xs
xsm
sm
md
lg

ขอ 60 ล้าน "ย้ง" มั่นใจเนื้อหา "เด็กหอ" ขายได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เปิดตัวด้วยรายได้วันแรก 5 ล้านกว่าก็ถือว่าไปได้สวยสำหรับหนังไทยเรื่อง “เด็กหอ” ของค่าย จีทีเอช ผลงานของ 1 ในผู้กำกับฯ หนังเรื่อง "แฟนฉัน" "ย้ง ทรงยศ" ที่ยืนยันไม่รู้สึกกดดันแม้จะมีภาพของผู้กำกับ 150 ล้านติดตัวมาแถมหนึ่งในเพื่อนๆ ผู้กำกับ อย่าง "เอส คมกฤษ" ยังไปทำหนังเรื่อง "เพื่อนสนิท" ชนิดประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามอีกต่างหาก

“ถือว่าผลตอบรับตอนนี้ถือว่าดีมากครับ เกินที่ผมคาดไว้เยอะเลย..." ผู้กำกับที่ออกมาฉายเดี่ยวเผยถึงความรู้สึก

"ทุกครั้งเวลาที่ผมให้สัมภาษณ์ ผมกลัวว่าคนจะคาดหวังว่าหนังผมจะต้องสยองขวัญน่ากลัว แต่มาดูแล้วอาจจะได้ความน่ากลัวอีกแบบหนึ่งซึ่งไม่ใช่สยองแบบซึ่งหน้า ผมคิดว่า เออ..คนดูเค้าคงจะไม่ค่อยชอบหนังแนวนี้เท่าไหร่มั้ง แต่ผมเดาผิดนะ เพราะว่าคนให้ความสนใจเยอะทีเดียว เกินกว่าที่คาดไว้มาก มันคิดไปสารพัดในหัวเลยครับ”

ด้วยรูปแบบของหนังเลยทำให้เจ้าตัวไม่อยากคาดหวังสูง ย้งบอกขอแค่ไม่ขาดทุน ที่ 64 ล้านบาทก็พอแล้ว พร้อมกับบอกหนังเรื่องนี้โปรโมตยาก ไม่เหมือน "เพื่อนสนิท" ของ "เอส คมกฤษ" ที่กวาดรายได้ไปร่วม 80 ล้านบาทเลยทีเดียว

“ไม่รู้ว่าผมโลภมากไปหรือเปล่า หวังไว้ที่ 64 ล้าน ทุนทั้งหมดมันอยู่ 63 ล้านนะครับ ทุนสร้างมัน 30 กว่าๆ ครับ รวมโปรโมทด้วยอะไรด้วยก็ 60 กว่าล้าน ไม่อยากให้ขาดทุน ได้ซักเท่าทุนก็พอ ที่เหลือขายต่างชาติแล้วถือว่าเป็นกำไร หวังไว้แบบนั้นน่ะครับ”

“คือถ้าเทียบหนังของผมกับหนังเอส (ผกก.เพื่อนสนิท) มันยากว่าเยอะเลยเรื่องของการโปรโมท หนังผมมีแต่เด็กๆ ข่าวอะไรก็ไม่ค่อยมี อย่างเพื่อนสนิททั้งนุ่น ทั้งซันนี่เค้ามีข่าวช่วยโปรโมทตลอดเวลา คือไปไหนก็จะมีคำว่าเพื่อนสนิทห้อยไปด้วย พี่ๆ นักข่าว สื่อมวลชนเค้าก็มาสัมภาษณ์ แต่ของผมเนี่ยมีแต่ดาราเด็กๆ คือมันค่อนข้างยากต่อการโปรโมทมากเหมือนกัน”

แม้จะตัวละครจะโปรโมตยาก แต่เจ้าตัวก็มั่นใจว่าด้วยเนื้อหานั่นเองที่จะเป็นจุดขายของหนังเรื่องนี้
“แต่ส่วนหนึ่งผมก็มั่นใจในเนื้อหนังนะว่าผมทำดีที่สุดแล้ว สมัยก่อนทำแฟนฉันผมก็นั่งคิดว่า เอ๊ะ.. จะมีคนดูมั้ยน้อ เพราะมันก็หนังเด็กธรรมดาไม่มีอะไร คนจะอินไหม มันไม่ใช่การเกร็งนะ สื่อมวลชนมักถามว่าเกร็งไหมเพราะเพื่อนสนิทก็รายได้ดี ผมกลับรู้สึกว่าผมคลายกังวลมากกว่า"

"เพราะว่าเอสเค้าได้ผ่านการเกร็งกว่าผมมาแล้ว ซึ่งทฤษฎีเดียวกันที่คิดได้ก็คือ ตอนที่ผมดูหนังเอสนะ เรื่องเพื่อนสนิทคือเห็นจนมันชินน่ะครับ พอดูเสร็จเราสรุปกันว่า เออ..มันก็เป็นหนังธรรมดาๆ ยังบอกเค้าเลยว่า เฮ้ย... เอสหนังเอ็งอาร์ตมากเลย พอมาถึงของตัวเองผมไม่กล้าคาดเดาคนดู มันลุ้นมากกว่าว่าคนจะคิดยังไง”

“ความกดดันมันมีอยู่แล้วสำหรับคนทำหนังทุกคน แต่ว่าคนทำหนังก็ต้องอยากให้หนังได้เงินถูกมั้ย(หนังดีไม่ได้เงินก็มีเยอะ กังวลมั้ย?) ฟังดูแล้วมันก็แย่ๆ ครับ เพราะจริงๆ แล้วเนี่ยวงการหนังเราจะไม่พัฒนาเลยถ้ามันเป็นแบบนั้นทุกเรื่อง ผู้กำกับเองก็ไม่ได้พัฒนาตัวเอง แต่ที่เราทำหนังกันเนี่ยก็พยายามทำหนังที่มันใกล้ตัว เพราะถ้าทำที่มันไกลตัวมาก คนก็ไม่ดูอีก"

"มันก็มีท้อๆ เหมือนกันนะ แว้บๆ เวลาทำงานก็มีเหนื่อย เคยคิดเหมือนกันว่าถ่ายทำกันเช้ายันมืด บางวันสว่างคาตาแล้วถ้ามันไม่ได้เงินจะทำยังไง”

แม้ว่าหนังผีหนังตลกบ้านเราจะถูกมองว่าเป็นหนังตลาด แต่สำหรับ "เด็กหอ" ผกก.ยืนยันว่าไม่ใช่หนังตลาดแน่นอน พร้อมชื่นชมนักแสดงอย่าง “แหม่ม จินตหรา” สุดทุ่มเท แง้มเรื่องหน้าขอกำกับหนังแบบผู้ใหญ่พักเรื่องเด็กๆ บ้าง
“เด็กหอเป็นหนังผีที่ไม่ใช่หนังตลาด จริงอยู่คนมักจะมองว่าหนังผีกับหนังตลาดเป็นแมสของคนไทย แต่สำหรับผมมองอีกอย่างหนึ่งนะ ผีของผมไม่จำเป็นต้องออกมาหลอก ผมจินตนาการผีว่ามันอาจจะไม่มีตัวตน ซึ่งมันก็จะต่างไปจากเรื่องอื่น คงต้องให้คนดูบ้านเราเปิดใจให้กว้าง มันเป็นหนังผีแนวใหม่ที่อาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน”

“ความเชื่ออย่างหนึ่งตอนที่ผมทำหนังเรื่องนี้คือผมก็ทำไปตามที่ผมคิด ทำไปตามความเชื่อของผมก่อน ไม่ได้นึกอะไรมากกว่านั้น เพราะคนทำหนังมันเดารสนิยมคนดูไม่ได้ทุกอย่างหรอกครับ บางคนบอกว่าหนังไทยถ้าเป็นหนังผีกับตลกขายได้ ผมว่าไม่จริง เพราะผมก็เห็นอีกหลายเรื่อง ที่เป็นทั้งหนังผี ทั้งหนังตลก เจ๊งก็เยอะแยะไป มันไม่ง่ายหรอกว่ามันจะได้เงินทุกเรื่องไป”

“ในส่วนของการทำงานพี่แหม่มเป็นที่รักของทุกคนครับ ที่จีทีเอชจะรู้กันดี แรกๆ ผมก็เกร็งๆ นะ แต่พอมาร่วมงานกันจริงๆ จะรู้ว่าพี่แหม่มเป็นคนดีมากๆ ไม่เคยบ่น เป็นที่รักของคนในกองมากๆ จะถ่ายเกินกี่ชั่วโมงก็ไม่เคยบ่น เรารู้เลยว่าทำไมเค้าถึงอยู่ในวงการนี้ได้นานขนาดนี้ เพราะเค้านิสัยดีจริงๆ เป็นมิตรกับทุกคน"

"ผมเคยเป็นผู้กำกับงานโฆษณามาก่อน บางคนเป็นดาราที่เพิ่งจะเริ่มดัง แต่เวลางานเนี่ยต้องเป๊ะ เลิก 5 โมง ถ้างานไม่เสร็จแต่ชั้นจะกลับ เค้าก็กลับเลย เค้าจะไม่นึกว่าทีมงานจะเสร็จมั้ย อะไรมั้ย เดาได้เลยว่าเค้าก็คงดังไม่นาน แต่พี่แหม่มไม่เลย ดีมากๆ ยิ่งพวกเด็กเค้าก็เล่นเต็มที่นะ เพราะผมไม่เคยปล่อยผ่าน ต้องได้จริงๆ เค้าก็ตั้งใจกันมากๆ”

เรื่องหน้าวางไว้หรือยัง?
“เรื่องหน้าคงจะใช้เด็กน้อยลง เน้นผู้ใหญ่เยอะๆ หน่อย ยังไงต้องรอดูกันต่อไป ส่วนหนังตลกเนี่ยผมคงไม่ถนัด แนะนำให้ไปดูหมากเตะของปิ๊ง เพราะเค้าถนัดมากกว่า เพราะถ้าตลกมากๆ ผมเองไม่ใช่คนตลกอะไร ขอเป็นแนวอื่นดีกว่า”


กำลังโหลดความคิดเห็น