xs
xsm
sm
md
lg

หิมะใต้พระจันทร์ : ละครไทย ก้าวไกลสู่อินเตอร์?

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

เข้มแข็ง และแรงอย่างต่อเนื่องจริงๆ สำหรับกระแสเกาหลีฟีเวอร์ในแวดวงบันเทิงของบ้านเรา ที่แทรกซึมลงไปในทั่วทุกสาขา ทั้งวงการภาพยนตร์ ละคร เพลง แฟชั่น ฯ

มองกันแบบไม่ต้องคิดอะไร ก็คงจะต้องบอกว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นสีสันอย่างหนึ่งจากการเปิดโลกทัศน์ในแวดวงของโลกมายา ยิ่งถ้ามองย้อนกลับไปในอดีตก็จะพบว่าปรากฏการณ์ "เห่อของใหม่ - ก็อปของนอก" ในลักษณะนี้ของบ้านเรามันได้เกิดขึ้นมาแล้วก็จบไปแล้วหลายต่อหลายช่วงด้วยกันด้วยแล้วก็อาจจะไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวี่วุ่นวาย

หากแต่ถ้ามองกันแบบจริงๆ จังๆ มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้เหมือนกันกับสิ่งที่เป็นและเห็นอยู่

เพราะในขณะที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเราเมืองเรากำลังตัดแบ่งดินแดนและมั่นคงในหลายๆ ด้านให้กับคนบ้านอื่นเมืองอื่นได้เข้ามากอบโกยหาผลประโยชน์ไปจากความมั่งคั่งทางด้านทรัพยากรในบ้านเรา วงการบันเทิงของเราเองนับวันผ่านไปเรื่อยๆ ก็มีสภาพที่ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าใดนัก

ที่ผ่านมามีโอกาสได้นั่งดูละครเรื่อง "หิมะใต้พระจันทร์" ของเรด ดราม่า - อาร์เอสฯ ที่ออกอากาศอยู่ทางช่อง 3 แล้ว ก็รู้สึกแแปลกๆ อยู่พอสมควรที่เห็น ฟิล์ม รัฐภูมิ, เอส วรฤทธิ์ ฯ แสดงเป็นคนเกาหลี

ไม่ใช่แค่ชื่นชม - นิยม แต่นี่ถึงขนาดที่อยากเป็นเลยหรือ?

บางทีก็อยากจะขำเหมือนกันครับแต่ก็ขำไม่ออก

เป็นเรื่องปกติที่ชวนให้น่าสมเพชพอสมควรนะครับกับสิ่งที่เป็นอยู่และการแสวงหาผลประโยชน์อย่างฉาบฉวยลักษณะนี้

อย่างที่เรียนไปแล้วว่าถ้ามองย้อนกลับไปในช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ชัดว่ามีคนในวงการบันเทิงไม่น้อยในบ้านเราที่มักจะหากินเยี่ยงนี้ คือเห็นอะไรของบ้านอื่นเมืองอื่นเขามาแรง เห็นอะไรของเขาขายได้ เห็นว่าคนในบ้านเรากำลังเห่ออะไรก็ทำมันออกมาตอบสนองทันทีในลักษณะของการลอก และเลียนแบบ โดยไม่ได้มองในมุมลึกหรือตั้งคำถามถึงฉากหลังสักนิดเลยว่า ทำไม? เพราะอะไรที่นำมาซึ่งความสำเร็จดังกล่าวของบ้านเขา เมืองเขา

จะว่าไปแล้ว อย่างซีรีส์เกาหลีที่บ้านเรากำลังเห่อนั้นถ้ามานั่งดูแบบจริงๆ จังๆ ก็จะพบว่าแต่ละเรื่องแต่ละซีรีส์มันมีจุดที่ซ้ำๆ ซากๆ เยอะทีเดียว ที่สำคัญมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากละครไทยของเราสักเท่าไหร่ เลย อย่างเช่นที่มีการโพสต์กันในอินเทอร์เน็ตแบบตลกๆ ที่ว่า คนที่หล่อที่สุดในเรื่องคนนั้นเป็น..พระรอง, นางเอกจะสวยแบบบ้านๆ ปนเงอะงะหรือเอ๋อเล็กน้อย แต่ถ้าสวย เลิศ เชิด perfect เนี้ยบ หรู มีชาติตระกูลจะเป็นตัวอิจฉา, ในครอบครัวพระเอกอย่างน้อยต้องมีญาติพระเอกหนึ่งคนไม่เห็นด้วยกับความรักของพระเอก, ถ้าเป็นแนวรันทดตอนจบจะต้องมีใครสักคน ไม่นางเอกก็พระเอก เป็น "มะเร็ง"ตาย ถ้าเป็นแนวกุ๊กกิ๊ก ตอนจบต้องมีใครสักคนไปต่างประเทศ, แทบทุกเรื่องตัวเอกต้องกินโซจูแล้วเมา

ในขณะที่ โชคชะตาของตัวละครในซีรีส์เกาหลีมักจะวนเวียนกันอยู่ 4 คน เช่น พระเอก - ชายผู้แม้มีรักแท้ในใจแต่ก็มักมีคู่หมั้น มีกิ๊ก มีอื่นๆ อยู่แล้ว ทำให้ยัยคนนั้นต้องมาตามราวีความ รักไม่จบไม่สิ้น, นางเอก - ผู้หญิงที่แม้จะซุ่มซ่ามกะโปโลแค่ไหน ก็จะมีหนุ่มไฮโซแสนดี(อย่างพระรอง) มาสะดุดรักอย่าง ง่ายๆ เสมอ, พระรอง - สิ่งมีชีวิตที่น่าดูที่สุดในซีรีส์เกาหลี เป็นโมเดล"ชายในฝัน" ของสาวๆ หล่อสุด รวยสุด ดีสุดๆ แต่ไม่รู้ทำไม๊ ทำไมกินแห้วทุกที, ตัวอิจฉา - สวย หรู ดูดี มีตระกูล แถมไม่โง่อีกต่างหาก แต่เอาแต่ใจและชอบเอาชนะ ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ทำน้ำหกรดเสื้อนางเอกไปจนถึงฆ่าตัวตายเพื่อให้พระเอกกลับมา

แล้วอะไรกันเล่า? อะไรที่ทำให้ซีรีส์บ้านเขามีเสน่ห์ อะไรที่ทำให้พระเอก นางเอก ของเขากลายเป็นที่คลั่งไคล้ อะไรที่มันทำให้วิวทิวทัศน์สถานที่ท่องเที่ยวในหนังของเมืองเขาดูแล้วมันโรแมนติกซาบซึ้งตรึงใจถึงขนาดที่ทำให้คนบ้านเราเกิดอาการเพ้อ อยากจะไปสัมผัส ทั้งๆ ที่จะว่าไปแล้วบ้านเราเมืองเราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายต่อหลายที่เลยครับที่สวยงาม - โรแมนติกและมีตำนานที่ตราตรึงมากกว่า

เหล่านี้เราไม่เคยถาม แต่คำตอบที่เราได้มาก็คือภาพของความสำเร็จรูป เอ็งถ่ายที่นั่นแล้วสวยจังทำให้พระเอก-นางเอกรักกันแบบตราตรึงประทับใจคนดูเหลือเกิน ข้าก็ยกกองไปถ่ายที่นั่นมันเสียเลย พระเอก-นางเอกข้าจะได้รักกันแบบตราตรึงเรียกน้ำตาคนดูบ้าง...อ๋อ พล็อตเรื่องเอ็งแบบนี้ขายได้ใช่มั้ย งั้นข้าเอามั่งสิ

กรรมวิธีต่อยอดบนยอดของความสำเร็จที่คนในบ้านเราถนัดนั้นบางอย่างใช้ได้ครับ แต่หลายสิ่งหลายอย่างต้องบอกว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น โดยเฉพาะถ้าคิดถึงผลระยะยาว (ลองคิดดูแล้วกันว่าขนาดบะหมี่ที่เขาโฆษณาว่าเป็นชนิดสำเร็จรูปก็ยังต้องผ่านขบวนการการผลิต ทั้งการต้ม การเติมเครื่องปรุง การจับเวลาที่พอเหมาะ รสชาติถึงจะออกมาดี หอมหวานอร่อยถูกใจ)

ยกตัวอย่างกันง่ายๆ อุตสาหกรรมหนังของเกาหลีกว่าที่เขาจะก้าวมาถึงจุดที่นานาชาติยอมรับได้รู้มั้ยครับว่าเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง?

เยอะครับ ตั้งแต่การต่อสู้กับการหลั่งไหลเข้ามาของหนังจากฮอลลีวูด การได้รับการสนับสนุนจากในทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาล นายทุน การวางรากฐานการศึกษาอย่างมีระบบ พวกเขามี "สมาคมส่งเสริมภาพยนตร์เกาหลี" (KMPPC) ที่ให้การสนับสนุนการผลิตหนังสั้นอย่างจริงๆ จังๆ เพราะเชื่อกันว่านี่คือบันไดก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างบุคลากรคนทำหนังขึ้นมา(ตรงนี้ลองหันมาเปรียบเทียบกับแวดวงหนังสั้นของบ้านเราจะเห็นได้ชัดว่าต่างกันราวฟ้ากับดินเพียงไร) และอีกมากมาย...

แต่เชื่อมั้ยล่ะครับว่า ปลายทางที่พวกเขาตั้งเอาไว้ไม่ใช่เรื่องของการจะได้โกอินตงโกอินเตอร์อะไรอย่างที่คนบันเทิงของบ้านเราชอบพูดวันละ 3 เวลาหลังอาหรารเช้า กลางวัน และเย็นจนเหม็นขี้ฟันว่านั่นแหละคือจุดสุดยอดของการทำงานเลย

เแน่นอนที่ว่าคนบันเทิงเกาหลีเองก็คงจะต้องมีแบบอย่างจากข้างนอกเข้ามา หากแต่ด้วยระบบความคิดอย่างจริงๆ จังๆ ที่ว่าจะทำอย่างไรกับแรงบันดาลใจที่มีเพื่อตอบสนองความต้องการของคนในบ้านตัวเองเป็นหลักตรงนี้นั่นเองที่ทำให้เกิดงานที่มี "เอกลักษณ์" เฉพาะตัวขึ้นมากระทั่งไปไปถูกตาต้องใจคนบ้านอื่นเมืองอื่น จากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือเรื่องของความภาคภูมิใจ ความมั่นใจ

ตรงนี้แหละคือความต่างที่เห็นได้ชัดกับคนของบ้านเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับที่เรียกว่านายทุนที่ชอบอะไรก็ได้ง่ายๆ สบายๆ แต่ขอกำไรเยอะๆ...จะกินมะม่วงทั้งทีทำไมจะต้องไปเสียแรงปลูก เสียเวลารออีกตั้ง 2 - 3 ปีด้วย สู้ใช้เวลา 2 - 3 ชั่วโมงเดินไปตลาดซื้อต้นมะม่วงที่มันโตแล้ว มีลูก มีผลแล้วไม่ดีกว่าหรือ หรืออยากจะดมกลิ่นหอมชื่นชมความงามของดอกไม้ทั้งทีทำไมจะต้องเสียเวลาไปเพาะพันธุ์ รดน้ำ พรวนดินใส่ปุ๋ยมันด้วย ไปปากคลองตลาดซื้อเอาต้นที่มันผลิดอกออกกลิ่นแล้วไม่ดีกว่าหรือ ฯลฯ

ซึ่งถ้าจุดเริ่มต้นมันมาจากความไม่รู้จักตัวตน ไม่เคยให้ค่า ไม่รู้สึกภาคภูมิ พอใจกับสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็น ซ้ำร้ายยังมองว่าเชย มองว่าล้าสมัย แบบนี้มันก็ยากแล้วครับที่จะเดินกันก้าวต่อไป

ไอ้นิสัยแบบนี้ไม่ต้องไปหาดูอื่นไกลหรอกครับ มีให้เห็นอยู่ทั่วๆ ไปในธรรมเนียบฯ ที่กำลังขายชาติ แล้วยุยงให้คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกันเองนั่นไงครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น