ยับยั้งการฉาย เหตุมีฉากดูหมิ่นลบหลู่พระสงฆ์และบิดเบือนความจริง อ้างเหตุผลพระ-เณร ต้องเป็นที่พึ่งชาวบ้าน ไม่ใช่หนีผีเสียเอง ยืนยันหากค่ายหนังเมินเฉยไม่แก้ไขเรื่องไม่เล็กแน่ ด้าน จาตุรงค์ ยัน ไม่ได้เจตนาหมิ่น ส่วนผู้บริหารค่ายจีทีเอชเผยปีนี้ดวงไม่ดีต้นปีก็หมากเตะทีนึงแล้ว

มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายที่ผ่านมาของวันนี้ (1 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผศ.สุพิน ทองธานี ประธานสภาองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และนายยงยุทธ ธนะปุระ เลขาธิการองค์กรฯ ร่วมด้วยองค์กรสมาชิกทางพระพุทธศาสนา ทั้งฝ่ายพระสงฆ์และฝ่ายฆราวาสและสมาคม สมาคม มูลนิธิ ชมรม ศูนย์และกลุ่มรวมทั้งสิ้น 72 องค์กร ได้มายื่นหนังสือประท้วงภาพยนตร์เรื่อง “โกยเถอะโยม” นำแสดงโดย น้องพี มกจ๊ก และเหล่านักแสดงตลกอีกคับคั่ง ผลงานการกำกับของ จตุรงค์ มกจ๊ก ต่อ พล.ต.ท.สมบูรณ์ สอนเล็ก สำนักงานเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองฝ่ายสารบรรณ เพื่อขอให้ระงับการฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวไก้ก่อน พร้อมทั้งทบทวนพิจารณาเนื้อหาอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่าชื่อภาพยนตร์ไม่เหมาะสม รวมไปถึงเนื้อหาที่ค่อนข้างจะดูหมิ่นพระสงฆ์และเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา โดยยืนยันด้วยว่าหากไม่มีการดำเนินการใด รับรองว่าเรื่องไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอน

“ที่มาเรียกร้องครั้งนี้ไม่ใช่การแบน แต่เป็นการยับยั้งเพื่อที่จะให้มีการตรวจสอบก่อน ซึ่งในภาพยนตร์เท่าที่เราได้ดูในตัวอย่างหนังมันมีฉากเกี่ยวกับผีที่ปลอมตัวเป็นเณรมาหลอกชาวบ้าน มีการวิ่งหนีผี มันทำให้พระดูเป็นตัวตลกไม่น่าเคารพ เราไม่ชอบ ซึ่งปกติพระเป็นคนที่มีสติ สมาธิ ปัญญา เป็นบุคคลที่ตอบปัญหาญาติโยมได้ ไม่ใช่วิ่งหนีเอง มันบิดเบือนความจริงที่ควรจะเป็น ซึ่งเรื่องนี้เราไปปรึกษาอาจารย์ผู้ใหญ่องค์กรต่างๆ แต่อย่าไปเอ่ยชื่อท่านเลย (รองเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ย่านสุขุมวิท) ท่านเป็นคนเซ็นสนับสนุนในครั้งนี้ จริงๆ แล้วตอนนี้เรายังไม่ได้เห็นหนังแบบเต็มๆ เพราะเจ้าของเขายังไม่ให้เราดู”

ส่วนกรณีที่ยังไม่ได้ติดต่อไปยังผู้สร้างหนังนั้นทางตัวแทนองค์กรฯ เผยว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นค่อนข้างจะกะทันหัน ก่อนฝากไปยังผู้สร้างอย่าอ้างหนังแค่คลายเครียด แจงยังมีวิธีแก้เครียดอื่นๆ มากกว่าเอาพระมาดูหมิ่น
“มันกะทันหันมาก เราเพิ่งเห็นเมื่อวันศุกร์-เสาร์ที่แล้ว เป็นแล้วไม่สบายใจมาก เราเข้าใจว่าผู้สร้างลงทุนไปแล้วก็จะพยายามเอาหนังเข้าฉาย เพราะมันหมายถึงผลกำไรที่เขาจะได้มา ประเด็นหลักของเราไม่ใช่การแบนหนังนะที่มาในวันนี้ แต่เราคิดว่าหนังไม่เหมาะก็เลยอยากให้ยับยั้งการฉายหนังก่อนในขั้นต้น”

“วิธีการคลายเครียดมันสามารถทำได้ในหลายประเด็น ไม่จำเป็นต้องเอาพระมาทำเป็นตัวตลก ถ้าเป็นแบบนี้แล้วต่อไปใครจะมานับถือพระ มันเป็นการดูหมิ่นอย่างแรง เพราะบางครั้งคนในสังคมยังแยกแยะอะไรไม่ได้ ถามหน่อยว่าเด็กวัยรุ่นที่ไม่มีการศึกษา เขาจะแยกแยะได้หรือ ถ้าไม่อย่างนั้นเด็กที่ไปดูไอ้มดแดงเขาจะโดดตึกฆ่าตัวตายทำไม เราออกมาปกป้องแบบนี้เราออกมาเคลื่อนไหวเพราะเราต้องปกป้องพระ ปกป้องศาสนา”

“คือไม่มีอะไรก็ดี... (เสียงสูง) เราเคารพตรงนั้นอยู่แล้ว เรายินดีด้วย ทางองค์กรของเรามีมาตรฐานวัดอย่างเรื่องหมากเตะที่เขาทำ ทำไมลาวถึงไม่ยอมให้เขาฉาย ก็คิดกันเอาเอง แต่การทำหนังแบบนี้มันออกไปในแนวลบหลู่ย่ำยี เราไม่พอใจ มาตรฐานวัดที่เราเอ่ยถึงก็เขาเป็นถึงนักวิชาการ 4-5 คนมาร่วมกันพิจารณา”

ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวที่ว่าทางผู้กำกับเองได้ทำหนังสือไปยังกรมศาสนาซึ่งทางนั้นก็อนุมัติแล้ว ทำไมยังมีเรื่องอีกนั้น ผศ.สุพิน ทองธานี ชี้แจงว่า...
“ผมไม่ทราบ แล้วที่บอกว่าคุณจาตุรงค์ได้ทำหนังสือไปทางกรมศาสนาแล้วทางกรมอนุมัติผ่านแล้ว เรายืนยันว่าไม่รู้ เพราะเขาไม่ได้ทำหนังสือมาทางองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เราเลยไม่ได้รับรู้ ซึ่งที่ผ่านมาเราเห็นหนังมาหลายเรื่อง แต่เห็นว่ามันเป็นภาพยนตร์เลยไม่ได้คิดอะไร แต่ลักษณะวิธีการนำเสนอเรื่องนี้มันเกินไปจริงๆ”

“จริงๆ เราอยากคุยกับเขาก่อน แต่มันฉุกเฉินเกินไปเราจึงต้องทำหนังสือร้องเรียนมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเลย บางคนอาจคิดว่ามุมมองของเราอาจจะเป็นมุมมองเล็กๆ คุณแน่ใจหรือว่ามันเล็ก ตรงนี้มันไม่เล็ก เป็นการรวมตัวกันของ 72 องค์กร...(หันมาที่นักข่าว) ผมยืนยันได้เลยว่าถ้าเจ้าของหนังไม่ยอมทำตามหรือแก้ในส่วนที่มันไม่เหมาะสม มันไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน เพราะผมได้ยืนยันกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วว่า ถ้าไม่ได้รับคำตอบในเย็นวันนี้ พรุ่งนี้เช้า ตอน 9 โมงผมจะมาปักหลักอยู่ที่นี่ และจะไม่ยอมไปจนกว่าจะได้รับคำตอบ”

ขณะที่ผู้กำกับ "จาตุรงค์ มกจ๊ก" ได้แถลงข่าวพร้อม สิน ยงยุทธ ทองกองทุน ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว เมื่อช่วงเวลา 16.00 น.ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะหมิ่นพระแต่อย่างใด แค่อยากให้รู้ว่าการทำแท้งไม่ดี ด้านผู้บริหารจีทีเอชบอกโชคไม่ดีและอยากให้มีการจัดเรตหนังเสียที

จาตุรงค์ มกจ๊ก : ยังไม่รู้เรื่องเลยว่าเขาประท้วงเราเรื่องอะไร
สิน ยงยุทธ : ก็เพิ่งรู้จากผู้สื่อข่าวทางสภาองค์กรมายื่นจดหมายซึ่งเราก็เพิ่งได้รับตัวแฟกซ์หนังสือที่เขาไปยื่นมาให้ ก็เลยได้ทราบว่าเขาท้วงติงเราในจุดไหนบ้าง ทางนั้นรู้สึกไม่เข้าใจนิดหน่อย ขออนุญาตเล่าก่อนว่า เราทำตามขั้นตอนของภาพยนตร์ ก่อนออกสู่สายตาประชาชน ผมในฐานะตัวแทนจีทีเอชต้องการอธิบายสิ่งที่ทำ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ ตอนนี้ไม่มีผลต่อเนื่องมาถึงเรา และเราขอยืนยันว่าทุกอย่างผ่านกองเซ็นเซอร์แล้ว

จาตุรงค์ : มันเป็นหนังย้อนยุคซึ่งไม่ใช่ปัจจุบัน มันต้องการสื่อให้เห็นว่าเราไม่อยากให้คนทำแท้งเพราะมันเป็นบาป อยู่กันไม่ได้ก็เลิกกันแล้วเด็กในท้องเขาก็ไม่รับรู้ว่าเขาผิดตรงไหน ผมว่ามันน่าสงสาร จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ชื่อเรื่องเด็กผี แต่เรากลัวไปซ้ำกับของคนอื่นเลยชื่อโกยเถอะโยม ไม่ได้ตั้งใจเอาพระมาทำตลก ตลกอยู่ที่ผีกับชาวบ้าน เป็นการสอนให้รู้ว่าถ้าทำในสิ่งที่ไม่ดีก็จะเจอวิญญาณเจอผี สุดท้ายคืออยากบอกว่าอย่าทำแท้งกันเลย ตรงนี้มันเป็นกุศโลบาย ในการทำหนังเพื่อที่จะให้คนดูรับรู้เนื้อหาที่ต้องการสื่อ ในหนังมันมีแค่บางจังหวะเท่านั้นมันเป็นวิธีการตัดต่อ ทำให้ดูเหมือนพระกำลังวิ่งหนี นิดเดียวแค่ตรงนั้นเอง โกยเถอะโยมมันหมายถึงชาวบ้านไม่ใช่พระ

จีทีเอชได้ตรวจสอบหนังก่อนหรือเปล่าเพราะมันก็ล่อแหลมพอสมควร?
สิน ยงยุทธ : หลังจากการถ่ายทำเสร็จ ทางบริษัทแฮปปี้กับพี่จาตุรงค์มาก ขั้นตอนต่อไปคือการทำโปสเตอร์ซึ่งเราก็ทำตามขั้นตอนเมื่อเดือนที่แล้วออกไปล็อตแรก แต่ก็ไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์ มีผู้เชี่ยวชาญมาร่วมพิจารณาส่งไป 4 แบบ ถูกท้วงติงมาเราก็น้อมรับเพราะเรายังไม่ลึกซึ้งเพียงพอ จนออกมาเป็นโปสเตอร์ตามที่ติดกับโรงหนังนั่นคือถูกต้อง ผ่านเรียบร้อยแล้ว

ส่วนตัวภาพยนตร์ตัวอย่างเราก็ได้ส่งไปยังหน่วยงานอีกหน่วยงานหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับกองเซ็นเซอร์ ล่าสุดก็ผ่านเรียบร้อยแล้ว ณ วันนี้ หนังที่เข้าฉายเราทำตามขั้นตอนทุกอย่างครบถ้วน ถูกต้อง เรื่องเล็กน้อยที่โดนประท้วงจากผู้ที่อ้างว่าเป็นหน่วยงานศาสนายื่นหนังสือให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมก็รอดูอยู่ว่าเขาจะมีคำสั่งมาทางบริษัทเมื่อไหร่ เราน้อมรับแต่เราไม่ได้หมิ่นเหม่อะไรเลย

ทางสภาองค์กรศาสนาเขาติดต่อมามั้ยก่อนไปประท้วง?
สิน ยงยุทธ : ทางจีทีเอชไม่ได้รับหนังสือจากตัวแทนองค์กรดังกล่าวเลย ณ ตอนนี้ อาจจะมีเรื่องอะไรเรายินดี เราจริงใจอยู่แล้ว ถ้าเขามองนอกเหนือจากสิ่งที่เรารู้ เราก็ไม่มีปัญหา

จาตุรงค์ : ขอให้สื่อมวลชนช่วยกันเป็นกระบอกเสียงด้วย ถ้าดูแล้วเป็นอย่างไรก็ตามที่ทุกท่านคิดเลย แต่ผมไม่ได้ล้อเลียน และทำอะไรที่ไม่ดีเลย แล้วเอาจะมาเทียบกับหลวงพี่เท่งไม่ได้มันคนละเรื่อง

ทางโน้นเขาบอกว่าบางฉากเหมือนพระก็มีเรื่องของการจาดสติอยู่ด้วย?
สิน :ถ้าท่านได้ดูจากตัวอย่างหนัง นั่นเป็นการตัดต่อ แต่ถ้าไปดูในตัวหนังจะไม่มีลักษณะอะไรอย่างนั้นเลย
จาตุรงค์ : ในตอนท้ายของหนังจะเป็นตัวเฉลยได้ดีว่าเราไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น (ท้อมั้ยเรื่องแรกก็เจอแบบนี้?) ไม่ท้อ ความรู้สึกของเราคือตั้งใจและทำในสิ่งที่ดี ในขณะที่ทำก็คอยดูอยู่ตลอดว่าพระสมควรทำแบบนั้นมั้ย ถ้าไม่สมควรก็ไม่ถ่าย ตอนนี้ถามว่ากดดันมั้ย ใจผมมันบริสุทธิ์ไม่กดดันเท่าไหร่ ผมยืนยันหนังมันไม่หมิ่นเหม่

ด้านผู้บริหารของค่ายอย่าง "วิสูตร พูลวรลักษณ์" ซึ่งมาร่วมแถลงข่าวในภายหลังเผยว่ารู้สึกงงๆ เหมือนกันที่โดนประท้วง ก่อนจะเผยความรู้สึกอยากให้มีการจัดเรตหนังเข้ามาเสียทีจะได้ไม่มีปัญหาบ่อยๆ
"งงๆ อยู่ อย่างที่บอกมันเหมือนเราโชคไม่ดี ตั้งแต่เราเสนอโปสเตอร์ไป 4 แบบแล้วไม่ผ่าน ทางกองเซ็นเซอร์ก็แนะนำมาเราก็ไปแก้ไข แล้วก็นำไปให้ทางสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ท่านดูแล้วก็แนะนำมาอีกทีแล้วให้เราแก้บางส่วน เราก็ยอมแก้ ปัจจุบันเป็นภาพที่ถูกต้อง อย่างที่บอกเราเดินตามสายทางความถูกต้อง ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเราติดต่อหมด แล้วฉากที่ต้องตัดความจริงมีแค่ 2 คัท คือคัทตอนที่ทำแท้งหย่อนตัวเด็กลงไปในถัง กับตอนที่คนบ้าตีกลองบนศาลาแล้วมีพระเณรนั่งดูอยู่ไกลๆ แต่ภาพนี่เราไม่ได้ตัดทิ้งเลยเสียทีเดียว แค่ใช้ซีจีเข้ามาช่วยให้ภาพเณรเป็นภาพลางๆ ถ้าตัดแล้วมันจะงงเพราะมันมีความสำคัญกับตัวหนัง"

"ก็คงต้องคุยกับท่านว่าในส่วนไหนท่านไม่พอใจ และติและก็มานั่งดูเรื่องความเหมาะสมกันอีกครั้ง หนังถูกสร้างด้วยความระมัดระวัง ไม่ได้คิดมาทำเป็นเรื่องล้อเล่นและเป็นเรื่องตลก มันต้องดูว่าเราอธิบายได้มั้ย อธิบายอย่างไร"

ยืนยันไม่ได้สร้างกระแสพร้อมแสดงความเข้าใจบางคนอาจจะไม่เข้าใจศาสตร์ในการทำหนัง
"เราไม่อยากสร้าง อยากให้หนังฉายตามปกติอย่างที่เรียนเราไม่ได้รู้สึกท้อแต่รู้สึกว่าโชคไม่ดี ทำไมมาลงที่เราอยู่เรื่อยๆ...ผมไม่อยากใช้คำว่าใจแคบ คนดูบางกลุ่มอาจจะไม่เข้าใจการสร้างภาพยนตร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าประเทศเรามีการทำเรื่องเรตติ้งทุกอย่างมันอาจชัดเจนกว่านี้ มีการแบ่งกลุ่ม วัย อายุ ผู้ชมเข้าไปถ้าไม่มีเรตติ้งเราก็ต้องใช้มาตรฐานของกองเซ็นเซอร์ ที่จะมีการตรวจสอบอยู่แล้วก่อนที่หนังจะออกมาฉาย"

สำหรับ “โกยเถอะโยม” ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ในรอบปีของค่ายจีทีเอช ที่มีปัญหาถัดมาจาก “หมากเตะ โลกตะลึง” ที่ถูกทางการลาวท้วงติงจนต้องงดฉายมาแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น