แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปยังโต้โผการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2549 (Bangkok International Film Festival 2006 : BKKIFF) อย่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยออกมาอย่างหนาหูถึงวัตถุประสงค์และความคุ้มค่ากับเงินประมาณที่ได้ทุ่มลงไป ทว่าสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือช่วงระหว่างของการจัดงาน 17 - 27 กุมภาพันธ์ศกนี้มีภาพยนตร์จากนานาประเทศหลายเรื่องทีเดียวที่น่าสนใจ
และต่อไปนี้คือ 9 หนังที่บันเทิงออนไลน์ขอแนะนำว่าต้องดูให้ได้จากเทศกาลในครั้งนี้
.....
1. Pusher Trilogy - Pusher , Pusher II, Pusher III
Director: Nicolas Winding Refn / Denmark / 1996, 2004, 2005
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเรื่องราวตลกร้ายว่าด้วยโลกอาชญากรอย่าง Pulp Fiction มาผสมผสานกับการถ่ายแบบ Hand Held แถมไม่มีการจัดแสงใด ๆ ในแบบฉบับของ Dogma ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ภาพยนตร์ไตรภาคสุดระห่ำอย่าง Pusher Trilogy นั่นเอง
Pusher ออกฉายที่เดนมาร์กเมื่อปี 1996 สร้างปรากฏการณ์ทำรายได้อย่างถล่มทลาย ได้รับการจัดหน่ายทั่วโลกไปกว่า 30 ประเทศ และยังติดโผ ”100 Best Male Movies Ever“ ลำดับที่ 16 ของนิตยสาร FHM's เดนมาร์ก จากกระแสความแรงนี้เองทำให้เกิดข่าวลือว่า นักแสดงต้องเสพยากันจริงๆ เพื่อให้หนังดูสมจริง แต่ทีมงานก็ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว
หลังจากแจ้งเกิดจากหนังเรื่องแรกแล้ว Nicolas Winding Refn ก็ลุยกำกับหนังต่ออีก 2 เรื่อง แต่เกือบทุกเรื่องก็เจ๊งสนิท จนต้องหวนกลับมาทำ Pusher II ( 2004 ) และ Pusher III ( 2005 ) เพื่อหาเงินไปล้างหนี้ให้กับบริษัทหนังที่ใกล้จะล้มลมละลาย นอกจากนี้ใน Pusher II ก็มีเรื่องล่ำลือกันว่า นักแสดงส่วนใหญ่ในเรื่องไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพจริงๆ หรอก แต่เป็นพี่ ๆ เหล่าอาชญากรตัวเป็นๆ ขอมาร่วมแจมด้วย (แค่คิดก็สยองแล้ว !!!)
Pusher Trilogy ทั้งสามภาคได้รับเลือกเข้าประกวดในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต
.....
2. Manderlay
Director: Lars Von Tier / Denmark - Sweden - The Netherlands - France - Germany - USA / 2005 / 139 mn
ผลงานล่าสุดของผู้กำกับ Lars Von Tier (Breaking the wave, Dancer in the Dark, The Idiots) ว่าด้วยเรื่องราวการกดขี่มนุษย์ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น คนผิวขาวกระทำต่อทาสผิวดำ พ่อแม่กระทำต่อลูก หรือแม้แต่ศาสนจักรกระทำต่อผู้คนที่นับถือ ตัวหนังได้ตั้งคำถามว่า เหตุใดทั้งที่อเมริกาเป็นดินแดนที่เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่สิ่งที่ผู้คนกระทำต่อกันใน Manderlay ถึงได้ขัดแย้งกับสิ่งที่เชื่อถืออยู่นัก
ภาพยนตร์ดรามาเข้มข้นเรื่องนี้ เป็นหนังเรื่องที่สองในหนังไตรภาค "USA - Land of Opportunities" โดยมี Dogville หนังเรื่องแรกออกฉายเมื่อปี 2003 และมีแผนนำ Washington หนังเรื่องสามออกฉายในปี 2007
Manderlay ได้รับเลือกเข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2005 ที่ผ่านมาด้วย
.....
3. The Tiger and the Snow
Director: Roberto Benigni / Italy / 2005 / 114 mn
หลังจากหนัง Pinocchio ไม่ประสบความสำเร็จในแง่คำวิจารณ์นัก นี่ถือเป็นงานแก้มือเรื่องล่าสุดของ ผู้กำกับชาวอิตาเลียน Roberto Benigni ที่เคยสร้างชื่อมาแล้วจาก Life is beautiful กลับมาหนนี้เขามาพร้อมเรื่องราวการตามหาสาวคนรัก ซึ่งบังเอิญเหลือเกินว่าเจ้าหล่อนมีอันต้องบาดเจ็บอยู่กลางสมรภูมิรบประเทศอิรัก
ฟังแค่นี้อย่าคิดว่าจะได้ดูหนังรักสุดโรแมนติคแห่งปีเสียล่ะ เพราะนี่คือหนังต่อต้านสงครามที่มากล้นด้วยอารมณ์ขัน แถมประชดประชันได้เจ็บแสบนัก
.....
4. Don't Come Knocking
Director: Wim Wenders / Germany - USA / 2005 / 122 mn
ผลงานชิ้นล่าสุดของ Wim Wenders ผู้กำกับที่กลายเป็นตำนานอีกหน้าของโลกภาพยนตร์เยอรมนีไปเรียบร้อยแล้ว
หนังเรื่องนี้ถือเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งระหว่างเขากับ Sam Shepard หลังจากที่ 17 ปีก่อน ทั้งคู่เคยสร้างความเกรียวกราวมาแล้วจากเรื่อง Paris, Texas คราวนี้ Sam ยังรับหน้าที่เขียนบทและแสดงนำเหมือนเช่นเคย
Don't Coming Knocking ว่าด้วยเรื่องราวของ Howard Spence อดีตดาราคาวบอยตกอับ ใช้ชีวิตเหลวเหลกไปวันๆ แต่แล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น เมื่อแม่จุดประกายความหวังว่า เขาอาจมีลูกกับหญิงคนใดคนหนึ่งที่เคยยุ่งเกี่ยวด้วยสมัยหนุ่มๆ และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของการตามหาความหวังสุดท้ายอันแสนทุลักทุเลของ Howard Spence.....
ตัวหนังได้รับเลือกเข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2005
.....
5. Little Red Flowers
Director: Zhang Yuan / China - Italy / 2006 / 92 mn
ขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์จากแดนมังกร แถมเดินสายประกวดตามเทศกาลด้วยแล้ว มีหรือจะไม่วิพากษ์สังคมจีนที่กระทำต่อผู้คนในรูปแบบต่างๆ และใน Little Red Flower ก็เช่นกัน
หนังเล่าเรื่องราวของ Qiang เจ้าหนูวัย 4 ขวบ ที่บังอาจสงสัยต่อกฎเกณฑ์ที่ผู้ใหญ่ตั้งขึ้น แถมท้าทายด้วยการกุเรื่องหาว่าบรรดาคุณครูคือปิศาจแปลงกายมาสอน
ในมุมหนึ่งนี่คือหนังที่ย่อภาพสังคมใหญ่ให้เหลือเพียงสังคมเล็กๆ ในโรงเรียนอนุบาล และวีรกรรมแสนซนของเจ้าหนูก็ไม่ต่างอะไรกับการที่คนตัวเล็กๆ จะคลางแคลงกับกฎการณ์ที่สังคมบอกว่าเหมาะสม ทางเลือกของพวกเขาจึงอยู่ระหว่างจะเลือกยอมจำนนต่อไป หรือจะหาญกล้ากำหนดวิถีชีวิตตัวเองให้ได้นั่นเอง
เรื่องราวของเด็กๆ แต่ไม่ใช่เรื่องเล็กนี้ เป็นผลงานของ Zhang Yuan หนึ่งในผู้กำกับจีนรุ่นที่ 6 ที่ได้รับเลือกจากนิตยสาร Time ให้เป็นหนึ่งในร้อยคนรุ่นใหม่แห่งศตวรรษหน้า และหนังยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Grand Jury Prize สาย world Cinema-Dramatic จากเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ปี 2006 ด้วย
.....
6. Sympathy for Lady Vengeance
Director: Park Chan - Wook / South Korea / 2005 / 112 mn
“ไม่มีพลังทำลายร้างใดจะร้อนแรงเท่าแรงพยาบาทแห่งอิสตรีเป็นแน่แท้“ นี่คืองานชิ้นล่าสุดของผู้กำกับแดนกิมจิ Park Chan - Wook ซึ่งคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพไปเมื่อปีก่อน กลับมาปีนี้ เขาได้หอบหิ้วหนังเรื่องใหม่ ทั้งยังแปลงโฉมแม่หนู ลียองเอ นางเอกซีรีย์ชื่อดัง แดจังกิม ให้กลายร่างเป็นเจ๊โหดตามคิดบัญชีแค้นบรรดาชายที่บังอาจทรยศเธอได้ลงคอ
Sympathy for Lady Vengeance ยังคงเนื้อหาที่รุนแรง จังหวะและดนตรีประกอบที่หนักหน่วง อย่างที่ Old Boy เคยทำไว้ และล่าสุดหนังยังคว้ารางวัล Little Golden Lion จากเทศกาลภาพยนตร์เวนิสมาครอบครองได้สำเร็จ
.....
7. All the Invisible Children
Director: Mehdi Charef, Emir Kusturica, Spike Lee, Katia Lund, Jordan and Ridley Scott, Stefano Veneruso, John Woo / Italy / 2005 / 116 mn
เปรียบดั่งสลัดชามใหญ่ที่รวมมิตรเหล่าผู้กำกับชื่อดังถึง 8 คน ให้มาถ่ายทำหนังสั้นถึง 7 เรื่อง ที่แต่ละเรื่องไม่มีเนื้อหาเกี่ยวพันกันเลย แต่สามารถสะท้อนปัญหาของเด็ก ๆ จากทั่วทุกมุมโลกได้อย่างน่าสนใจ
โปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่นี้เกิดการริเริ่มของกระทรวงการต่างประเทศอิตาลีที่ต้องการให้ผู้คนตระหนักถึงเรื่องราวของเด็ก ๆ โดยรายได้จากการฉายหนังจะมอบให้แก่องค์การ UNICEF และ WFP
.....
8. The Burnt Theatre
Director: Rithy Panh / Cambodia - France / 2005 / 85 mn
สารคดีซ้อนหนังว่าด้วยความเป็นอยู่ของนักแสดงกลุ่มหนึ่งกับความใฝ่ฝันถึงอดีตโรงละครที่เคยรุ่งโรจน์ หนังของ Rithy Panh มักวิพากษ์ถึงการล้มสลายของสังคมกัมพูชา ว่ามาจากการปกครองที่ย่ำแย่ของเขมรแดง จึงไม่น่าแปลกถ้าชื่อหนัง The Burnt Theatre โรงละครที่ถูกเผา จะมีนัยเปรียบเปรยถึงประเทศกัมพูชาว่าไม่ต่างอะไรจากดินแดนที่ไร้ซึ่งความฝัน
Rithy Panh เป็นเจ้าของผลงานอย่าง Rice People, One Evening after the War, S-21 แต่ละเรื่องล้วนกวาดรางวัลใหญ่ ๆ จากเวทีนานาชาติมาแล้วแทบทั้งสิ้น รวมถึง The Burnt Theatre ก็ได้รับเชิญไปฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2005
.....
9. Sophie Scholl - The Final Days
Director: Marc Rothemund - Germany / 2005 / 117 mn
ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของ Sophie Scholl หนึ่งในสมาชิกผู้เคลื่อนไหวทางเมืองขององค์กร White Rose เธอถูกจับในข้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลนาซี โดยเวอร์ชั่นหนังนี้จะ focus ไปที่เรื่องราวการสอบสวนและตัดสินโทษของเธอ
หนังได้รับคำชมอย่างท้วมท้นจากฝีมือการแสดงของ Julia Jentsch ในบทของ Sophie Scholl โดยคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม และรางวัล Prize of the Ecumenical Jury จากเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน
.....
หมายเหตุ : ดูรอบหนังและรายละเอียดการฉายต่างๆ ได้ที่ http://www.bangkokfilm.org/th