ถือว่าได้รับโอกาสที่ดีๆ อยู่ตลอดเวลาสำหรับดาราชายอย่างนาย "เต้ ปิติศักดิ์" ไม่ว่าจะเป็น "ไอ้ฟัก" "ซุ้มมือปืน" และล่าสุดกับบทของ "หนุ่ม" ชายพิการป่วยเป็นอัมพาตในหนังเรื่อง "กระสือวาเลนไทน์" ผลงานลำดับที่ 6 ของ "ต้อม ยุทธเลิศ" ที่กำลังลงโรงฯ อยู่ในขณะนี้
"อย่างแรกเลย ผมอยากเล่นอะไรที่มันที่มันแตกต่างจากที่ผมเคยเล่นมา อีกอย่างหนึ่งคาแร็กเตอร์ของตัวละครตัวนี้มันค่อนข้างจะมีอะไรให้เล่นเยอะด้วย เพราะมันเป็นคนพิการต้องแสดงอารมณ์ดราม่าค่อนข้างเยอะ..." เต้ เผยถึงเหตุผลหนึ่งของการตอบตกลงเข้าร่วมงานในภาพยนตร์เรื่องนี้
"ก็ค่อนข้างยากตรงที่ว่าจะต้องหาคาแร็กเตอร์ตรงที่ว่าเค้าจะต้องเป็นคนพิการ ผมก็เลยต้องค่อนข้างตาไวซะนิดนึง ก็คือแบบว่าไปดูคนที่เค้าพิการจริงๆ แล้วก็ไปหาข้อมูล อาจจะไปหาจากหนังเรื่องอื่นบ้าง ไปทำการบ้านมาบ้าง แต่ว่าหลักๆ เลยก็คือผู้กำกับครับ พี่ต้อมเค้าก็จะบอก บางทีก็เล่นให้ดูด้วยซ้ำ"
ยอมรับออกอาการงงๆ ในอตนแรกๆ กับการที่ต้องเล่นเป็น 2 คาแร็กเตอร์แต่หลังจากผู้กำกับจับจุดให้ทุกอย่างก็ค่อนข้างลงตัวและง่ายขึ้น
"ตอนแรกก็งงๆ เหมือนกันนะ เพราะว่าคาแร็กเตอร์มันจะต่างกัน แต่พี่ต้อมก็จะพยายามที่จะหาอะไรที่มันแบบว่าที่จะจูนกันให้ได้ในคนสองคนนี้ เหมือนกับว่าคนในอดีตกับปัจจุบันเนี่ยมันมีอะไรที่ทำเหมือนกันอยู่อย่างนึง อะไรอย่างเงี้ย เค้าจะจูงมา เพราะฉะนั้นมันเลยไม่ยากจนเกินไปนัก"
"เล่นเป็นคนอัมพาต จริงๆ ก็เล่นไม่ยากนะครับ มันอาจจะไม่ยากสำหรับการตีความอะไรมากมาย แต่ว่าสำหรับร่างกายที่ต้องอยู่นิ่งๆ อย่างงั้น แบบว่าถ้าถ่ายกลางคืนก็นอนนิ่งไปเลยทั้งคืน กระดุกกระดิกไม่ได้ แล้วก็สื่อสารได้แค่ลูกตาอย่างเดียว ที่สำคัญก็คือผมกะพริบตาไม่ได้ด้วยในช่วงแรกๆ คือเป็นอัมพาตทั้งตัว ต้องนอนค้างเปิดตาอย่างเดียว"
"มันจะยากตรงที่ถ่ายตอนกลางคืนแล้วมันจะมีลมไงฮะ ลมจะพัดตลอดเวลา เราก็ต้องเปิดตาสู้ตลอดเวลา ไอ้ฉากที่เราต้องเปิดตาสู้กับลมเนี่ยน้ำตาก็จะไหลๆ ในซีนนั้นตัวหนุ่มเองก็จะรู้อยู่ตลอดเวลาว่าเค้าทำผิด แต่เค้าไม่สามารถสื่อสารอะไรได้ เพราะเค้าเป็นอัมพาตอยู่"
เอ่ยถามถึงเสน่ห์ที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้เต้บอกว่ามีอยู่หลายส่วน โดยเฉพาะตัวของผู้กำกับๆ ที่มักจะมองอะไรซึ่งแตกต่างคนอื่นๆ รวมกับเนื้อเรื่องที่มีเรื่องความสลับซับซ้อนของเรื่องเวรกรรมต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
"ผมว่ามันมีอยู่หลายส่วน ในส่วนหนึ่งมันอยู่ที่การทำงานของพี่ต้อม พี่ต้อมจะเป็นคนที่มองอะไรแล้วแตกต่างจากอารมณ์ของหนังที่เคยดูมาในหนังของคนอื่น คือแกจะมองโลกไปอีกแบบหนึ่งมั้ง เหมือนกับว่าเพียงแค่คนตกใจเนี่ย บางทีอาจจะไม่มีไดอะล็อกเลย หรืออาจจะเป็นแค่คำอุทานนิดหนึ่งแบบว่า ฮึฮึ อะไรซักอย่างของแก แกก็หามาได้มันแปลก"
"แล้วก็ไม่ใช่แปลกแค่ความรู้สึกตอนแกกำกับตัวละคร แต่ภาพหรือการสื่อสารอะไรก็แปลกด้วย แล้วอีกอย่างที่อยากให้ติดตามก็คือเนื้อเรื่องที่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ที่ไม่ใช่รักธรรมดา แต่เป็นรักที่คิดว่ามีคติสอนใจให้กับคนดูด้วย เรียกว่ามันเป็นความรักที่แน่แท้ ไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียง 2 คนนี้ได้เลย แต่ในความรักที่แท้ขนาดนี้ มันกลับมีเรื่องของผลกรรมหรือเวรกรรมอะไรที่เกินความรักสอดแทรกอยู่ด้วย"
"เพราะฉะนั้นคนดูจะได้อรรถรสของเรื่องภาพแล้ว เรื่องราวแล้ว แล้วก็ยังจะได้ข้อคิดไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วยครับ ก็อยากให้ติดตามกันครับ น่าสนใจมากทีเดียว"
ส่วนการร่วมงานกับนักแสดงสาว "พลอย จินดาโชติ" ซึ่งเป็นผลงานทางด้านหนังเรื่องแรกของเจ้าตัวนั้น เต้บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร พร้อมเอ่ยปากนางเอกสาวเป็นคนที่มีความขยัน, ตั้งใจ และพูดอะไรตรงๆ ดี
"กับน้องพลอยนี่ก็เป็นเด็ก เป็นน้องสาวคนหนึ่งที่เค้าเป็นคนค่อนข้างตรงไปตรงมานะ เวลาเค้าพูดอะไรก็ อยากพูดอยากคุยอะไรก็พูดเลย อยากปรึกษาอะไร เค้าค่อนข้างเป็นคนที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเองมากๆ เพราะฉะนั้นเวลาทำงานทำอะไร ถ้าเราอธิบายให้เค้าเข้าใจแล้วเนี่ย เค้าจะทำงานได้อย่างนี้เลยครับ (ยกนิ้วโป้ง)"
