"แทค ภรัณญู" ก้มหน้ายอมรับความจริง "รักล่ม" กับวีเจสาวหน้าหวาน "พิตต้า" แน่นอนแล้ว หลังไม่ยอมรับข่าวจริงทนยื้อมานาน เจ้าตัวเปิดเผยสาเหตุความร้าวฉานไม่ได้เกิดจากข่าว "เสี่ยอู๊ด" แต่สาเหตุหลักเพราะฐานะต่างกันเลยไม่เข้าใจกัน และต่างคนต่างงานเยอะด้วย พร้อมปัดข่าวมือที่สามไม่มีเอี่ยว ลั่นถ้ามีใครใหม่เดี๋ยวรู้เอง
หลังใช้ลูกชิ่งวิ่งหนีนักข่าวมาหลายรอบ ถึงคราวที่หนุ่ม "แทค ภรัณญู โรจนวุฒิธรรม" ออกมาก้มหน้ารับชะตากรรมประกาศ "ผมเลิกกันแล้วครับ" กับสาว "พิตต้า ณ พัทลุง" ไปเรียบร้อยแล้วอ้างเหตุเพราะฐานะต่างคนต่างกันเลยเริ่มไม่เข้าใจกัน
"เราเลิกกันแล้วครับ เพราะว่าตอนนี้ต่างคนต่างมีงานเยอะครับ และก็ช่วงนี้ผมอยากมีสมาธิกับการทำงาน ฐานะเราต่างกันด้วยครับเราเป็นเพื่อนกันไม่ได้เพราะว่า ผมเคยเป็นอย่างอื่นแล้วมาเป็นเพื่อนผมเป็นไม่ได้ ผมยอมรับครับตอนนี้ผมยังบอกไม่ได้ว่าต่อไปมันมันจะยังไง"
"ถ้าของมันใช่มันก็คือใช่ถ้าไม่ใช่มันก็ไม่ใช่ครับ อย่าไปอะไรกับมันมาก ผมเพิ่ง อายุ 21 ปีเอง ยังไม่มีอะไรกับตรงนี้ ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับมือที่สามอะไรตรงนี้ มันมีอยู่ว่าหนึ่งเราว่างไม่ตรงกัน เราไม่เข้าใจกัน อะไรที่มันต่างกันครับ ไม่มีมือที่สามทั้งนั้น มันเป็นเรื่องระหว่างเราสองคน"
กับคำถามว่าการเลิกครั้งนี้เป็นเพราะประกาศิตของผู้ใหญ่หรือเปล่านั้น หนุ่มแทคบอกว่า...
"ไม่ได้เกี่ยวกับผู้ใหญ่เลยเป็นเรื่องระหว่างเราสองคนครับ ทางผู้ใหญ่ก็ทางผู้ใหญ่ ทางเราก็ทางเราครับ มันไม่เกี่ยวอะไรกันเลยครับ ที่ห่างกันตอนแรกเขาพูดมา แต่ตอนนี้ผมเป็นคนพูดครับ คือเราจะยื้อไปก็เหนื่อยเปล่าถ้ามันพูดไม่รู้เรื่อง"
"และไม่เชื่อใจกันก็พอเถอะครับ เพราะว่าลูกผู้ชายทุกคนมันมีความอดทนครับผม แต่มันจะมีขีดความอดทนครับ เราไม่อยากเหนื่อย เรื่องงานแล้วมาเรื่องรัก อีก ตอนนี้ของทำงานเพื่อครอบครัวดีกว่าครับ ซึ่งตอนนี้เราไม่ได้คุยกันเกือบจะ 1 เดือนครับ"
เป็นธรรมดาที่จะไม่ยอมรับเรื่องว่ามี "มือที่สาม" มาเอี่ยว!! แล้ว "น้อง" ที่ว่าเป็นเพื่อนแม่ล่ะ ใครกันจ๊ะ?
"ผมว่าไม่เกี่ยวเรื่องคนใหม่ ผมไม่ทราบตอนนี้ผมมีแต่งานและก็มีแต่ฟุตบอลแล้วเรื่องของเขาก็แล้ว แต่เขาว่าเขาจะทำอะไรก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน ผมไม่ได้เฮิร์ทแล้วเมาครับ ผมกลับเชียงใหม่ไปอยู่กับครอบครัวปีหนึ่ง เพราะว่าผมอยู่ที่นี้ไม่รู้จะอยู่กับใครก็เลยกลับบ้าน"
"ทางบ้านก็ว่าไม่เป็นไรถือว่าเป็นบทเรียนที่ดี เราก็เก็บความรู้สึกดีๆกันไว้อะไรที่ไม่ดีก็ปล่อยมันไปครับ นี้ก็คือบทเรียนครึ่งหนึ่งของชีวิตลูกผู้ชายครั้งหนึ่งครับผม ตอนนี้ก็มีโทรคุยกับน้องคนหนึ่งครับ ก็มีโทรคุยปรึกษากันเฉยๆครับ โอกาสพัฒนาน้องก็คือน้องครับมันไม่พัฒนาครับ"
"มีใครใหม่เดี๋ยวพี่ก็รู้เองครับ คนนั้นเขาเป็นลูกเพื่อนพ่อลูกเพื่อนแม่มากกว่าครับที่ได้คุยกัน ที่สนิทกันมาตั้งแต่เล็กครับ เรามีอะไรเราปรึกษากันครับ แต่ยังไม่เข็ดคนในวงการครับ ในวงการมีสีสันดีครับ"