ด้วยกระแสข่าวที่เป็นอยู่ของพระเอกหนุ่มบวกเข้ากับจุดขายที่อิงอยู่บนความสวยหล่อและความตลก เชื่อแน่ว่า "รักจัง" คงจะเป็นหนังที่ผู้ใหญ่หลายคนในอาร์เอสฯ เกิดความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งหลังจากต้องผิดหวังมาพอสมควรกับงานหลายๆ ชิ้นที่ออกมาในก่อนหน้านี้
"รักจัง" ผลงานโรแมนติกคอมเมดี้จากการกำกับของ "พุ เหมันต์ เชตมี" (Sex Phone / คลื่นเหงา / สาวข้างบ้าน) นำแสดงโดยนักร้องดัง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" และนางเอกสาว "พอลล่า เทเลอร์" บอกเล่าถึงความรักความผูกพันของซูเปอร์สตาร์ชื่อดังกับนักข่าวสาวปาปารัซซี
...หลังเกิดจากกระแสฟิล์ม(ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์)ฟีเวอร์ฮิตไปทั่วประเทศ ซูเปอร์สตาร์ชื่อดังเกิดอาการเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมากจนต้องหาทางหลบหลีกหนีไปพักผ่อนลำพังคนเดียวทางภาคเหนือแต่กลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นในระหว่างการเดินทางเป็นเหตุให้เขาเกิดอาการสูญเสียความทรงจำ
ซูเปอร์สตาร์ได้รับความช่วยเหลือจาก "ลอซู" (อี๊ด โปงลางสะออน - สมพงษ์ คุนาประถม) ชาวไทยภูเขาที่ไม่รู้ว่าพระเอกหนุ่มเป็นนักร้องชื่อดัง โดยเบื้องต้น "ลอซู" เองไม่ได้เต็มใจมากนักในการกระทำดีของตนเอง เขาตั้งชื่อให้ฟิล์มว่า "อาหลง" แบบคล้องจองกับชื่อหมูที่เลี้ยงอยู่
แม้จะอยู่บนยอดดอยที่ไกลแสนไกลแต่ฟิล์มก็ยังไม่วาย ได้พบกับ จ๋า (พอลล่า เทเลอร์) สาวปาปารัสซีตัวแสบที่กำลังถังแตก ซึ่งเกิดปิ๊งไอเดียในการจะนำเอาภาพเด็ดของซูเปอร์สตาร์มาขายสำนักพิมพ์ เธอจึงหาทางเข้ามาใกล้ชิดเขาเพื่อเก็บภาพลับเฉพาะ ทว่าด้วยบรรยากาศของยอดเขาสูง ความห่างไกลผู้คน ความเงียบ ความสงบ ความใกล้ชิดนั่นเองที่เป็นเหตุให้ทั้งสองเกิดความผูกพันกันขึ้นมา
ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี แต่เมื่อฟิล์มกลับสู่โลกของความเป็นจริงในการเป็นซูเปอร์สตาร์ เขากลับจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนยอดดอยไม่ได้ มีเพียงความทรงจำอันลางเลือนของผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นที่เหลืออยู่ อย่างไรก็ตามในความลานเลืองที่ว่าเขากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกว่าผู้หญิงคนที่เขาคิดถึงนั้นรอเขาอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ที่ไกลแสนไกล ที่ที่มีสายหมอกและลมหนาว
ซึ่งการได้พบเธอเท่านั้นที่จะทำให้เขาคลายความคิดถึงที่ว่านี้ได้...
ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกินกับสังคมในยุค "ทุนนิยม" ปัจจุบันที่จะหาความลงตัวจากการ "ขายงาน" ของศิลปินทั้งหลายโดยที่ตัวของพวกเขาเองไม่ถูกมองว่าชิ้นงานที่สร้างสรรค์ออกมานั้นเป็นเพียง "สินค้า" ที่ปราศจากความมีคุณค่าทางด้านศิลปะที่ต้องใช้ความรู้สึกทางด้านจิตใจเข้ามาจับต้องมากกว่าตีค่าออกมาเป็นเงินทองที่จะได้รับมา
"พุ เหมันต์" กับ "รักจัง" ของเขาก็เช่นเดียวกัน
ถ้าผู้กำกับชื่อดังคนหนึ่งเคยวิจารณ์ไว้ว่า "กุมภาพันธ์" ของ "ต้อม ยุทธเลิศ" มีดีก็แค่วิวสวยๆ ของนิวยอร์กแล้วละก็ เชื่อได้เลยว่าผู้กำกับคนดังกล่าวคงจะรู้สึกเช่นเดียวกันแน่นอนหากมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่องนี้ ดีไม่ดีอาจจะยิ่งกว่าซะอีก เพราะถ้าจะว่าไปแล้วหนัง "รักจัง" แทบจะไม่ได้ผิดอะไรไปจากมิวสิกวิดีโอเพลงรักฉบับยาวเอาซะเลย
จุดเสี่ยงของการเล่าเรื่องแบบ 1 2 3 4 5 ไปจนถึง 10 บนเนื้อหาที่ไม่ได้หวือหวาและสลับซับซ้อนเป็นเรื่องที่ง่ายและเสี่ยงเหลือเกินกับการที่ "รักจัง" จะเดินก้าวพลาดตกลงไปสู่หลุมของความน้ำเน่า - ความไม่น่าตื่นเต้นในการติดตาม และมันก็เป็นไปเช่นนั้นจริงๆ ซ้ำร้ายในขณะที่บทบาทและความสามารถของนักแสดงที่สวมความเป็น "ตัวละคร" นั้นๆ อยู่แทนที่จะเป็นเชือกที่จะช่วยดึงให้หนังหลุดพ้นจากหลุมที่ว่า มันกลับกลายเป็นสิ่งที่พันธนาการให้ "รักจัง" ติดแน่นอยู่ที่ก้นหลุมดังกล่าวมากยิ่งขึ้น
นอกเสียจากความมี "หน้าตา" ที่ถูกใจแฟนคลับ และการได้ชื่อว่าเป็นดาราที่มีชื่อเสียงของพระ - นาง อย่าง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" และ "พอลล่า เทเลอร์" แล้ว ก็แทบจะมองไม่เห็นประโยชน์อย่างอื่นของคนทั้งสองคนจากหนังเรื่องนี้
การใช้ "ฟิล์ม" เล่นเป็น "ฟิล์ม" แทนที่จะเกิดประโยชน์ในการโน้มอารมณ์จากความเป็น "ตัวตน" ของเขาสร้างความใกล้ชิด - ผูกพันสื่อไปยังคนดู หนังกลับยิ่งทำให้รู้สึกถึงความห่างที่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยการทำให้เขาคนนี้เดินทิ้งออกไปจากความจริงสู่โลกของการจินตนาการบนจินตนาการของเนื้อเรื่องมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ความ(รู้สึกว่า)โรแมนติกของ "รักจัง" ล้วนแล้วแต่มาจากการสร้างฉากและเงื่อนไขที่เกิดจากการมองเห็นแทบจะทั้งสิ้น ทั้งในส่วนของหน้าตานักแสดงและวิวสวยๆ ซึ่งเป็นการทำให้เคลิบเคลิ้มและหลงใหลเพียงชั่วครู่ชั่วยาม โดยไม่สามารถดึงหรือสร้างให้ความรู้สึกจาก "ข้างใน" เกิดความตราตรึงและประทับใจในระดับที่กินใจแต่อย่างใด
ผิดกับความคอมเมดี้ของหนังจากเหล่าคณะโปงลางสะออนที่ดูจะทำให้อยากหัวเราะด้วยความรู้สึกที่อยากจะหัวเราะจริงๆ
ไม่ใช่ความผิดของผู้กำกับฯ ไม่ใช่ความผิดของนักแสดง แต่เป็นความผิดของกับดักแห่งความเป็น "มายา" อันมาจากการปรุงแต่งของสังคมโลกที่นับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ชนิดชวนให้สงสัยว่า อะไรคือจริง อะไรคือเท็จ เราหัวเราะ เราร้องไห้ เรารู้สึกกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาจริงๆ หรือเราถูกเงื่อนไขอะไรบางอย่างที่บังคับว่าเราต้องมีอารมณ์เช่นนั้น
ถ้าคิดแค่ว่าการดูหนังคือการจ่ายเงินเพื่อแลกกับความสุขชั่วครู่ยามและเสียงหัวเราะ "รักจัง" สามารถตอบโจทย์ที่ว่านี้ได้เป็นอย่างดี
เอาเข้าจริงๆ จะว่าไปที่มาที่ไปของ "สร้อยหยก" ที่หนุ่มฟิล์มสวมคล้องคออยู่ตลอดเวลาที่ "แสดง" หนังเรื่องนี้ถึงขนาดที่ว่ากันว่า "เรื่องจริง" มีการขอให้เขาถอดออกแต่เจ้าตัวไม่ยอมนั้นดูจะน่าประทับใจและโรแมนติกกว่าคำที่เขาพูด หรือกิริยาที่เขาแสดงออกกับนางเอกในหนังซะอีก
ที่สำคัญมันอาจจะซ่อนความหมายเป็นนัยๆ ก็ได้ว่า...ไอ้ที่ "รักจัง" น่ะ เรื่องจริงฟิล์มรักอะไร หรือฟิล์มรักใครกันแน่?