ออกมาสร้างความฮือฮากันข้ามปี เมื่อเหล่านักแสดงและผู้สร้างออกมาเผยรายละเอียดและฟุตเทจเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับ Spider-Man 3 ต่อสาวกใน Comic-Con งานแสดงเกี่ยวกับหนังสือการ์ตูนที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พร้อมเผยด้วยว่าภาคที่จะสร้างนี้อาจจะไม่ใช่บทสรุปของซีรีส์ซะทีเดียว
ในงานสำหรับแฟนการ์ตูนที่เมืองซาน ดิเอโกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทีมสร้าง Spider-Man 3 อย่าง ผู้กำกับแซม เรมี โปรดิวเซอร์ลอรา ซิสกิน พร้อมทั้งนักแสดงหลักของภาคใหม่อย่าง โทบี แม็กไกวร์ ,เคียร์สเต็น ดันสต์ ,โทเฟอร์ เกรซ ,ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด และโทมัส ฮาเดน เชิร์ช ได้มาร่วมในงานดังกล่าว โดยกิจกรรมในวันนั้นมีทั้งการตอบคำถามแฟนๆ และโชว์ฟุตเตจเบื้องต้นของภาคใหม่ให้กับแฟนๆ กว่า 5,000 คนที่มาร่วมงานได้ยลกันเป็นครั้งแรกด้วย
และคำถามที่มีผู้ให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ Spider-Man 3 จะเป็นภาคสุดท้ายของเรื่องหรือเปล่า ซึ่งตัวแทนทีมงานอย่างหนุ่มโทบี ผู้รับบทไอ้แมงมุมกล่าวว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะมีการสร้างภาคต่อไป ถ้ามีเรื่องราวที่น่าสนใจมากพอ
"ภาคนี้จะกล่าวถึงบทสรุปบางอย่าง แต่ผมจะไม่ขอใช้คำว่าอวสานหรอกนะครับ" ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ทำให้บรรดาสาวกในงานต่างส่งเสียงเชียร์กันอื้ออึงทีเดียว "เราจะทำให้มันมีตอนจบแบบเปิดกว้าง ซึ่งถ้าหากมีเรื่องราวที่มีคุณค่าพอที่จะสานต่อ พวกเราก็จะสร้างมันอีกครั้ง"
โดยฟุตเตจในงานมีทั้งการสาธิตวิธีรวมถึงการแสดงของคนจริงๆ ผสานเข้ากับคอมพิวเตอร์ กราฟิก ซึ่งถือเป็นการเปิดตัว "แซนด์แมน" วายร้ายรายใหม่ที่รับบทโดยโทมัส ฮาเดน เชิร์ช และ "วีนอม" ไอ้แมงมุมดำ ด้านมืดของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ที่รับบทโดยโทเฟอร์ เกรซ
"เขาเป็นซะยิ่งกว่าฝาแฝดของปีเตอร์" เกรซ ผู้รับบทวีนอมกล่าวต่อแฟนๆ "เป็นเหมือนกับกรณีศึกษา ว่าถ้าใครซักคนที่เหมือนกับปีเตอร์มากๆ รวมทั้งพลังอำนาจที่ได้รับ แต่กลับเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูที่ไม่ดีนัก"
ผู้กำกับเรมียังเผยอีกว่า วายร้ายตัวที่ 3 ในภาคนี้จะรวมไปถึง "แฮร์รี ออสบอร์น" เพื่อนรักของปีเตอร์อีกด้วย ซึ่งเขาจะได้รับถ่ายทอดพลังมาจาก "กรีน ก็อบลิน" ผู้เป็นพ่อของเขาที่ตายในภาคแรกนั่นเอง
นอกจากนี้ นักแสดงคู่บุญของเรมีอย่างบรูซ แคมป์เบล ซึ่งรับบทเป็นผู้ประกาศบนเวทีมวยปล้ำในภาคแรก และพนักงานเฝ้าโรงละครในภาคที่สอง จะกลับมาอีกครังในภาคนี้ โดยลือกันหนาหูในหมู่สาวกว่าเขาจะมาเป็นวายร้ายตัวที่ 4 ในภาคนี้ อย่าง "มิสเตอริโอ" อีกด้วย
ในฐานะแฟนอันเหนียวแน่นของไอ้แมงมุมมาตั้งแต่ฉบับการ์ตูน ผู้กำกับเรมีซึ่งใช้เวลากว่า 6 ปีในการอยู่ในโลกของการสร้าง Spider-Man กล่าวว่ามันเคยเป็นความฝันอันสุดยอดที่มีโอกาสได้สร้างหนังในดวงใจเช่นนี้ และมันยังเป็น "ความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง ที่จะบรรยายเรื่องราวของตัวละครที่เด็กๆ ทั้งหลายต่างเทิดทูนให้เป็นสุดยอดวีรบุรุษ และแน่นอนว่าคุณจะต้องไม่สร้างผลงานที่ไม่คู่ควรต่อความเลื่อมใสที่พวกเขามีให้ต่อตัวละครตัวนี้"
ซึ่งจากการหยั่งคะแนนนิยมจากผู้ชมในงานวันนั้น ผู้กำกับเรมีก็โล่งใจได้เลย โดยเฉพาะการสร้างวีนอมที่แฟนๆ กรี้ดกันเป็นพิเศษเลยทีเดียว
โดยจอห์น แม็คแครกเกนวัย 22 กล่าวว่า "มันเยี่ยมยิ่งกว่าที่ผมคาดไว้ซะอีก คุณต้องเจอวีนอมซะก่อน เขาเท่เป็นบ้าเลย" ส่วนแชสทิตี วิเชนซิโอ สาวกสาววัย 20 กล่าวว่ามันยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีกเมื่อเห็นไอ้แมงมุมต้องต่อสู้กับด้านมืดของตัวเอง "ซูเปอร์ฮีโร่น่ะเจ๋งอยู่แล้วล่ะ แต่เมื่อเขาต้องต่อสู้กับด้านมืดของตัวเอง อย่างนี้ซิถึงจะสุดยอด"
ด้านนอรา แม็คกุยเร็ค วัย 26 ผู้จัดการของ Beach Ball Comics จากแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า "เขาทำให้แฟนหนังทั่วโลกชื่นใจที่เพิ่มวีนอมเข้ามาในภาคนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าแซม เรมีไม่ทำให้เราผิดหวังเลย"
อย่างไรก็ดี สแตน ลี วัย 83 ปี ผู้สร้างตำนานไอ้แมงมุมกลับมองความน่าสนใจของภาคนี้แตกต่างออกไปว่า
"ผมมีบทเล็กๆ ในภาคนี้ด้วย ซึ่งเป็นบทที่ทรงพลังที่สุดที่ผมเคยเล่นมาเลย โดยถือเป็นไคลแม็กซ์ของเรื่องเลยก็ว่าได้ หลังจากนั้นหนังก็อ่อนยวบลงอย่างน่าใจหายจริงๆ" เจ้าพ่อ Marvel Comics กล่าวอย่างอารมณ์ดี