ถ้าพูดถึงเรื่องการเมือง ดาราน้อยคนนักที่จะกล้าเปิดหน้าเปิดตัววิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะกลัวผลกระทบทางด้านการงาน เรื่องปากเรื่องท้องจึงดูเหมือนจะเป็นสิ่งสำคัญกว่าประเทศชาติ จนทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะปิดหู ปิดตา ปิดปาก ไม่กล้าที่จะเผชิญความจริง
ตรงกันข้ามกับดาราอีกหลายๆ คนที่กล้าจะแสดงความคิดเห็นและแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น ตั้ว ศรัณยู, ฮิวโก้ จุลจักร, ดี๋ ดอกมะดัน ฯลฯ ที่ยังคงเป็นขาประจำเกาะติดเวทีพันธมิตร และบางครั้งก็สลับกันขึ้นไฮปาร์กแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย
ล่าสุดสองสามีภรรยา “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ – แดง ธัญญา วชิระบรรจง” ก็ได้ขึ้นเวทีพันธมิตรจนเป็นที่ฮือฮา และตามมาด้วยการให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาถึงความคิดเห็นที่มีต่อรักษาการนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
"แดง ธัญญา”
“จริงๆ เราไม่ได้อยากออกไปขึ้นเวที เราก็แค่ประชาชนคนหนึ่งที่เก็บข้อมูลมาหลายเดือน ตอนนั้นไปกองถ่ายไปเจอพี่ตั้ว ศรัณยู, หน่อย บุษกร ทุกคนมีความรู้สึกตรงนี้ ซึ่งพี่ตั้วก็เป็นคนที่มีข้อมูลเยอะมาก และเป็นข้อมูลที่มีเหตุมีผล เราไม่ใช่พันธมิตร เรามองเป็นกลาง เราคือประชาชนคนหนึ่งที่อยู่บนแผ่นดินนี้ที่เสียภาษีตามกฎหมาย แล้วทำไมนายกไม่เสียภาษี ทำไมนายกไม่ออกมาตอบคำถาม ทำไมนายกไม่เผชิญหน้า ทำไมไม่ตอบพันธมิตร ทำไมต้องอยากปิดประตูคุย”
“เราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ว่าเราเป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีลูกมีหลาน เราเป็นห่วงอนาคตประเทศชาติ ถ้าประเทศชาติเป็นแบบนี้ อนาคตจะเป็นยังไง ทุกสิ่งทุกอย่างมันกระทบเกี่ยวข้องกับเรา เราต้องยุ่งเรื่องการเมือง พ่อแม่เราสอนให้รักแผ่นดิน รักพระมหากษัตริย์ มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
“อยากให้นายกออกมาเคลียร์ทุกอย่าง การเป็นผู้นำมันต้องกล้าเผชิญ แมนๆ หน่อยสิ มันไม่มีใครถูกไม่มีใครผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่านต้องเคลียร์ตัวเองเพื่อที่ทุกคนจะได้รู้ว่าประเทศชาติจะไปทางไหน ต้องบอกประชาชนให้รู้ว่า ตัวเองเป็นอย่างไร ประชาชนหลายคนอยากฟัง มันกดดันเครียด วันที่ออกไปก็ไม่ได้อยากไปขึ้นเวที แต่พอพี่ตั้วขึ้นพี่อ๊อฟก็เลยขึ้น ที่ขึ้นไม่ใช่เพราะคุณสนธิ วันนั้นแกนนำไม่อยู่ซักคน มีแต่น้องๆ อยู่”
“ไม่ใช่ว่าเราทนไม่ไหว แต่เราเก็บข้อมูลจากหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์มานาน แต่ไม่เคยได้ไปฟังพันธมิตรสักที วันนั้นไปฟังคุณหมอพูดเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค อาจารย์เสรีก็ขึ้นพูด เราเป็นปัญญาชนเรารับรู้ข้อมูล เรามีสมองเรารู้ว่ามันจะมีผลกระทบกับพวกเราอย่างไรบ้าง”
เรียกร้องให้เว้นวรรคการเมือง...
“เขาควรที่จะเว้นวรรค อยากรู้ว่าทำไมเว้นวรรคไม่ได้ ทำไมใช้มาตรา 7 ไม่ได้ มันแฟร์กับทุกฝ่ายกับคู่แข่งขัน การที่เป็นนักมวยขึ้นไปชกโดยไม่มีคู่แข่งแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร อะไรเป็นอะไรประชนชนรู้อยู่แก่ใจ การที่พรรคเล็กๆ ออกมาทำไม ดึงรากหญ้าออกมาอยู่ข้างเขาทำไม ทำไมไม่ฟังเสียงประชาชน พวกคุณทำอะไรกันอยู่”
“เราพูดในฐานะคนที่เป็นแม่ที่เป็นห่วงอนาคตลูก ถ้าการเมืองเป็นแบบนี้ ลูกจะอยู่ยังไง ประเทศชาติจะเป็นแบบไหน เวลานี้ฝรั่งเข้ามาครอบครองทุกอย่างเยอะแยะไปหมด ความเจริญของบ้านเมืองไม่ได้วัดที่ตึกรามบ้านช่อง ประเทศเวียดนามก็ไม่เห็นต้องมีเซเว่น ไม่ต้องมีคอมพิวเตอร์ แต่เขาก็อยู่ได้ด้วยดี เกาหลีก็โตอย่างแข็งแรง แต่เรามันง่อนแง่น เรามันโตเร็วเกินไป”
กรณีศาลปกครองตัดสินยกเลิกการกระจายหุ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ดูเหมือนว่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้าย และรัฐบาลต้องรับผิดชอบ
“มันเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องออกมารับผิดชอบ แต่ไม่มีใครพูดถึง เทมาเส็ก ซีทีเอ็กซ์ ก็เงียบหายไปหมด มันไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย เราพูดในฐานะประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่นักแสดง ไม่ใช่พันธมิตร ไม่ใช่รัฐบาล แต่มันเป็นสิ่งที่เราได้รับผลกระทบ”
“การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 นี้ไม่มีประโยชน์ เค้าต้องเว้นวรรค ไม่งั้นมันจะเหมือนเดิม เลือกไปก็เสียเงิน 2 พันล้าน แต่ยังไงก็จะไปใช้สิทธิ์แน่นอน แต่ว่าจะกาตรงช่องไหนแค่นั้นเอง”
ด้าน “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง” ที่ขึ้นไปไฮปาร์กเวทีพันธมิตรเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมาจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว ก็ได้เปิดใจว่า....
“มูลเหตุทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเกิดจาการที่ผมอยากรู้ว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมอยากรู้ว่าเค้าชุมนุมกันทำไม เมื่อตอนพฤษภาทมิฬผมก็ไปเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข่าวมันไม่มี ถูกปิดหูปิดตาหมด ผมก็เป็นแค่คนหนึ่งที่อยากรู้เรื่องราว”
“การขึ้นไปพูดไม่ใช่ว่าผมเกลียดรัฐบาล หลายเรื่องเค้าก็ทำดี ไม่ดีก็หลายเรื่อง มีสิ่งหนึ่งที่ผมชอบรัฐบาลแต่ยังนึกไม่ออก ช่วยรากหญ้ามันก็ดี แต่ผลจาการช่วยแล้วเกิดอะไรขึ้นก็คิดเอาสิ ผมเคยเชียร์ไทยรักไทย พี่ชายผมก็เคยอยู่ แต่ตอนนี้ถูกถีบหัวส่งออกมาแล้ว ที่ไปพูดก็เพราะว่า วันนั้นผมออกไปเลือกตั้งล่วงหน้าเพราะจะต้องไปเมืองนอก เจ้าหน้าที่ก็มีการถ่ายรูปผมเก็บเอาไว้ ซึ่งผมก็อาจจะกลายเป็นเครื่องมือรัฐบาลรณรงค์ให้ทุกคนไปใช้สิทธิ์”
“ผมก็แค่อยากขึ้นไปบอกว่า ผมมาเพื่ออะไร มาเพื่อบอกให้รู้ว่าผมกาช่องไหน ผมยินดีเป็นประชาสัมพันธ์ให้ แต่ผมไม่ใช่คนของรัฐบาล การไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่คนที่เห็นภาพผมอาจจะคิดว่าผมเลือกไทยรักไทย ผมไปเพื่อบอกให้รู้ว่าผมกาช่องไหน ซึ่งผมจะเลือกเค้าหรือเปล่า ผมไม่รู้ ผมบอกไม่ได้”
“อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมไปในวันนั้นก็คือ ที่นั่นมีคำถามเยอะ ทุกคนอยากถามนายก แต่ผมดูทีวีอ่านหนังสือพิมพ์แทบจะทุกวันก็ไม่เห็นมีคำตอบ ไม่เห็นนายกจะตอบคำถาม จนกระทั่งวันที่ศาลปกครองบอกรัฐบาลผิด ผมเป็นคนบ้านนอกจบจากบ้านนอก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแปรรูปแล้วจะเป็นยังไงผมไม่รู้ พอวันหนึ่งศาลตัดสินบอกว่าแปรแล้วผิด พอมันเป็นแบบนี้เราก็อยากฟังความจริง ท่านก็ปิดข่าว นี่คือสาเหตุที่ทำให้ไปขึ้นเวที”
“ผมไม่ได้คำตอบจากท่าน ผมอยากรู้ แต่วันหนึ่งผมได้รับคำตอบจากศาลปกครองว่ารัฐบาลผิด ผมไม่เชื่อศาลได้หรือเปล่า นี่แสดงว่าสิ่งที่ม็อบพูดมันเป็นความจริงสิ แล้วมันยังมีอีกหลายเรื่องที่ม็อบพูด ผมก็อยากรู้ว่ามันเป็นความจริงหรือเปล่า ผมก็เลยอยากไปฟังม็อบ”
“ผมไม่ชอบที่ท่านไปข้างหน้าเร็วเกินไป ท่านมองถึงอนาคตเร็วไป ท่านคิดไปไกลว่าอีกหน่อยกฟผ.ต้องแปรรูปแล้วจะโต แล้วก็พูดภาษาอังกฤษอะไรก็ไม่รู้ซึ่งชาวบ้านเค้าไม่รู้ อนาคตมันอาจเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ประเทศชาติเรามันไม่พร้อม แต่กูก็จะเอาตอนนี้ ความเจริญมันมาเร็วเกินไป ปล่อยให้มันค่อยเป็นค่อยไปเถอะท่าน ชาวบ้านเคยใช้ควายไถนา ก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นอีแต๋นเถอะ จะให้ใช้แทร็กเตอร์เลยเหรอ”
การไปขึ้นเวทีพันธมิตรของอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ทำให้หลายๆ คนเป็นห่วงว่างานนี้อาจถูกเด้งจากช่อง 3 เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ว่า บอสประวิทย์ มาลีนนท์ กับ ประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬา เค้าเป็นอะไรกัน
“บ้านเมืองเรามีการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ถ้าบ้านเมืองนี้มีประชาธิไตยผมก็คงไม่ตกงาน แต่ถ้าเกิดว่าวันรุ่งขึ้นตกงานนั่นก็แปลว่านายกโกหก บ้านเมืองนี้ไม่มีประชาธิปไตย ผู้ใหญ่ควรจะให้โอกาสพวกเราได้แสดงความคิดเห็น”
“ผมไม่ได้ด่า ไม่ได้ว่าใครนะ ผมก็แค่ไปพูดว่าทำไมผมถึงขึ้นเวที ดารานักแสดงหลายคนอยากจะแสดงความคิดเห็น แต่เค้าก็ไม่กล้า เค้ากลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับงาน”
ส่วนเรื่องที่รักษาการนายกฯ ประกาศจะเช็กบิลฟ้องแหลกคนที่ขึ้นเวทีวิพากษ์วิจารณ์ให้เสียหายนั้น งานนี้ “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์” ไม่มีกลัว
“ผมไม่ได้ไปด่าอะไรท่าน ถ้าเห็นว่าผมผิดก็ไปฟ้องร้องตามกฎหมายได้เลย อันนั้นมันไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาก็คือคนที่จะเข้ามามีอิทธิพลในบ้านเมือง พอศาลตัดสินแล้วทุกอย่างมันชัด มันทำให้ผมรู้สึกว่าม็อบพูดถูก แล้วข้อมูลข่าวอื่นๆ ที่ม็อบพูดๆ กันอีกเยอะ ถ้ามันเป็นจริงล่ะ ผมอยากให้ประเทศชาติสงบ ไม่อยากให้ชิบหาย ไม่อยากให้ล้มละลาย”
“คนก็พูดกันว่าธุรกิจจะสะดุดถ้าท่านเว้นวรรคการเมือง จะเกิดสุญญากาศ ต่างชาติไม่ยอมรับถ้ารัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรถ้าเราใช้มาตรา 7 แต่เราก็ใช้ไม่ได้ถ้านายกไม่ลาออก การแต่งตั้งพระราชทานนายกก็จะไม่มี แล้วทางออกมันอยู่ที่ไหน มีแต่ทางตันทั้งนั้น”
“เค้าว่ากันว่า ศัตรูที่ร้ายกาจของประชาธิปไตยก็คือ การปกครองแบบประชาคมนิยม ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ใช้หรือเปล่า ผมไม่รู้นะ การปกครองแบบประชาคมนิยมนั้นก็คือการใช้เงินซื้อได้ ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือใช้เงินภาษีใช้เงินประเทศซื้อ ซึ่งมันมีมากมายและผมก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำ”
“1 ล้านบาท 1 หมู่บ้านให้กู้ยืมเงิน ทำให้คนเป็นหนี้กันซ้ำซ้อน สุดท้ายพอหนี้สุมมากขึ้นเรื่อยๆ คนก็จะจับกลุ่มกันไปขอให้ล้างหนี้ให้อีก มันวนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด นโยบายข้อหนึ่งที่งงมากๆ เพราะเค้าห้ามสส.สัญญาว่าจะให้โน่นให้นี่ชาวบ้าน แต่ไทยรักไทยสัญญาว่าจะให้กองทุน 1 ล้านบาทถ้าเลือกผม สุดท้ายแล้วเอาเงินใคร ก็เอาเงินภาษี เงินของพวกเราทั้งนั้นเลย งี้ถ้ามีพรรคอื่นสัญญาให้ 10 ล้านบาทมันไม่ยุ่งเหรอ”
“แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะไปสนามหลวง มันแค่เป็นส่วนผลักดัน ผมอยากให้ท่านนายกดูแลเด็กให้มากกว่านี้ ตอนนี้ปัญหาอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือ โทรศัพท์ที่มันโหลดรูปโป๊ได้อย่างเสรี เดี๋ยวนี้มีอัดหนังโป๊เป็นเรื่องๆ ได้เลย แต่ทำไมไม่มีใครพูดถึง เพราะมันเป็นโปรดักส์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ...”
บทสรุปและทางออกที่ดีที่สุดในสายตาของอ๊อฟก็คือ รักษาการนายกฯ ต้องออกมาพูดความจริง...
“การที่จะให้ลาออก ไล่ออก หรือนายกพระราชทาน อันนั้นเป็นอีกเคสหนึ่ง ในเคสของผมก็คือ วันนี้ม็อบมีคำถาม นายกไม่เคยตอบ ทางออกก็คือท่านนายกต้องตอบคำถามสิครับ ตอบถามแค่นั้นเอง ผมไม่เห็นแกตอบซักเรื่อง ศาลตัดสินว่ากระจายหุ้นกฟผ.ผิด ท่านก็บอก เดี๋ยวทำให้ถูกก็ได้ เอ้า...พูดอย่างนี้เหรอ !!? “
“คำถามที่กลุ่มพันธมิตรและประชาชนอยากรู้ก็ตอบเขาไปสิ ถ้าท่านนายกตอบทุกอย่างก็จบ ถามว่าวันนี้ผมเกลียดท่านไหน ผมโกรธท่านไหม ผมไม่ได้โกรธ ผมไม่ได้เกลียด ผมแค่อยากได้คำตอบ ก่อนหน้านี้ผมไม่สนใจด้วยซ้ำ แต่พอศาลตัดสินเรื่องกฟผ.ผิด ผมเลยคิดว่า แล้วเรื่องอื่นๆ ที่ม็อบพูดล่ะ มันจริงหรือเปล่า ผมอยากได้คำตอบ ผมก็ไปหาคำตอบที่ม็อบ เพราะผมไม่ได้คำตอบจากท่าน วันนี้จะลาออก ไล่ออก มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สิ่งที่เราต้องการคือ นายกต้องตอบคำถาม”