“ผมไม่ใช่ควายที่รัฐบาลพูดอะไรจะเชื่อหมด คิดจะจูงไปทางไหนก็ได้..."
ประโยคบอกเล่าแกมประชดของหนุ่มเซอร์สุดหล่อ "เล็ก (ฮิวโก้) จุลจักร จักรพงษ์" เรียกเสียงปรบมือจากเหล่าคนที่มาชุมนุม ณ เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ท้องสนามหลวง(ช่วงหัวค่ำของคืนวันที่ 10 มีนาคม)ได้กราวใหญ่ด้วยความสะใจ
เจ้าตัวยืนยันว่า การมาในนามของศิลปินพร้อมด้วยเพื่อนๆ วง "สิบล้อ" ที่เอาเพลง "ความจริงในจอ" และ "เงินๆ ทองๆ" สองเพลงซึ่งแต่งขึ้นมาเป็นพิเศษบอกเล่าถึงสถานการณ์การเมืองที่ร้อนระอุอยู่ในตอนนี้ว่าเป็นความมาด้วยความตั้งใจไม่มีใครบังคับ
“ไม่ใช่จู่ๆ มาครับ อาจารย์ชัยอนันต์เขาบอกว่าถ้าอยากเล่น เล่นดีมั้ย ก็ในเมื่อเราทำเพลงที่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ไม่เล่นมันก็ยังไงอยู่ ผมก็มาตั้งแต่เขาเริ่มชุมนุมตั้งแต่แรก ไม่ได้เป็นฝ่ายไหนฝ่ายไหนจนเป็นพันธมิตรขึ้นมา แล้วรู้สึกว่ามีอาจงอาจารย์เข้ามาเกี่ยวข้อง มันดูน่าเชื่อถือขึ้นสำหรับผม ก็เลยรู้สึกว่าน่าจะไปแสดงพลังในฐานะคนไทยหนึ่งคน”
"วันนี้คือมาร้องเพลง 2 เพลงที่เราแต่งไว้ แต่จริงแล้วก็ไม่ถึงเป็นเพลงการเมืองเป็นเพลงเกี่ยวกับวัฒนธรรมและสังคม มันเป็นเหตุผลของความขัดแย้งตรงนี้ ความขัดแย้งของวัฒนธรรม เมืองไทยมันเหมือนมีการแบ่งชนชั้น กับการแบ่งความรู้การศึกษา มันทั้งหมด มีความไม่เข้าใจเกิดขึ้น"
"แล้วยิ่งสื่อไม่เป็นกลางโดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ซึ่งเป็นสื่อที่ส่วนมากที่คนเขาเสพ และเป็นสื่อที่เขาเชื่อกันด้วย เห็นเราในโทรทัศน์ก็เชื่อว่ามันเป็นความจริงแต่ความจริงมันไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ซึ่งเท่ากับไม่ใช่ความจริง"
ถือว่าเป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่ความสนใจการเมืองอยู่ไม่น้อย?
“ไปเช็กได้เลยครับว่าบทสัมภาษณ์ผมส่วนใหญ่ไม่เคยห่างไกลเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ในเวลา 5 ปีที่ผ่าน แต่ผมไม่คิดที่จะไปอยู่การเมือง ไม่มีทาง สัญญาและสาบานได้เลยไม่มีทาง และอันนี้มันไม่เกี่ยวกับการเมืองนะ แต่มันเกี่ยวกับความถูกต้อง"
ไม่สนใจว่าใครจะเป็นใครหรือใหญ่โตขนาดไหนหาก(ส่อเค้า)ทำผิดก็ต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบและชี้แจง
"ผมไม่สนใจว่าคุณจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือจะเป็นคนเข็นผัก ถ้าคุณทำผิดในสายตาหลายๆ คนคุณควรจะทำให้เขาสบายใจ ยอมรับข้อคิดเห็นที่ไม่เหมือนกัน มีการเปิดสืบสวนเกิดขึ้น ถ้าบริสุทธิ์ให้รู้กันไปเลย แต่นี่ไม่เชื่อไม่ฟังฝ่ายอื่นเลย แล้วมีทั้งสื่ออยู่ในมือ มันหมดยุคแล้วที่จะทำอะไรกันแบบนี้ ต้องยอมรับว่าโลกนี้จะไม่มีคนที่รักคุณ 100 เปอร์เซ็นต์"
"นี่คือความจริงแค่นั้น เราอาจเป็นส่วนน้อยก็ได้ในวันนี้ แต่ก็ไม่น้อยเท่าไหร่นะ คนหลายแสน(ทำเสียงเหน็บ)แหม...มันอะไรที่น่าทำมากกว่าที่จะมานั่งร้อนอยู่ที่สนามหลวงในวันหนึ่งๆ คนเขามาด้วยใจ มันทนไม่ไหวแล้ว มากเกินไป เหมือนไม่ให้เกียรติ ดูถูก เดี๋ยวจูงเราไปทางโน้น เดี๋ยวจูงไปทางนี้แล้วเชื่อหมดทุกอย่าง เกินเชื่อแล้วเชื่อไม่ลงแล้ว ไม่เชื่อมั่นในความเป็นผู้นำแล้ว"
นักร้องหนุ่มเปิดเผยต่อไปว่า ที่ผ่านมาตนเป็นอีกคนที่เฝ้าดูการทำงานของรัฐบาลมาตลอดและมองเห็นถึงกระบวนการทำงานที่ล้มเหลวไร้ซึ่งความซื่อสัตย์และยุติธรรม จึงตัดสินใจประกาศตัวชัดเจนขอเป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลและมีเจตนารมณ์แน่วแน่ที่จะขับไล่นายกรัฐมนตรี ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีหลายฝ่ายมองด้วยความเป็นห่วงว่าอาจมีผลกระทบต่องานของเขา ทว่าเจ้าตัวยืนยันและประกาศชัดเจนว่า นักร้องเพื่อชีวิตอย่าง “ฮิวโก้ จุลจักร” ยังยืนที่จะขับไล่รัฐบาลชุดนี้ต่อไป
“ผมว่ามีใครที่น่ารังแกว่าผมมั้งครับ(เสียงสูง) ถ้าพูดถึงฝ่ายนี้ มันมีคนที่น่าเก็บกว่าผมตั้งกี่ร้อยคนใช่มั้ย ซึ่งผมต้องเข้าใจว่าไม่ได้มีอคติส่วนตัวกับคุณทักษิณ เพราะฉะนั้นผมก็ไม่เชื่อว่าเขาจะเหี้ยมโหดขนาดนั้น ปัญหาจะเกิดขึ้นถ้าสถานการณ์ถึงจุดที่คนเขาทำแทนอันนี้ก็แย่หน่อย”
“คงไม่มียุทธการที่เหี้ยมโหดขนาดนั้น ผมยังมีความรู้สึกลึกๆ ว่ามนุษย์ปกติเขาไม่สั่งรังแกขนาดนี้ ผมไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย เราไม่ได้กล่าวหา เราแค่ต้องการมามีส่วนร่วม ผมแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่มองเห็นว่าสิ่งที่เป็นไม่ถูกต้องไม่ทันคิดว่าจะมีผลกระทบต่อการทำงานของตัวเอง มันอาจจะมีก็ได้"
ทางต้นสังกัดว่ายังไง?
“ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่แกรมมี่แล้ว ผมทำเพลงกับวอร์เนอร์ ทางต้นสังกัดก็ไม่ได้โทรหาผม ผมไม่ได้ทำอะไรที่อันตรายคนจะมาเรียกว่าไม่ดีไม่ได้ ผมเชื่อว่าการที่จะไปแสดงความคิดเห็นไม่ว่าจะไปอยู่ฝ่ายไหนก็ตามผมว่าเป็นสิ่งที่ดี ถ้าใครสนับสนุนนายกฯ แล้วกล้าที่จะออกมาพูดยินดี แล้วก็น่าจะมีเวทีให้พูดด้วย”
“แต่ทางสื่อโทรทัศน์มันลำเอียงทางฝ่ายรัฐบาลมากเกินไป ไม่น่าเชื่อถือ รัฐบาลอาจไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งสิ้นก็ได้ รัฐบาลอาจไม่ทำอะไรผิดก็ได้ แต่เราไม่เชื่อ เพราะว่าเรารู้สึกว่ามันไม่มีการถกเถียงเกิดขึ้น ไม่มีการเจรจาสื่อสารกันทางสื่อสำคัญที่สุดคือสื่อโทรทัศน์ ในฐานะที่คนดึงเวลาเอาโทรทัศน์มาสนใจเราหน่อยคุณจะเล่นอย่างนั้น ผมจะเล่นอย่างนี้ไม่ต้องเห็นด้วยแต่สนใจหน่อย ไม่เห็นด้วยผมไม่ว่าเลยคนเราเป็นสิทธิ์"
เผยก่อนหน้านี้เคยทำเพลงแจกแผ่นฟรี เลยโดนอำนาจรัฐ(มืด)สั่งแบนผลงานมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังยืนยันไม่ทำให้ตนหวั่นไหวแต่อย่างใด
"เราก็คิดนะว่าเราจะขึ้นไปเพื่ออะไร ก็เพื่อที่จะเล่นเพลงสองเพลงให้ฟังหวังว่าคนไม่ได้มาวันนี้จะได้เห็นว่ามันไม่ใช่แค่พวกขาประจำมายื่นด่า มีอย่างอื่นเกิดขึ้นที่นี่ ในฐานะศิลปินเป็นกระจกอยู่แล้วสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม เราทำแค่นั้น แล้วเราทำฟรีด้วย เพลงชื่อเงินๆ ทองๆ เป็นวัฒนธรรมความโลภที่ผมรู้สึกว่าเกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลชุดนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองแต่เกี่ยวกับความโลภ"
"อีกเพลงชื่อความจริงในจอเกี่ยวกับความลำเอียงของสื่อโทรทัศน์ซึ่งมีอยู่ในอัลบั้ม แต่ก่อนหน้านี้เราทำแจกฟรีมาพักหนึ่งแล้ว เชิญก็อปกันตามสบายสำหรับอัลบั้มสิบล้อ ตอนนี้ที่ทำแจกหมดแล้ว แต่หาในเน็ตดาวน์โหลดจากเว็บไซด์ผู้จัดการได้"
“ผมโดนแบนมาแล้วครั้งหนึ่งครับ ผมไม่ได้เดือดร้อน เดี๋ยวขายเพลงอื่นก็ได้ เพลงรักก็ได้ อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับชาตินิยม เกี่ยวกับความถูกต้อง ไม่ว่าเป็นประเทศอะไรก็ตามไม่ได้เกี่ยวกับผม ไม่ได้เข้าข่ายเทมาเส็กหรือสิงคโปร์เลย ผมไม่มีตรงนี้"
"สำหรับผม นายกรัฐมนตรีคนนี้คือคนแรกที่โดนเลือกตั้งด้วยรัฐธรรมนูญฉบับนี้สมควรที่จะเป็นตัวอย่างสำหรับคนต่อไป ถึงจะอยู่กี่สมัยวันหนึ่งจะจบสิ้นแล้ววันหนึ่งก็ต้องมีนายกคนใหม่ มันจะมีประโยชน์อะไรเมื่อคนแรกที่ทำไม่โดนสืบสวน ทำธุรกิจเป็นหมื่นๆ ล้าน มันทำให้การเมืองดูเป็นเรื่องเส้นทางธุรกิจ ไม่ใช่เป็นระบบเพื่อกระจายผลประโยชน์ให้กับประชาชน"
“ไม่ดีเลยครับ ไม่อย่างนั้นไม่มาอยู่บ้านแอร์เย็นๆ ที่บ้าน ถ้าแม่ผมอยู่คงมาทุกวัน มันยากครับที่จะคบคนฟิวส์เดียวกัน เพราะฉะนั้นอาจเป็นผลมาจากเลี้ยงกันก็ได้ แล้วจะพูดได้ว่าอาชีพนักดนตรีมันมีเวลาว่างให้คิดเรื่องพวกนี้ ที่จะมาเราไหวตัวเร็ว”
ต่อคำที่ว่าการออกตัวชัดเจนขนาดนี้ เหมือนเป็นการโปรโมตอัลบั้มใหม่หรือเปล่า เจ้าตัวบอกไม่ใช่แน่นอน
“ถ้าผมวางแผนการเกิดวิกฤต การเมืองเพลงพวกนี้เราแต่งมาตั้งนานแล้ว เราไม่ได้ทำงานเร็วเหมือนกลุ่มศิลปินเพื่อชีวิตไม่ได้หรอก ทำงานใช้เวลาเป็นปี สองเพลงนี้มันแต่งมานานแล้วเพราะว่ารัฐบาลชุดนี้แหละ แล้วอัลบั้มเราจะออกภายในเดือนสองเดือนนี้มันวางแผนมาตั้งแต่ปีที่แล้วเหรอ ใครจะไปรู้ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้ “
ในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่เป็นคนรุ่นใหม่อยากให้คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง?
“ผมไม่รู้ว่าใครกลัวใครไม่กลัว แต่มันต้องช่วยกันครับรัฐบาลชุดนี้ไม่โปร่งใส แล้วเท่าที่ผมสัมผัสได้ทุกครั้งที่มาที่นี่ สื่อทางโทรทัศน์จะทำให้มันดูวุ่นวาย ซึ่งจริงๆ มันสันติมาก คนส่วนมากไม่ใช่วัยรุ่นด้วยเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็มีครอบครัวมากัน มีอาจารย์คนดีๆ ทั้งนั้น มันไม่ใช่ม็อบที่แบบมาก่อกวน เผารถกันไม่มีอะไรเสียหายเกิดขึ้นเลย เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อ ลองมาดูกัน แล้วเราก็ไว้ใจตำรวจดูว่าไม่ใช้ความรุนแรงกับเรา เขาคงเข็ดแล้วกับการยิงคนไทยด้วยกัน ไม่เอาแล้วเชื่อผมเหอะ"
ต่อคำถามที่ว่า อะไรที่จะทำให้เหตุการณ์ต่างๆ คลี่คลาย? ลง "เล็ก" ตอบแบบแทบไม่ต้องคิดว่า...
"ผมคิดว่านายกฯ ควรจะลาออกนะครับ..."
"มาเลือกตั้งกันใหม่หรือให้นักวิชาการมาหาทางออกที่ดีกว่านี้ เว้นวรรคทางการเมืองหรือเปล่า ก็แล้วแต่ แต่ไม่สามารถเป็นนายกได้ถ้าผลสอบสวนเกิดขึ้นมาว่าผิด ส่วนตัวผมไม่เข้าใจว่าทุกวันนี้อยู่ด้วยอะไร(หัวเราะ)ไม่เข้าใจเหมือนกัน...”