ถือได้ว่าเป็นงานที่ท้าทายครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของชีวิตผู้กำกับของ "ต้อ มารุต สาโรวาท" เลยก็ว่าได้กำการทำหน้าที่หนึ่งใน 3 ผู้กำกับละครเพลงเรื่อง Joseph And the Amazing Technicolor Dream coat ผลงานการประพันธ์เรื่องหนึ่งในหลายเรื่องเยี่ยมของ Andrew Loyd Webber ที่กำลังจะลงโรง ณ โรงละครกรุงเทพ ถ.เพชรบุรีให้ได้ชมกันในช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์นี้(13 - 14)
แม้จะเป็นเรื่องที่ตนเองชอบ และถึงแม้เนื้อหาของละครนั้นจะดูง่ายและน่ารัก ทว่าเมื่อต้องลงมือทำจริงๆ เจ้าตัวบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยทีเดียว
"ละครเรื่องโจเซฟเป็นละครเพลงสำหรับครอบครัวที่โด่งดังมาตั้งแต่ปี 1967 แล้ว ดังมาก ไปเล่นตามที่ต่างๆ ทั่วโลก พี่เคยดูละครเรื่องนี้มาหลายเวอร์ชั่นที่สิงคโปร์ก็สนุกสนานดี เรื่องน่ารัก และได้สนิทกับอ.เธียรชัย สุขเที่ยงที่เชียงใหม่ ทำมิวสิกคัลคอนเสิร์ตให้ อ.เธียรชัย พอหลังจากครั้งที่ 3 เสร็จไปก็เรียกมาคุยว่าจะทำมิวสิกคัลเต็มรูปแบบเรื่องนึงโจเซฟ"
"พอถึงขั้นคนทำเองมันเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากต้องได้นักแสดงเสียงดีแล้ว ต้องเล่น เต้น เล่นละคร ทั้งหมด 3 - 4 อย่างทำงานรวมกันแล้วสเกลใหญ่เลย ก็มอบหมายหน้าที่กำกับให้พี่ต้อ ซึ่งกำลังเรียนรู้ละครเพลงอยู่ด้วย คือชอบอย่างเดียวไม่พอ ต้องขยายทักษะการเรียนรู้การผลิต ซึ่งอำดับแรกต้องได้นักร้องเสียงดีก่อนมันร้องเพลงไปด้วยเล่าเรื่องไปด้วย ต้องมีอารมณ์ สีสันร้อยเป็นเรื่องโดยใช้เพลง"
เป็นการทำงานที่เปรียบเสมือนกับเป็นห้องเรียนที่ทำให้ได้ศึกษาการทำศิลปะแขนงนี้ไปในตัว
"ในส่วนข้อมูลไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ อ.เธียรชัยมีรายละเอียดละครอยู่ แต่ส่วนอื่นๆ พี่ต้อเหมือนต้องเรียนไปด้วยเลย แต่ก่อนทำละครพูดธรรมดาไม่ค่อยยากเท่าไหร่ แต่มีเพลงด้วยก็ต้องฟังเพลงเยอะขึ้น จับจังหวะให้ได้ เมื่อมาดูการซ้อมก็จะสามารถใส่รายละเอียดทำให้สนุกขึ้น เรื่องนี้ใช้เวลาซ้อม 2 เดือน แต่เตรียมงานจริงๆ 6 เดือน มันหนักที่ซ้อมแต่ละเพลงมันต้องต่อกัน 21 เพลงเชื่อมเรื่องให้ได้ ต้องสนุก มันถึงได้เป็นงานใหญ่"
สำหรับเรื่องราวในละครนั้นผู้กำกับสมมติให้เกิดขึ้นที่พีระมิดในอียิปต์ คณะท่องเที่ยวเอาเด็กๆ ไปทัศนะศึกษาแล้วก็เล่านิทานเรื่องโจเซฟที่เกี่ยวข้องกับพีระมิดของฟาโรห์โยนเข้าเรื่องย้อนไปในอดีตเมื่อ 3,000 ปีก่อน
"คือละครเรื่องโจเซฟเนี่ยเมื่อถูกขยายให้ทำมิวสิกคัลเต็มรูปเลยสามารถทำได้เต็มสเกลของมันเลยฉากก็ใหญ่มาก มีท้องพระโรงของฟาโรห์ ทะเลทรายก็ต้องสร้างฉากขึ้นมาให้พอเล่าเรื่องได้ว่าเกิดขึ้นที่ไหน แล้วเวอร์ชั่นอันนี้ล่าสุดที่ทำในประเทศ..."
แม้จะมั่นใจในการแสดงของนักแสดงทุกคนรวมถึงภาพรวมในส่วนอื่นๆ ว่ามีคุณภาพไม่แพ้ของเมืองนอก ทว่าด้วยความที่ไม่มีงบประมาณในการโฆษณานั่นเองที่ทำให้ผู้กำกับดังคนนี้หวังเพียงคนดูเต็มแค่ครึ่งหนึ่งของโรงละครก็พอแล้ว และถ้าถ้าผลตอบรับออกมาดีเจ้าตัวก็พร้อมที่จะลุยโปรเจ็กต์ใหม่ต่อทันที
"ก่อนหน้านี้เล่น 5 รอบที่เชียงใหม่ประสบผลสำเร็จมากๆ พ่อแม่เอาลูกมาดูแล้วสบายใจ เพลงก็เพราะเรื่องก็มีคุณธรรม ดูไม่ยากเลย ถึงแม้จะเป็นภาษาอังกฤษแต่เชื่อว่าพ.ศ.นี้ภาษาอังกฤษในโจเซฟไม่ยากเกินความเข้าใจ ตัวละครก็น่าสนใจอย่างใหม่ สุคนธวา สำคัญเลย ชอบความมุมานะของเขา เคยบอกใหม่ไว้ว่ามีละครเวทีที่ท้าทาย เราทึ่งเขามากสวยเซ็กซี่มาก ข่าวใหม่ด้านนึงเป็นเรื่องเซ็กซี่ถ่ายแบบโป๊ แต่เขามีความสามารถมากกว่าเซ็กซี่"
"หวังคนมาดูแค่ 60% ของโรงละครก็พอแล้ว ไม่หวัง 100% ทุกรอบ เอาแค่ 50% ก็แฮปปี้แล้วนะ อาจเป็นเพราะเราไม่มีงบในการโฆษณามาก มาเล่นในกรุงเทพแต่เชื่อว่าคุณภาพงานเราไม่ด้อยกว่าฝรั่งเลย สู้ฝรั่งได้ คนไทยน่าจะภูมิใจว่าเป็นฝีมือของคนไทยเอง เพียงแต่ว่าเรามีงบพีอาร์น้อยหวังแค่ว่าคนในกรุงเทพ 8 - 9 ล้านคนเอาแค่ 1% มาดูก็โอเคอยู่รอดแล้ว"
"แต่ถ้าผลตอบรับดี คิดไว้แล้วว่าจะเอามิวสิกคัลคอนเสิร์ตเพลงจากละครเวทีนับ 10 เรื่องที่คนไทยคุ้นเคยมาเรียงร้อยเป็นการแสดงที่ผสมกับการแสดงเข้ากับดนตรี แต่ละส่วนก็จะมีพิธีกรคั่นแบบที่เคยทำมา มีนักแสดงตรงตามเรื่องนั้นไปดูทีก็จะได้ดูมิวสิกคัล 10 เรื่องเลย กับอีกอันจะทำมิวสิกคัลของฝรั่งสักเรื่องนึง เอาลิขสิทธิ์มาเลย แล้วทำให้ได้ระดับเขา ให้เป็นงานที่คนไทยดูแล้วแฮปปี้ หรือว่าปีหน้าเราอาจจะแต่งเรื่องของไทยขึ้นมาเลยแล้วใช้เพลงไทยผูกเรื่อง เหล่านี้เป็นโครงการที่จะเกิดขึ้น"