ตลอดเดือนที่ผ่านมา ความคุกรุ่นที่เกิดจากแรงต้านที่มีต่อการมาถึงของภาพยนตร์สุดฉาวแห่งยุคอย่าง The Da Vinci Code นั้น ล้วนแต่มาจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ในคริสตศาสนาเป็นอย่างดี ทั้งบาทหลวงและนักประวัติศาสตร์ ที่มีฐานความรู้มากพอที่จะโต้แย้งในส่วนของเนื้อหาอันเข้มข้นที่บรรจุอยู่ในหนังสือที่เป็นผลงานของนักเขียนชื่อกระฉ่อนอย่างแดน บราวน์ผู้นี้ได้
แต่คำพูดเพียงเล็กน้อยของตัวละครอย่างเซอร์ลีห์ ทีบบิงในบทที่ 58 ที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูและนางแมรี แม็กดาลีน จนนำมาซึ่งการสืบสายโลหิตต่อมาในที่สุด นับเป็นข้อมูลที่มีความชัดเจน มากพอที่จะทำให้ผู้นับถือคริสตศาสนาธรรมดาๆ คนหนึ่งลุกขึ้นมาต่อต้านกับแนวคิดดังกล่าว
และนี่ก็คือตัวอย่างเพียงเล็กน้อยจากหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบโลกทุกวันนี้ จากความคิดเห็นไม่กี่ย่อหน้าที่ทำให้ตัวหนังสือเป็นที่ฮือฮา จากภาพยนตร์เรื่องเดียวที่สะท้อนศรัทธาของคนทั้งโลก
ออร์ธอด็อกซ์แจกใบปลิวประณาม "ดาวินชี โคด" ที่กรีซ
สำนักสงฆ์นิกายออร์ธอด็อกซ์ของประเทศกรีซ ได้ออกมาประณาม "ดาวินชี โคด" นิยายสุดฉาวของนักเขียนชาวอเมริกันอย่างแดน บราวน์ ซึ่งจะเปิดฉายในอีกไม่กี่วันนี้ ว่าเต็มไปด้วยความก้าวร้าวและนำเสนอข้อมูลได้ผิดพลาดอย่างยิ่ง
นิกายออร์ธอด็อกซ์ซึ่งถือเป็นนิกายหลักของประชากร 97 เปอร์เซนต์ในประเทศกรีซ โดยทางสภาสงฆ์สูงสุด(holy synod)ของนิกายดังกล่าวเตรียมจะแจกใบปลิวให้แก่คริสตศาสนิกชนที่จะเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาของนิกายออร์ธอด็อกซ์ ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ โดยเนื้อหาในใบปลิวกล่าวว่า
"ทัศนคติในเรื่องของประวัติศาสตร์และศาสนาของหนังสือเล่มนั้นผิดพลาดทั้งหมด เป็นงานเขียนที่มุ่งร้ายและทรยศต่อความเชื่อทางศาสนาอย่างร้ายกาจ "
"นักเขียนคนนี้ (แดน บราวน์) ต้องการที่จะทำลายล้างความเชื่อที่มีต่อศาสนาและต่อพระคริสต์ ทั้งในความที่เป็นพระเจ้าที่สูงส่งและบุรุษที่ยอดเยี่ยม นอกเหนือจากเนื้อหาที่จาบจ้วงพระคริสต์แล้ว มันยังโจมตีต่อตัวศาสนาอีกด้วย มันจึงมีความผิดโทษฐานหลอกลวงและตลบตะแลงต่อศรัทธา"
"ไม่จำเป็นต้องโทรไปบอกว่าเพื่อนๆ ของคุณว่าควรจะอ่านหรือชมภาพยนตร์เรื่องนี้หรือไม่ เพราะทันทีที่ใครก็แล้วแต่สัมผัสกับมันก็จะเห็นถึงความปลิ้นปล่อน และพร้อมที่จะปฏิเสธต่อเนื้อหาที่น่าสมเพชเช่นนี้"
ทางการฟิลิปปินส์เตรียมแบน "ดาวินชี โคด"
ทางการของฟิลิปปินส์เตรียมแบนการฉายของ "ดาวินชี โคด" ภาพยนตร์สุดฉาวแห่งยุค โดยชี้แจงว่ามันเป็นนิยายที่เชื่อมโยงกับเรื่องศาสนาด้วยความดูหมิ่น ซึ่งศาสนาคริสต์นับเป็นที่ศูนย์ร่วมจิตใจของประชาชนชาวฟิลิปปินส์มาอย่างช้านาน
เอดูอาร์โด เออร์มิตา รัฐมนตรีกลาโหมของฟิลิปปินส์ เผยว่าภาพยนตร์เรื่อง "ดาวินชี โคด" ซึ่งจะมีกำหนดเปิดฉายในกรุงมะนิลาในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ จะต้องถูกแบนในฐานะที่เขาเป็นคริสตศาสนิกชนที่จงรัก
"ผมคิดว่าเราควรจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีโอกาสฉายในประเทศของเรา"
เออร์มิตากล่าวกับชื่อมวลชนของฟิลิปปินส์ว่าทางการต้องใช้วิจารณญาณอย่างถี่ถ้านก่อนที่จะให้หนังที่มีเรื่องราวที่ว่าด้วยการสมรสและมีบูตรของพระเยซูออกฉาย ในประเทศที่ประชากรกว่า 80 เปอร์เซนต์จากจำนวน 85 ล้านคนนับถือนิกายโรมัน คาทอลิกอย่างเหนียวแน่น โดยฟิลิปปินส์และมอลตาถือเป็นสองประเทศเท่านั้นในโลกที่ไม่มีกฏหมายว่าด้วยการหย่าร้าง และเข้มงวดต่อการทำแท้งอย่างยิ่ง
พระคุณเจ้ารามอน อาร์กูเอลเลสอัครสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลลิปา ซื่งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา ได้กล่าวว่าหนังเรื่องดังกล่าวได้สบประมาทต่อชาวคริสต์ทั้งมวล และได้เน้นว่าทางการควรจะแบนหนังเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกับที่เคยแบน The Last Temptation of Christ ผลงานสุดอื้อฉาวของมาร์ติน สกอร์เซซีเมื่อปี 1988 โดยพระคุณเจ้าได้ร่างจดหมายถึงหัวหน้าฝ่ายเซนเซอร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า
"ในนามของประชาชนผู้จงรักและศรัทธาในบุตรแห่งพระเจ้าซึ่งเป็นบิดาของเหล่ามนุษย์ทั้งมวล พ่อต้องขอประกาศต่อลูกๆ ทั้งหลายว่าหนังเรื่อง "ดาวินชี โคด" จะต้องถูกแบนบนแผ่นดินของเรา"
ในส่วนของเออร์มิตากล่าวว่าทางนางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นคาทอลิกผู้เคร่งครัดคนหนึ่ง ยังไม่สามารถให้ความเห็นต่อการตัดสินใจดังกล่าวได้ เนื่องจากกำลังติดภารกิจในการเยือนประเทศซาอุดิ อาระเบียเป็นเวลา 4 วันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมของฟิลิปปินส์ เขาได้แสดงความคิดเห็นต่อเนื้อเรื่องอันสุดอื้อฉาวนี้ด้วยความยำเกรงว่า
"มันเป็นเรื่องที่เราไม่ควรจะหยิบมาพูดถึง เพราะสวรรค์อาจจะลงทัณฑ์เราจากเบื้องบนก็เป็นได้"
ชาวคริสต์ในอินเดียร่วมอดอาหาร ประท้วงการฉายของ "ดาวินชี โคด"
กลุ่มผู้ชาวคริสต์ผู้นับถือนิกายคาธอลิกในประเทศอินเดียได้รวมตัวกันในการอดอาหารเพื่อเรียกร้องให้ทางการยับยั้งการฉายของภาพยนตร์สุดฉาวอย่าง "ดาวินชี โคด" หลังจากที่ทางกลุ่มเพิ่งจะล้มเลิกความคิดในการเผาหุ่นจำลองของแดน บราวน์ นักเขียนอเมริกันเจ้าของผลงานซึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด
ประชนชนกว่า 2 ร้อยคน ซึ่งรวมทั้งแม่ชีหลายสิบคน ได้เข้ารวมการประท้วงที่จัดตั้งโดยองค์กร Catholic Secular Forum เพื่อมุ่งหวังที่จะรวบรวมประชาชนหลายพันคนเพื่อปิดถนนประท้วงการฉายของ "ดาวินชี โคด" ที่จะมีขึ้นที่ประเทศอินเดียในวันที่ 19 พ.ค. นี้
โจเซฟ ดิแอส ผู้นำของกลุ่มต่อต้านดังกล่าว เผยว่าการหันมาอดอาหารประท้วงแทนที่จะเผาหุ่นจำลองของนักเขียนดังอย่างแดน บราวน์นั้น เนื่องจากทางการไม่อนุมัติต่อแผนการดังกล่าว พวกเขาจึงหันมาผูกผ้าพันแขนสีดำและอดอาหารประท้วงแทน โดยเขาจะเข้าร่วมในการอดอาหารประท้วงกับอาศาสมัครอีก 50 คนที่เมืองมัมไบ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของอินเดีย โดยการอดอาหารครั้งนี้จะเริ่มตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นไป และจะไม่ยุติจนกว่าทางการของอินเดียจะยกเลิกการฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว
"เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าทางการจะต้องแบนหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น ผลลัพธิ์ที่เกิดขึ้นก็คือความตายของคนจำนวนหนึ่งอันเกิดจากความไร้สมรรถภาพของรัฐบาลนั่นเอง" ผู้นำกลุ่มยืนยันถึงอุดมการณ์
สำหรับการฉาย "ดาวินชี โคด" ในประเทศอินเดีย ซึ่งมีประชากรนับถือศาสนาคริสต์กว่า 2 ล้านคนนั้น ทางโซนี พิกเจอร์เจ้าของภาพยนตร์สุดฉาวได้เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า การฉายจะมีขึ้นในวันที่ 19 พ.ค.นี้อย่างแน่นอน โดยจะมีการพากษ์เสียงแตกต่างกันถึง 4 ภาษานอกเหนือจากภาษาอังกฤษอีกด้วย
สิงคโปร์ ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ดู "ดาวินชี โคด"
กองเซนเซอร์ของประเทศสิงคโปร์ ได้ประกาศห้ามไม่ให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปีเข้าชมภาพยนตร์ "ดาวินชี โคด" เนื่องจากเกรงว่าวุฒิภาวะของเด็กอาจจะแยกแยะเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวผิดเพี้ยน จนเชื่อว่าเรื่องราวดังกล่าวเป็นเรื่องจริงในที่สุด
หนังสุดฉาวที่ได้รับการฉายอย่างแน่นอนแล้วที่สิงคโปร์ในวันที่ 18 พ.ค. จะถูกจัดในเรต NC16 (No Children under 16) ซึ่งเป็นภาพยนตร์สำหรับผู้ชมอายุ 16 ปีขึ้นไป และทางการได้เขียนคำเตือนประกอบไว้ด้วยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ "มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่"
"สมาชิกส่วนใหญ่ของกองเซนเซอร์เห็นควรให้จัดหนังเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญ(thriller)ที่ถูกแต่งขึ้น พวกเราเห็นพ้องกันว่าหนังเรื่องนี้สามารถทำการฉายได้ตามปกติ แต่ต้องจัดเรตให้สูงเพื่อจำกัดให้มีแต่ผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่ที่สามารถแยกแยะระหว่างเรื่องจริงและเรื่องแต่งได้เท่านั้น"
ประเทศที่หลอมรวมไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติอย่างสิงคโปร์ มีความละเอียดอ่อนต่อสื่อและภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการวิพากษ์ทางศาสนาอย่างรุนแรง เนื่องจากไม่ต้องการจะให้เกิดเหตุการณ์อันเป็นชนวนไปสู่ความรุนแรง เหมือนที่เคยเกิดการจราจลทางเชื้อชาติครั้งใหญ่ที่มีขึ้นมาแล้วเมื่อยุค 60 นั่นเอง