เงียบไปพักใหญ่ ล่าสุดช่วงบ่ายที่ผ่านมา (24 มี.ค) "ฝ้าย ฟารีดา" อดีตนางแบบนู้ดที่อ้างว่าตั้งครรภ์จนมีลูกชายกับ "แด๊ก บิ๊กแอส" ได้เดินทางมาใหัปากคำกับนักจิตวิทยาเป็นครั้งแรก พร้อมยืนยันที่ยังไม่ได้ไปตรวจดีเอ็นเอไม่ได้ยื้อและทางแกรมมีก็ไม่ได้ยัดเงินอย่างที่ลือกัน ลั่นไม่ได้ต้องการเงินจากใครเพราะตอนนี้ทำงานเลี้ยงลูกเองได้ ตัดพ้อฝ่ายชายแถลงข่าวยังไม่มองหน้าลูกสักนิด
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ผ่านมา "ฝ้าย ฟารีดา" หรือ มนัสนันท์ ไชยมงคล อดีตนางแบบนู้ดที่ออกมาฟ้องนักร้องนำวง "บิ๊กแอส" หลังไม่ยอมรับเป็นพ่อเด็ก ได้เดินทางมาที่ศาลรัชดาพร้อมกับมารดา เพื่อเข้าสอบปากคำกับนักจิตวิทยา ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้รับเงินจากแกรมมีเพื่อให้คดีจบ พร้อมย้ำหลังเสร็จคดีจะเดินทางไปตรวจดีเอ็นเออย่างแน่นอน
"วันนี้มาสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมค่ะ เรื่องที่แกรมมี่ยัดเงินเพื่อจะให้จบคดี ไม่จริงค่ะ ทางแกรมมี่ไม่ได้ติดต่อมาเพื่อจะยัดเงินอะไรด้วย ทางฝ้ายไม่ได้มีการติดต่อไปหาทางพี่แด๊กและไม่ได้มีการพูดคุยกันเลย แล้วทางมูลนิธิปวีณาก็ยังช่วยเหลืออยู่ค่ะ ไม่ได้ทอดทิ้ง"
"เรื่องดีเอ็นเอไปตรวจแน่ หนูไม่ได้พูดเลยว่ากลัวจัสตินเจ็บ แต่รอคดีให้เสร็จก่อนก็คิดว่าสิ้นเดือนนี้คงเสร็จแล้ว หนูไม่ได้บ่ายเบี่ยงนะ แต่อยากให้เข้าใจว่า เรานัดเค้าไปตรวจแล้วแต่พอดีว่าเค้าเบี้ยวเราไงคะ แล้วเราก็ไม่ได้อยากจะไม่ไปตรวจหรอก พี่ต้องเข้าใจความรู้สึกหนู สัญชาตญาณคนเป็นพ่อเค้าน่าจะรู้ ลูกเค้าก็ฟ้องด้วยภาพว่าหน้าเหมือนเค้าขนาดนี้ แล้วคิดดู ตอนที่แถลงข่าวเค้ายังไม่จับลูกเค้าเลย มองก็ยังไม่มองลูกเค้าเลย แล้วอย่างนี้จะให้หนูคิดยังไงล่ะคะ"
ยอมรับเริ่มเหนื่อยและท้อแต่จะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด เผย ไม่ต้องการขอความช่วยเหลือเพราะมีงานทำเลี้ยงลูกแล้ว
"ตอนนี้สภาพจิตใจของหนูก็เหนื่อยนะ แต่หนูก็จะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดเท่าที่หนูจะทำได้ ตอนนี้ก็เริ่มท้อนิดหน่อยแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากเค้า แต่ขอบคุณที่เค้าก็ยังพูดแบบนั้น อุตส่าห์บอกว่าแม้ไม่ใช่ลูกก็จะส่งเสีย แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว หนูเลี้ยงลูกหนูได้ ตอนนี้หนูทำพริตตี้เชียร์สินค้าอยู่ในห้าง ก็โอเคเลี้ยงจัสตินได้พอสมควร ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเค้าแล้ว"
ด้านนายสุชีพ ท้าวเชื้อลาว ทนายความและลุงของฝ้ายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือคดีนี้ เผยว่าคดีเพิ่งเริ่มสอบยังไม่ถึงขั้นชั้นศาล แง้มหากมีการไกล่เกลี่ยก็ยินดีจะเจรจาแต่ทางฝ่ายชายก็ไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด
"ที่ผ่านมาเป็นกระบวนการขั้นสอบสวน เรื่องยังไม่ถึงศาลอัยการ เป็นแค่การสอบสวนตามกฎหมาย ส่วนคดีจะดำเนินไปอย่างไรก็จะดำเนินไปอีกอย่างหนึ่ง ส่วนค่าเสียหายทางแพ่งยังไม่ทราบว่าจะเอายังไง เรื่องการช่วยเหลือของทางมูลนิธิฯ ก็ปล่อยให้เป็นดุลยพินิจว่าจะช่วยเหลือยังไง"
"ทางแด๊กช่วงแรกก็มีการติดต่อ ซึ่งถ้าทางเค้าติดต่อมาทางนี้ก็ยินดีจะคุย จะมาในรูปแบบไหน ยอมไม่ยอมยังไม่รู้ แต่การคุยไกล่เกลี่ยเป็นเรื่องที่ดีนะส่วนจะออกมายังไงยังตอบไม่ได้ ช่วงแรกๆ เค้าเสนอคุยแต่ตอนนี้เงียบไป ก็ขึ้นอยู่กับสำนวนตำรวจว่าจะเอาไงต่อไป"