ไม่รู้ว่าจะเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่า กับการนำสิ่งที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกอย่างเรื่องศาสนามาสร้างเป็นภาพยนตร์ เพราะล่าสุด โอปุส เดอี กลุ่มคาทอลิกอนุรักษ์นิยมได้ออกมายืนยันว่าทางกลุ่มจะไม่มีการคว่ำบาตร The Da Vinci Code ภาพยนตร์ที่นำกลุ่มของตนไปอ้างถึงอย่างไม่เหมาะสม แต่ยืนยันข้อเรียกร้องที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางส่วนเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้โลกของคาทอลิกต้องมัวหมอง
โดยในการแถลงข่าวที่กรุงโรม กลุ่มโอปุส เดอีกล่าวว่าบริษัท โซนี พิกเจอร์สซึ่งเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวยังมีเวลาพอที่จะเปลี่ยนแปลงเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้ชมที่เป็นชาวคาทอลิก เพราะไม่ต้องการให้สารจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้งในสังคม เหมือนกับกรณีที่สื่อมวลชนนำภาพล้อเลียนของนะบี มูฮัมหมัด ศาสดาแห่งศาสนาอิสลามมาตีพิมพ์ จนสร้างความไม่พอใจแก่ชาวมุสลิม และเกิดการประท้วงไปทั่วโลกอย่างทุกวันนี้ โดยในแถลงการได้ระบุว่า
“เนื่องด้วยทุกวันนี้ผู้คนต่างเจ็บปวดต่อความขาดการอดกลั้นมาเพียงพอแล้ว”
The Da Vinci Code เป็นนิยายระดับเบสต์เซลเลอร์ผลงานการประพันธ์ของแดน บราวน์ นักเขียนชาวอเมริกัน ซึ่งบรรยายว่าโอปุส เดอีคือลัทธิที่โหดร้ายและกระหายอำนาจ โดยในงานเขียนดังกล่าวยังระบุอีกว่าพระเยซูสมรสกับหญิงสาวที่ชื่อแมรี แมกดาลีนจริง รวมทั้งยังมีทายาทร่วมกันอีกด้วย ทั้งยังระบุว่ากลุ่มโอปุส เดอีในงานเขียนเป็นกลุ่มคนที่ไม่ต้องการจะเปิดเผยข้อเท็จจริงดังกล่าว
ล่าสุดทางกลุ่มโอปุส เดอีได้พยายามรณรงค์ตามสื่อต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ของตนก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจะออกฉาย ซึ่งทางกลุ่มออกมายืนยันว่าจะไม่มีการคว่ำบาตรภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด โดยทางกลุ่มเลือกที่จะใช้วิธีการที่สร้างสรรค์กว่าในการรณรงค์ครั้งนี้นั่นเอง เพราะหลังจากนิยายเรื่อง The Da Vinci Code ถูกนำออกมาเผยแพร่ ทางกลุ่มได้รับคำถามมากมายเกี่ยวกับเนื้อหาที่ถูกพาดพึงถึงในหนังสือ ซึ่งในการแถลงการณ์ยังได้ระบุอีกว่า
“การมาถึงของ The Da Vinci Code ได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของโลกคาทอลิกทั้งมวล”
ขณะเดียวกัน จิม เคนเนดี โฆษกทางฝ่ายโซนี พิกเจอร์สได้แถลงผ่านทางอีเมล์ว่า “นี่ไม่ใช่หนังเกี่ยวกับการสอนศาสนา เนื้อหาในเรื่องไม่ได้จงใจจะกล่าวพาดพึงถึงใคร ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มศาสนาหรือลัทธิใด”
The Da Vinci Code ซึ่งนำแสดงโดยดาราชื่อดัง ทอม แฮงกส์ และ ออเดรย์ โตตู มีกำหนดฉายวันที่ 19 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ โดยทางโซนี พิกเจอร์สเน้นย่ำว่าเป็นภาพยนตร์ที่เนื้อหาถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น