ผู้กำกับ "ป้อน นิพนธ์” ขำถูกโยงเป็นพ่อของลูกในท้อง "เจมี่ บูเฮอร์" เจ้าตัวลั่นไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งซึ่งกันและกัน โต้เปล่าเป็นตัวการปล่อยข่าวดาราสาวท้อง-แท้ง ตั้งคำถามกลับตนจะทำแบบนั้นเพื่อประโยชน์อะไร พร้อมยันความบริสุทธิ์ใจยินดีทำงานร่วมกับดาราสาวได้เสมอ
"ป้อน นิพนธ์ ผิวเณร" ตกเป็นจำเลยอยู่พักใหญ่ว่าเป็นพ่อของลูกในท้องของ "เจมี่ บูเฮอร์" แต่ผกก.คนดังก็ไม่ได้ออกมาให้ความกระจ่างใดๆ จนกระทั่งฝ่ายหญิงออกมาแถลงข่าวเรื่องท้องและทำแท้งว่าไม่เป็นความจริงแถมหลุดพูดถึงผกก.ป้อนว่าหวังว่าข่าวฉาวของเธอจะไม่ได้มาจากฝ่ายชาย ถูกอ้างอิงแบบมีเลศนัยอย่างนี้ ป้อนเลยขอปฏิเสธชัดทุกกรณีกลางงานบวงสรวง "อุบัติเหตุแห่งรัก" ของค่ายเอ็กแซ็กท์ ทั้งเรื่องเป็นตัวปล่อยข่าว รวมถึงมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเจมี่
"ให้เจมี่หวังได้เลยครับ มันคงไม่ใช่ผมเพราะว่าผมไม่ได้ต้องการชื่อเสียง ผมจะดังทำไมล่ะ ผมไม่เข้าใจ ผมจะให้ข่าวอย่างนั้นทำไม ผมจะทำลายคนอื่นอย่างนั้นทำไม ผมอยากจะดังด้วยวิธีนี้เหรอไม่ใช่มั้ง ยิ่งมีคนรู้จักมากความเป็นส่วนตัวก็ไม่มีอีก ไม่เห็นได้ประโยชน์อะไรเลย และตลอดเวลาผมทำงานก็ใช้ผลงาน"
"ถามว่าผมเคยคบกับเขามั้ย เราได้แต่ทำงานด้วยกันในเรื่อง ฝันเฟื่อง ครับ ก็รู้จักและสนิทสนมกันแบบคนทำงานด้วยกันเท่านั้นเอง พอจบก็ไม่ได้อะไร ก็สนิทเหมือนคนอื่นๆ น่ะเหมือนไอ้จั่น (จั๊กจั่น อคัมย์สิริ),ไอ้ริ (ภูริ),ติ๊ก (เจษฎาภรณ์) ก็ไม่ได้สนิทมากมายอะไรขนาดนั้น"
ย้อนถามถึงสาเหตุที่ตกเป็นข่าวกับ "เจมี่" เจ้าตัวก็ยังตอบไม่ได้ชัดนัก บอกไม่ได้ติดต่อกันหลังถ่ายทำละครเรื่อง "ฝันเฟื่อง" จบ
"อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะความที่เขาเป็นนักแสดงใหม่ที่มาเล่นเอ็กแซ็กท์เรื่องแรกก็ได้ แล้วทีนี้พอมาทำงานด้วยกันในมุมของนักแสดงกับผู้กำกับที่มันยังไม่จูนกันเนี่ยก็ต้องคุยกันเยอะหน่อยเพื่อให้เข้าใจคาแร็กเตอร์และวิธีเล่นในตัวละครน่ะครับ"
"หลังมีข่าวก็ไม่ได้มีการคุยกันครับเพราะว่าผมทำงานเยอะและหนักกว่าจะนอนก็ดึก หลังจากปิดกล้องฝันเฟื่องก็ไม่ได้เจอกันอยู่นาน เรื่องหัวใจช็อคโกแลตก็ไม่ได้เจอครับเพราะคุณบอยทำ คือผมก็ส่วนใหญ่ทำงานน่ะ กำกับเสร็จก็ไปออฟฟิศดูแลโน่นนี่ ก็ไม่มีเวลา"
ยืนยันข่าวไม่มีผลกับการทำงานแม้จะโดนมาหลายข้อหาแล้วก็ตาม พร้อมลั่นยืนยันความจริงใจยินดีร่วมงานกับ "เจมี่" ได้ทุกเมื่อ
"ผลของการเป็นข่าวก็มีน้องๆ เพื่อนๆ แซวแต่ผมเป็นคนที่มั่นคงกับตัวเองว่าเราเป็นอะไรและทำอะไรอยู่ เราควรทำอะไรต่อไป โชคดีที่ไม่ได้เป็นนักแสดง ถ้าเป็นนักแสดงก็คงแกว่งเหมือนกันนะว่าเราจะขายชื่อเสียงตัวเองยังไง คือผมก็โดนเยอะเหมือนกัน ผู้กำกับขาฟัน ป้อนเจ้าเก่าบ้างก็โอเค มันไม่ได้เอ็ฟเฟ็กต์กับตัวเรามากนัก ผมก็เข้าใจไม่ได้โกรธอะไรเลย มีข่าวมีมูลคนก็ต้องเขียนใช่มั้ย เรื่องธรรมดา"
"ถ้าต้องร่วมงานกับเจมี่อีกก็ไม่มีปัญหาครับ ผมมืออาชีพอยู่แล้ว ในชีวิตผมมี 2 อย่าง งานและชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัวเราก็เป็นอย่างที่เราเป็น แต่งานเราแยกแยะได้ เราก็ทำในสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ควรคิดเล็กคิดน้อย การทำงานได้กับทุกคนเป็นเรื่องที่ดีของชีวิตน่ะ ไม่ใช่เราจะปิดกั้นว่าคนนั้นไม่ดีเราทำงานด้วยไม่ได้คนนั้นไม่ชอบเราจะทำงานไม่ได้ เราก็แค่เอาความจริงใจสู้เข้าไป เพราะฉะนั้นผมไม่กลัวอะไรเลย"
ถึงจะออกปากว่าเข้าใจหากเรื่องมีมูลก็ย่อมเป็นข่าว แต่ผกก.คนดังก็อดประหลาดใจไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นตนเองที่ต้องโดนข่าว(แรง)แบบนี้
"พอมีข่าวตอนแรกก็ขำไง อะไรกันนี่เพราะว่าความจริงก็คือความจริง ความไม่จริงก็คือไม่จริง ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตปกติไม่เครียด แล้วก็มีคนแซวเต็มเลย ถามว่าเอ๊ะนี่อะไรยังไง ผมก็บอกกับคนอื่นมั้งคงไม่ใช่ผมหรอก"
"ก็เฉยๆ เพราะเราไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต้องไปแก้ ช่างมัน เราไม่ได้ซีเรียสกับมัน ถ้ามันจริงเราจะซีเรียสไง ซวยแล้วพระเจ้าช่วย ทีนี้เห็นมาเยอะครับเห็นข่าวที่เกิดขึ้นกับน้องๆ กับนักแสดง ก็อืม เอาเถอะแต่ผมก็ไม่คิดนะว่าจะโดนกับตัวเองก็ประหลาดใจอยู่"