ในขณะที่แกนนำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อาทิ สนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง รวมถึงประชาชนหลายต่อหลายคนที่ออกมาแฉถึงพฤติกรรมและแสดงเจตนารมณ์ไม่ต้องการผู้นำประเทศได้ถูกรักษาการนายกฯ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ออกมาใช้ตรรกะที่ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลว่า กู้เงินแบงค์ยังไม่ได้, ไปเลี้ยงหมาให้รอดเสียก่อน หรือกระทั่งเป็นพวกเร่ร่อน แล้วยังจะมีปัญญามากู้ชาติได้อย่างไรนั้น
หนึ่งในบรรดาประชาชนเรือนแสนที่เข้าร่วมชุมนุมร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ และถูกขุดคุ้ยถึงความไม่เหมาะสมของอดีตขึ้นมาเล่นงานเช่นกันก็คือตลกรุ่นใหญ่ "ดี๋ ดอกมะดัน" ทั้งภาพลักษณ์ที่ถูกมองว่าเป็นตลกมาเฟีย รวมทั้งที่ร้ายแรงที่สุดก็คือเรื่องคดีความที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเสพติด
แต่ไม่ว่าใครจะมองหรือใครจะว่าอย่างไร สำหรับเจ้าตัวเองแล้ว "ดี๋" ยืนยันว่าเรื่องจริงอย่างไรก็คือเรื่องจริงวันยังค่ำ
"เค้าตรวจว่าไม่มีอะไรในตัวเรามันก็จบ ผมไม่ได้เสพนี่จะให้ผมรับได้ไง..." เจ้าตัวบอกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย "ประชา มาลีนนท์" (รมช.มหาดไทยในขณะนั้น)ควบคุมตัวเมื่อตรวจพบว่ามีฉี่สีม่วง ก่อนจะบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังถึงความไม่ปกติต่อเหตุการณ์ดังกล่าวโดยมีชื่อนักร้อง - นักการเมืองของพรรค "ไทยรักไทย" อย่าง "อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง" เข้ามาร่วมด้วย
"จะเอาฉี่ม่วงเป็นบรรทัดฐานไม่ได้หรอก ยาปฏิชีวนะก็ม่วง เครื่องดื่มชูกำลังก็ม่วง ไอ้การที่เราเป็นบุคคลสาธารณะเนี่ยเราเข้าไปในสถานบันเทิงมันมีพลาดได้ เราจะรู้ได้ไงแก้วไหนมีอะไรเค้าส่งให้ดื่มตามมารยาทเราก็หยิบดื่มไป คือเจอยาเสพติดในตัวเราซักเม็ดหรือเจอเสพอยู่จะไม่ว่าเลย แล้วเราก็ไม่เคยมีประวัติด้วย"
"แล้วที่ผมไปอยู่ตรงนั้นได้ก็เพราะอริสมันต์เขาเป็นคนเอาเราไปใส่ไว้ในห้องวีไอพี เค้าก็บอกว่าพี่เข้าไปข้างในก่อน เดี๋ยวนาย(ประชา มาลีนนท์)ทำงานไม่สะดวก เสร็จงานค่อยออกมา เรายังขอบุหรี่เค้าเลย แล้วเค้าก็เอาตำรวจเฝ้าไว้ 2 คน แป๊บนึง มท.2 ก็เข้ามาเลยพร้อม 4 - 5 คน นี่คือเล่าสู่กันฟัง"
"เราก็ให้เหตุผลเค้านะ บอกนายผมจะเสพทำบ้าอะไรยาอี ผมเป็นโรคหอบหืดอยู่ ผมจะเสพไปทำไม แค่ไวอะกร้าที่ผู้ชายเค้ากินกันผมยังกินไม่ได้เลย เพราะมันกินอะไรไม่ได้ ยา 2 - 3 ตัวที่เรากินอยู่มันทำให้ฉี่ม่วงหมด ยาแก้โรคหัวใจก็มี"
ก่อนหน้านี้ถูกกระแสต่อต้าน กลั่นแกล้ง และโดนแบน พอมาเปิดตัวบนเวทีกู้ชาติร่วมกับกลุ่มพันธมิตรเจ้าตัวบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีผลกระทบตามมาเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์กับช่อง 3 ของตระกูล "มาลีนนท์"
"จริงๆ มันไม่ใช่แค่บางคนหรอก มันก็ไปกันแทบหมดแล้ว เพราะว่าตลกมันก็ไม่ค่อยมีงาน เพราะว่าสถานบันเทิงมันก็จะเจ๊งอยู่แล้ว อย่างคาเฟ่เราคัดค้านมานานแล้วว่าคาเฟ่มันเป็นที่ที่กินข้าวกัน ในโต๊ะมีต้มยำมีกับข้าว เค้าก็หาว่าเป็นที่ซ่องสุมยาเสพติด ใครมันจะมาเสพยาบ้ากับแป๊ะซะ ต้มยำ เราเล่นตลกมา 30 ปีก็มีครอบครัวมาดูตลก นี่เค้าก็มาห้ามอายุไม่ถึงเข้าคาเฟ่ มันก็เจ๊งน่ะซิ เค้าไปดูตลก นักร้องกินข้าวไปด้วยมันก็จบ"
"พี่โดนแบนมา 2- 3 ปีแล้วไง ตอนนี้ตลก 80% อยู่ที่ก่อนบ่ายคลายเครียด อยู่ช่อง 3 เป็ด เชิญยิ้มเค้าก็อยู่ช่อง 3 มันก็รวบรวมตัวกันแบบนั้น เราไม่ว่าหรอกเพราะนั่นก็อาชีพการงานของเป็ดมัน ใช่มั้ย ถ้ามันจะมาตรงนี้มันก็ไม่มีรายได้ ตลกเล็กๆ มันก็ยังจะไป ก็รัฐบาลชุดนี้แหละที่ทำให้มันลำบาก มันก็จะไป"
"ผมเป็นนายกอยู่ 2 สมัยผมเป็นคนปั้นเป็ดขึ้นมา เป็ดเด็กผม ใครมาฝักใฝ่ทางนี้ก็โดนล็อกแน่ๆ รายการไม่ได้ฉายแล้วใครกล้าล่ะ กลุ่มหนึ่งก็คงไปเพราะความอยู่รอดของธุรกิจที่ต้องไปช่วยเค้า อีกกลุ่มหนึ่งเค้าก็จ้างไป"
แม้กระทั่งลูกสาวก็โดนแบนด้วย?
"โดนมันโดนหมดแหละ โดนแบนหมด บีม (พรรวรินทร์)เค้าเข้าใจ เค้าจบธรรมศาสตร์อยู่แล้ว เค้ารู้ ดีที่ลูกมีความรู้สึกนึกคิด เราก็ภูมิใจตรงนี้แหละ เค้าไม่ห้ามเลย เค้าดีใจด้วยที่เราเป็นแบบนี้ ส่วนงานของพี่ พี่ไม่ได้ทำอะไรมีหนังเรื่องนเรศวรเรื่องเดียวเอง หนังท่านมุ้ย (ถ้านายกไปเยี่ยมกองตอนเข้าฉากพอดีทำอย่างไร?) กลัวอะไรล่ะ ไปก็ไป"
ต่อความคิดเห็นเรื่องของการเมืองที่กำลังส่งผลต่อคนและสังคมไทยที่เกิดขึ้น ทั้งการรวมตัวกันของกลุ่มพันธมิตร ระบอบการเมืองที่มีแต่ความวุ่นวาย กลไกการตรวจสอบและองค์กรอิสระต่างๆ ถูกแทรกแซง ความขัดแย้งของประชาชนที่ถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ทั้งหมดดี๋บอกว่าเกิดขึ้นเพราะตัวผู้นำเพียงคนเดียว
"ผมว่าลงได้ 2 อย่าง คือเว้นวรรคกับลาออก คนป.4 เค้ายังเข้าใจเลย เอาง่ายๆ ภาคใต้เนี่ยมีสมัครอยู่พรรคเดียว เปรียบง่ายๆ เหมือนฟุตบอลน่ะ แข่งกันมันก็ต้องมีทีมละ 11 คนใช่มั้ย แต่ถ้าอีกฝ่ายมี 11 อีกฝ่ายมี 3 แล้วมันจะแข่งกันยังไง มันจะเป็นกีฬาได้ไง ถ้าเค้าคิดว่าเค้าจะได้ 20% ก็ช่างเค้า ภาคใต้ไม่มีสิทธิ์หรอก"
ต่อคำถามที่ว่า กับการออกมาแเสดงตนเรียกร้องไม่เอานายกฯ ในครั้งนี้จะเป็นการสร้างชื่อเพื่อปูทางเดินเข้าสู่ถนนการเมืองหรือไม่? เรื่องนี้ดี๋บอกว่าไม่เกี่ยวกันเพราะตนไม่คิดจะเล่นการเมือง ส่วนลูกสาวนั้นไม่แน่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการกระทำครั้งนี้จะเป็นการปูทางหรือหาเสียงไว้ล่วงหน้า เพราะเรื่องของการเมืองต้องเป็นเรื่องของอุดมการณ์และการเสียสละอย่างแท้จริง
"ผมไม่ลง ส่วนลูกก็เค้ายังเด็กเกินไปจบปริญญาโทแล้วก็เถอะ อายุยังน้อย อนาคตก็คิดอยู่ แต่ก็บอกเค้าว่าการเมืองไม่ได้ทำเพื่อโชว์ มันต้องทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่เป็นด็อกเตอร์ชั้นสวยแล้วชั้นต้องเป็นนักการเมือง ไม่ใช่นะ เป็นดาราหนังแล้วต้องเป็นนักการเมืองมันไม่ใช่ ตรงนั้นไม่ใช่จุดขายของอุดมการณ์ เอาแซม ยุรนันทน์มาคุยกับดี๋ ดอกมะดันมั้ย คนละเวที เพิ่งมาเห่อกันช่วงนี้แต่ก่อนไม่เห็นมีใครพูดถึง มาลงสมัครแล้วเดินเก๊กหน้าหล่อเดินตามหลังนายกอย่างเดียวก็ไม่ไหวนะ มันได้อะไรบ้างถ้าเป็นแบบนั้นน่ะ"
ขอระบายความรู้สึกยอมรับตนเองไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่เคยรังแกใครและไม่ยอมให้ใครมารังแก
ส่วนตลกคนอื่นๆ จะมาเข้าร่วมไล่นายกฯ ด้วยหรือไม่นั้น ดี๋บอกว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะมีและก็ไม่ใช่เพียงตลกเท่านั้นหากแต่ประชาชนทั่วไปที่เริ่มรับรู้ข้อมูลต่างๆ ก็น่าจะมารวมตัวแสดงถึงเจตนารมณ์เยอะขึ้นด้วยเช่นกัน
"พี่คนเกเรเฉี่ยวคุกเฉี่ยวตารางมาเยอะ แต่อยู่บนความถูกต้องนะ ไม่เคยรังแกใคร แต่ใครจะทำท่าจะรังแกพี่ก็เอานะ อย่างคนในวงการบันเทิงบางคนก็เคยโดนมาแล้วนั่นแหละ ชอบมาวุ่นวายนี่ก็เริ่มอีกแล้ว ชอบไปพูดกับพวกที่จ้างเราว่าถ้ามีผมเล่นจะไม่โปรโมทหนังให้ นัดจะถ่ายอยู่แล้วโทรมาแล้วพี่ดี๋ผู้ใหญ่ไม่เอา พี่ไม่เคยถามสาเหตุเพราะพี่รู้ เราไม่ซีเรียส"
"ตลกคนอื่นจะมามั้ย มีซิ ในเร็วนี้แหละ ตอนนี้มันก็กลัวอะไรหลายๆ อย่าง กลัวผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ทีนี้พอมีนักวิชาการ หมอ ออกมาช่วยกัน เค้ายังมาเลย เดี๋ยวตลกก็คงมา ถ้าไม่มาจะอยู่เพื่ออะไร"