(เรื่องย่อ...)
GHOST GAME ล่า-ท้า-ผี คือ ภาพยนตร์ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับรายการเรียลิตี้ โชว์สุดฮิต ที่นำ 11 คนธรรมดาจากหลากหลายอาชีพ เดินหน้าเข้าไปสัมผัสกับสิ่งลี้ลับที่ไม่จำกัดรูปแบบ
เรื่องราวเกิดขึ้นในซีซันที่ 2 ของ เรียลิตี้ โชว์ โดยทีมงานได้รวบรวม 11 คน ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งลี้ลับ พวกเขาจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันในพิพิธภัณท์สงครามแห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชา ซึ่งคนชุดสุดท้ายที่เคยเข้ามาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ต้องตายอย่างน่าสยดสยอง หลังจากนั้น...ไม่มีใครกล้าเข้าไปที่นั่นอีกเลย
เหล่าผู้แข่งขันทั้ง 11 คน ประกอบไปด้วยหนุ่มสาวซึ่งผ่านการคัดเลือกมาจากผู้สมัครอาชีพต่างๆ สองคนในจำนวนนี้ คือ ดาว แชมป์เก่าจากซีซั่นที่แล้ว และยุทธ์ รองแชมป์ซึ่งเป็นคู่ปรับเก่าของดาว ทั้งสองจะต้องเข้าประลองเกมกับผู้ท้าชิงหน้าใหม่อีก 9 คน คือ เจย์ ช่างภาพ, แอ๊นท์ พริตตี้สาว, ยศ ลูกคนทรง, มิค นักแสดงหนุ่ม, เกด เภสัชกร, เข็มทิศ หนุ่มลูกไฮโซ, ขวัญ นักศึกษาสาว รวมทั้งกุ้งและกั้งสองศรีพี่น้อง
สิ่งเดียวที่น่าจะเป็นเหตุผลหลักของการมาเล่นเกมนี้ก็คือ เงินรางวัล 5 ล้านบาท สำหรับผู้ชนะที่สามารถอยู่ได้เป็นคนสุดท้าย ซึ่งถือว่าเป็นเงินรางวัลสูงสุดอย่างที่รายการไหนๆ ไม่กล้าให้
เงิน 5 ล้านนี้เองที่ดึงพวกเขาทั้ง 11 คน ให้ต้องมาร่วมชะตากรรมในพิพิธภัณท์สงครามแห่งนี้ ซึ่งไม่เพียงจะมีคนตายอย่างลึกลับเท่านั้น ในอดีตเมื่อครั้งสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ที่นี่เคยเป็นคุกของเขมรแดงมาก่อน คุกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทรมานและคร่าชีวิตคนบริสุทธิ์ ด้วยความทรมานในรูปแบบที่ไม่น่าเชื่อมากมายและเกินกว่าที่ใครจะคิดถึง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถ้าสถานที่นี้จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรู้สึกเจ็บแค้น...เกลียดชัง...และความอาฆาตที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิด
วิญญาณและความอาฆาตที่วนเวียนอยู่นี้ กำลังถูกท้าทายด้วยการลบหลู่สารพัดวิธีจากผู้เข้าแข่งขันทั้ง 11 คน ซึ่งการท้าทายนั้นเป็นจุดประสงค์หลักของเรียลลิตี้ โชว์ ครั้งนี้ โดยผู้แข่งขันไม่รู้เลยว่ามันคือสิ่งที่จะดึงพวกเขาให้เผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายอันน่ากลัวอย่างแท้จริง ภารกิจในการท้าทายและลบหลู่ของพวกเขา ทั้ง 11 คน อยู่ท่ามกลางการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างหวาดระแวง และลงเอยด้วยบทสรุปอันสยดสยองอย่างที่ไม่มีใครคาดถึง...
การเล่นกับเรื่องที่มีลักษณะของปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ อาทิ วิญญาณ ตำนาน ความเชื่อ ภูติ ผี ปีศาจ การสร้าง "เรื่องจริง" ที่น่าเชื่อถือขึ้นมารองรับถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ
ปัจจุบันแม้เราจะค้นพบถึงการทำให้น่ากลัวในคาแร็กเตอร์ของ “ผี” "วิญญาณ" (จะด้วยตนเองหรือการได้เห็นหนังผีที่หลากหลายทั้งทางยุโรป หรือแม้กระทั่งในเอเชียบ้านเรา) ทว่าสิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นปัญหาเสมอๆ ของหนังผีไทยตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันก็คือน้ำหนักของ “ความมีเหตุมีผล” ที่รองรับทั้งในส่วนของการ “ปรากฏตัว”หรือแม้กระทั่งการกระทำตลอดจนพฤติกรรมต่างๆ
เช่นเดียวกับ GHOST GAME : ล่า-ท้า-ผี ผลงานการกำกับของ “สราวุธ วิเชียรสาร” ก็หนีไม่พ้นข้อด้อยดังกล่าว
การเปิดเรื่องด้วยเหตุการณ์ความโหดร้ายจากหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ประเทศเขมรกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของทหารเขมรแดงที่รู้จักกันดีในภายหลังที่เรียกกันว่า "ทุ่งสังหาร" (Killing Field) มาเป็นฉากที่ 11 ผู้เข้าแข่งขันต้องเข้าไปประลองความกล้าของตนเองสร้างน้ำหนักแห่งความน่าเชื่อถือตลอดจนความน่ากลัวทำได้ดีชนิดชวนให้เสียวสันหลัง
ทว่าหลังจากนั้นการดำเนินเรื่องของกลับเต็มไปด้วยความหละหลวม และอ่อนยวบยาบ
ตัวละครอย่างดาว กับยุทธ์ แม้ทั้งสองจะถูกออกแบบมาตั้งแต่ต้นเรื่องให้ดูมีความลีกลับน่าค้นหากลับมีประโยชน์เพียงเพื่อจะสร้างความขัดแย้งในหมู่เพื่อนฝูงโดยไม่ได้ใช้ความลึบลับและน่าจะมีอะไรในตัวสร้างเรื่องไปมากกว่านั้น เช่นเดียวกับอีกหลายๆ ตัวละครรวมถึงผีสำคัญๆ “บางตัว” อาทิ "ไพลิน" หรือจะเป็น "คุณเซียม" ที่น่าจะมีส่วนร่วมและบทบาทสำคัญต่อหนัง ทว่าผลโดยรวมที่ออกมาก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากบรรดาผีตัว(ประกอบ)อื่นๆ
การพยายามทำให้เนื้อเรื่องดูดีมี “อะไร” แฝงอยู่ รวมไปถึงการเล่นเอาเถิดกับอารมณ์ ความอึดอัด ความกลัว ความ(คิด)ขัดแย้ง สับสนของตัวละครแต่ละตัวแม้บรรยากาศ(ที่เกิดจากภาพและเสียงประกอบ)จะช่วยได้บ้าง แต่ขาดเหตุผลในการรองรับเพื่อชักนำให้คนดูเข้าไปสู่ภาวะดังกล่าว เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัวหรือแม้กระทั่งคนกับผีที่หนังทำเสมือนว่าน่าจะมีอะไร แต่ท้ายที่จริงกลับไม่มีอะไร
ทั้งที่ในความเป็นจริงการเล่าเรื่องที่จับเอาประเด็นการเป็นรายการเรียลิตี้โชว์เช่นนี้ หนังสามารถที่จะหลอกล่อรวมถึงสร้างปมในการเล่นกับอารมณ์คนดูได้ด้วยการทำความจริงให้กลายเป็นเท็จ และสามารถทำความเท็จให้กลายเป็นจริงบนเงื่อนไขต่างๆ ได้อย่างสบายๆ ทว่า GHOST GAME กลับเลือกที่จะใช้เหตุผลรองรับในการเกิดเหตุการณ์ที่โหดร้ายด้วยการโยนให้เป็นหน้าที่ของ "วิญญาณ" ซึ่งมีคำอธิบายเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือความโหดร้าย(ส่วนบุคคล) ส่งผลให้การปรากฏกายของวิญญาณในแต่ละครั้ง หรือแม้กระทั่งการตายที่เกิดขึ้นของแต่ละคนดูไร้ค่าอย่างน่าเสียดายแม้จะมีความพยายามให้ดูโหดร้าย สยองขวัญ และหวาดเสียวแล้วก็ตาม
การแทงกั๊กแบบครึ่งๆ กลางๆ เป็นผลให้หนังเรื่องนี้เดินไปไม่ถึงทั้งในส่วนของการเป็นหนังผีที่ชวนให้อึ้งในการเล่าเรื่อง, การเป็นภาพยนตร์(สยด)สยองขวัญ (ด้วยคาแร็กเตอร์และลักษณะท่าทางของผีแบบเดิมๆ ที่มีให้เห็นจนชินตา), การเป็นภาพยนตร์ที่น่ากลัวด้วยบรรยากาศ หรือแม้แต่การเป็นหนังที่เล่นกับอารมณ์อึดอัด ความเครียด
แม้จะสามารถเลี้ยงอารมณ์ให้รู้สึกตื่นเต้นและมีอาการลุ้นได้เกือบตลอดเวลา ทว่าหลังจากจุดไคลแม็กซ์ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังเที่ยงคืนจนกระทั่งจบหนังกลับตกม้าตายเอาเสียดื้อๆ
โดยรวมจะว่าไปแล้ว GHOST GAME ไม่ใช่หนังผีที่ขี้เหร่อะไรมากมายอะไร ตรงกันข้ามออกจะต้องปรบมือให้เสียด้วยซ้ำ ทว่าเพราะการโหมโปรโมต รวมไปถึงการยิงสปอร์ตโฆษณาที่ “เกินพอดี” ประเภทหนังเรื่องนี้น่ากลัวสุดๆ...ต้องดูให้ได้...เหล่านี้นี่เองฯ ทำให้หนังเรื่องนี้มีบทสรุปคล้ายๆ กับคำพูดบางประโยคของตัวละครตัวหนึ่งในหนังที่บอกออกมาหลังเจอกับเหตุการณ์ที่ชวนให้สับสนประมาณว่า...
สิ่งที่เราเห็นหรือได้ยิน มันอาจจะไม่ใช่ความจริงอย่างที่เราคิดก็ได้…