จากหนังสือ "ปลาที่ว่ายในสนามฟุตบอล" ของ วินทร์ เลียววาริณ บท ต้นหญ้าที่ไม่มีวันตาย - แรงสืบทอด ระบุอ้างอิงไปถึงการศึกษาของจิตแพทย์ เอ็ม.สกอตต์ เป็ค เกี่ยวกับเรื่องของ "ความรัก" ว่า การตกหลุมรัก(อันนำมาซึ่งความรู้สึกแปลกๆ เช่นใจเต้นหวิว ความรู้สึกคิดถึง อยู่ตลอดเวลานั้น) ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าความรัก
โดยเจ้าตัวให้เหตุว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะอาการตกหลุมรักเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งที่บังคับได้ตามใจ เช่นเดียวกับกับการวิจัยเรื่องความรักของจิตแพทย์โดโรธี เทนนอฟ ซึ่งสรุปว่า หนึ่ง-การตกหลุมรักเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งไม่ใช่ "ความรัก" และสอง-ประสบการณ์ที่ว่านี้มีอายุเฉลี่ยเพียง 2 ปีเท่านั้น!
ดูมันช่างสอดคล้องเป็นอย่างดีเสียเหลือเกินกับภาพยนตร์ไทยเรื่อง "โคตรรักเอ็งเลย" กำกับโดย "พิง ลำพระเพลิง" กับคำโฆษณาบนโปสเตอร์ที่ว่า "รักหมดใจ หรือ ใจหมดรัก" "อยู่ทน หรือ ทนอยู่"
หนังบอกเล่าเรื่องราวชีวิตคู่ของนักเขียนบทตลกที่ชื่อรงค์ (อุดม แต้พานิช) กับภรรยาที่ชื่อแดง (วิสา สารสาส) ซึ่งแม้ทั้งคู่จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของลักษณะนิสัย-รสนิยม หรือแม้กระทั่งรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูไม่น่าจะเข้ากันเลย ทว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับความรักที่มีให้แก่กัน ตรงข้ามมันกลับเต็มไปด้วยความหวานชื่นและโรแมนติก
แต่หลังจากที่วันเวลาเริ่มผ่านไป ความรักที่มีก็เริ่มจาง ความโรแมนติกเริ่มหาย ลักษณะท่าทางของสามีที่เคยดูตลกและเรียกเสียงหัวเราะ กลายเป็นความน่าเกลียดที่สร้างความน่ารำคาญให้กับแดง เช่นเดียวกับตัวของรงค์เองที่เริ่มรู้สึกได้ถึงความเรื่องมากของภรรยา เรื่องมาถึงจุดหักเหเมื่อแดงได้มีโอกาสพบหมอตรวจภายในหนุ่มหล่อที่ชื่อรักษ์ เธอรู้สึกได้ทันทีถึงความหวั่นไหวในจิตใจของตนเอง แต่ด้วยจิตสำนึกของความผิดชอบชั่วดีแดงจึงพยายามหนีออกมาให้พ้นจากสภาพแวดล้อมดังกล่าวด้วยการเลี่ยงไปตรวจร่างกายตามคลินิกแทน ทว่าเรื่องกลับเลวร้ายมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเธอพบว่าคลินิกดังกล่าวนั้นมีรักษ์เป็นเจ้าของ
ระหว่างที่จิตใจกำลังสับสนและต้องการหลักยึดเหนี่ยวจากผู้เป็นสามี ฝ่ายรงค์เอง(ที่ล่วงรู้ถึงอาการกุ๊กกิ๊กของภรรยาตนเองกับหมอหนุ่ม)กลับ(หาทางออกด้วยการ)เอาหลักของเขาไปให้หมอนวดทั้งยึดและเหนี่ยวแทน ทำเอาแดงถึงกับมีอาการเสียศูนย์ จนเธอเริ่มคิดจะหันมาสานความสัมพันธ์แบบจริงจังมากขึ้นกับรักษ์
รงค์รับรู้เรื่องราวของภรรยากับรักษ์จากสมุดบันทึก ทั้งคู่เกิดการโต้เถียงและทะเลาะกันอย่างรุนแรง แดงขับรถออกไปจากบ้านโดยหารู้ไม่ว่าจะไม่ได้กลับมาที่บ้านอีก!!
การจากไปของภรรยาจากอุบัติเหตุขับรถตกเขาหลังการทะเลาะกันในวันนั้นนำมาซึ่งความเสียใจให้กับรงค์เป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่นานนักเขาก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในบ้านและรู้สึกว่ามันต้องเป็นการเชื่อมโยงกับผู้เป็นภรรยา เขาบอกกับเพื่อนๆ ว่าแดงจะกลับมา ขณะที่เพื่อนๆ ของเขากลับมองว่ารงค์กำลังเพ้อเพราะความเสียใจ และพยายามหาทางช่วยเหลือ
แต่แล้วแดงก็กลับมาที่บ้านจริงๆ...
การกำหนดให้พื้นฐานของนิสัยที่ค่อนข้างแตกต่างกันของ 2 ตัวละครที่ถูกฉาบเอาไว้จากความรู้สึกดีๆ และสิ่งที่ทั้งสองเรียกกันว่าความรักก่อนที่จะถูกวันเวลาเข้ามาชำระล้างคือจุดสำคัญและเป็นเหตุผลเพียงพอในการที่จะทำให้ชีวิตคู่ของทั้งสองเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้ายแบบคุยกันไม่รู้เรื่อง เช่นเดียวกันกับการจากไปของคนอันเป็นที่รักด้วยความยังไม่เข้าใจกันที่กลายเป็นปมและกุญแจของคำถามสำคัญซึ่งทำให้น่าติดตามค้นหาคำตอบเหลือเกินว่า ฝ่ายที่มีชีวิตอยู่อย่างรู้สึกผิดนั้นจะแกะมันทิ้งไปได้อย่างไร?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีโอกาส
นอกจากพล็อตเรื่องที่ชวนให้น่าติดตามแล้วการโฆษณาผ่านสื่อโดยการระบุว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนแผ่นฟิล์ม ส่วนหนึ่งเป็นการฉายย้อนภาพในอดีตชีวิตจริงของตัวผู้กำกับที่ต้องสูญเสียภรรยาไปโดยค้างคาไว้ซึ่งความรู้สึกที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้ถือได้ว่ามีส่วนเป็นอย่างมากในการทำให้น้ำหนักของความรัก ความโรแมนติก ความเฉยชา และอีกมากมายหลากหลายอารมณ์ที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้มีมากขึ้น
ขณะเดียวกันนักแสดงนำอย่าง โน้ส อุดม นั้น ต้องบอกว่าเขาคือรงค์อย่างแท้จริง หรือจะว่าไปแล้วโน้ส อุดม ก็เล่นเป็นตัวเขานั่นเอง เช่นเดียวกับนักแสดงสาวไฮโซอย่าง "วิภา สารสาส" ที่สวมบทของแดงได้อย่างลงตัว
อาการเสียใจของรงค์ภายหลังจากการที่ต้องสูญเสียภรรยา แม้จะดูฟูมฟาย เยิ่นเย้อในความรู้สึกของใครหลายคน ทว่านี่คือแบบฉบับของตลกร้องไห้ เป็นการร้องไห้ที่ไม่ต้องการความเท่ห์ เป็นการร้องไห้ที่ไม่ต้องมาเก๊กหล่อ
แม้จะมีกลิ่นของการเดินเรื่องแบบละครเข้ามาในหลายๆ ช่วง และถึงแม้จะไม่สามารถดึงเอาอารมณ์ของคนดูให้เกิดความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครชนิดแบบเอาใจช่วยหรือฮาตาม แต่โดยรวมต้องบอกว่า "โคตรรักเอ็งเลย" เป็นหนังไทยที่ดูได้เรื่องหนึ่ง เพลงเพราะ มีความพยายามอธิบายอารมณ์ของตัวละครและความหมายของบรรยากาศในหลายฉากด้วยการใช้สัญลักษณ์เข้ามาให้คนดูได้ฝึกใช้สมองตีความ
ที่สำคัญเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน "โคตรรักเอ็งเลย" นั้นถือได้ว่าเป็นกระจกบานสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงคำถามที่ว่า ชีวิตของคนเราส่วนใหญ่มักจะเป็นเช่นรงค์มิใช่หรือ?
ใช่มั้ยว่า หลายครั้งที่เราต้องเผชิญกับเหตุการณ์กับเรื่องราวที่ชวนให้รู้สึกหรือต้องพูดคำว่า รู้อย่างนี้...ถ้าเป็นอย่างนั้น...ทำไมคิดไม่ถึง...ฯลฯ ออกมา ซึ่งทุกๆ คำเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่บนเงื่อนไขความจริงของเวลาที่ไหลเลื่อนผ่านเลยไปแล้วทั้งสิ้น
ในหนังรงค์อาจจะโชคดีที่ภรรยาของเขากลับมาทำให้เขามีโอกาสไขกุญแจปลดล็อกบ่วงของความรู้สึกผิดและเสียใจ
หากแต่ในชีวิตจริงเราจะมีโอกาสเช่นนั้นหรือ?