xs
xsm
sm
md
lg

จากใจ "แหวน ปวริศา" สนุกเพราะใช้ชีวิตแต่สุขเพราะได้ช่วยคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เข้ามาสู่วงการบันเทิงเป็นแถวสำหรับคนในแวดวงไฮโซทั้งหลาย ไล่มาตั้งแต่ รุ่นของ "เจ๊ดา ดารุณี กฤตบุญญาลัย", "มดดำ สุศิษฎา", รวมถึงหนุ่ม "ชาย อานันทวีป"

ล่าสุดเป็นไฮโซหญิงรุ่นใหม่มาแรง "แหวน ปวริศา เพ็ญชาติ" (ลูกสาว "หนิง ปัญญ์ชลี เพ็ญชาติ" เจ้าแม่บริษัทการประมูลชื่อดัง) หวานใจของหนุ่ม "พิรุณ ชินวัตร" ลูกชาย "พอฤทัย – พายัพ ชินวัตร" กับงานพิธีกรรายการสด “จมูกมด” ทางช่อง 7 (จันทร์ - ศุกร์เวลา 07.15-08.15 น.) ร่วมกับ "เปิ้ล หัทยา" และ "ซูโม่กิ๊ก"

แม้จะยิ้มร่าที่เจ้าแม่วิกหมอชิต "แดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์" โดดลงมาชักชวนเจ้าตัวให้เข้ามาทำงานด้วยตนเอง ทว่าสาวไฮโซชื่อดังก็ออกปากยอมรับว่ามีความหนักใจอยู่เหมือนกันเพราะกลัวจะทำให้คนอื่นผิดหวัง

“หนูแหวนต้องตื่นเช้ามาก ชีวิตรันทดมากเลย เหมือนเป็นนักเรียนอีกครั้ง โหดและเหนื่อยมันต้องตื่นเช้ามาก...." เจ้าตัวแอบบ่นให้ฟัง ก่อนจะเล่าถึงที่มาของการเข้ามาทำรายการให้ฟังว่า...

“แหวนทำพิธีกรอยู่ยูบีซีได้แค่ 2 เดือน พอคุณแดงเห็นก็เรียกไปแคส ยังงงเลยว่าแกไปเห็นอะไรในตัวหนู คงเห็นหนูประสาทๆ มั้งคะ เวลาทำยูบีซีคือเราก็พูดไปเรื่อย เป็นตัวเราเลย บางทีเราก็ดูที่ชาวบ้านเค้าทำนะ ว่าเอ๊ะ...ทำไมเราไม่เหมือนเค้าเลย แต่นี่มันคือเอกลักษณ์ของเรานะ ทางผู้ใหญ่ช่อง 7 เห็น คุณแดงเห็นก็คงประชุมแล้วเรียกมาเทสต์ เทสต์วันอาทิตย์วันจันทร์เค้าก็เรียกตัวเลย”

“แหวนยังถามเค้าเลยว่ามั่นใจเหรอคะ มันฉุกละหุกมาก เพราะกำลังจะไปถ่ายเจาะใจ แหวนมือใหม่มากแล้วแหวนต้องร่วมงานกับพิธีกรที่เก่งมากอย่างพี่เปิ้ล พี่กิ๊ก สดด้วย จังหวะจะโคนเราก็ไม่ค่อยรู้ คุณแดงเค้าดูเทปเค้าก็ถามว่าทำได้ไหม เราก็บอกไม่ค่อยมั่นใจแต่จะทำให้ดีที่สุด เค้าก็บอกว่าก็ให้เราเป็นเหมือนอย่างที่เราเป็นนั่นแหละ สดใสร่าเริงไปเหอะ"

ถือเป็นเรื่องที่แปลกเพราะปกติเจ้าแม่ช่อง 7 คนนี้ไม่ค่อยจะเรียกใครง่ายๆ และเป็นเหตุให้สาวแหวนถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น
“ก็ยังงงอยู่ว่าเค้าชอบอะไร เพราะได้ยินกิตติศัพท์คุณแดงมาบ้างว่าเค้าไม่ได้เรียกใครง่ายๆ เค้าบอกว่ากลับมาจากถ่ายเจาะใจเมื่อไหร่ให้มาคุยเลยนะ คือคุณแดงเค้าไม่ได้อยากเจอกับทุกคน เค้าโอเคกับอะไรยาก พี่ทีมงานที่เจเอสแอลเค้าก็บอกว่าคุณแดงโอเคยากนะ เมื่อก่อนส่งรายการไปยังต้องดูกันตั้งหลายรอบกว่าจะผ่าน เราก็บอกกับตัวเองว่า เออ...เราโชคดีนะ เพราะช่อง 7 ไม่ใช่แค่มีความสามารถเท่านั้นที่จะเข้าได้ คุณต้องมีหลายๆ อย่างที่ถูกใจเค้าด้วย มันต้องมีอะไรที่เค้าชอบ มันเหมือนเป็นดวงด้วย”

“มีเม้าท์ว่าเป็นลูกรักด้วยนะ เราก็งง ใหม่ๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวพอทำเรตติ้งตก ก็อาจจะเกลียดขี้หน้าเลยก็ได้...(หัวเราะ) คุณแดงท่านน่ารักนะคะ โทรมาถามแหวนว่าเหนื่อยไหม ไหวรึเปล่า เอ็นดูเหมือนเป็นหลานแหละเพราะว่าเราเด็กไง ลูกรักอะไรคงไม่มี เพราะถ้าลูกรักทำงานไม่ได้คุณแดงเค้าก็ไม่เอา”

“คุณแดงคาดหวังสูงมาก เราก็เกร็ง เพราะแกโปรดิวซ์เอง เราก็บอกแกว่าเราทำพิธีกรมาได้แค่ 2 เดือนนะ คุณแดงแน่ใจแล้วเหรอ คุณแดงดูเทปแป๊บเดียวแล้วเอาเลย หนูคุยกับรุ่นพี่ที่เป็นดาราในช่อง 7 เค้าก็บอกว่ามันยากนะที่คุณแดงเค้าจะโอเค เราก็อึ้งเพราะเราจะโชคดีอะไรขนาดนั้น ฉาก สคริปต์แกดูเองเลย โปรโมตเยอะด้วย เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด"

"ตอนแรกเครียดถามแม่ว่าหนูจะทำได้ไหม เราไม่รู้ว่าคนดูชอบอะไร อยากได้อะไร เราก็ต้องศึกษานิดหนึ่งว่ายังไง เราพูดข่าวอะไรที่คนดูชอบ แหวนไม่ได้จบนิเทศศาสตร์ แต่แหวนจบเศรษฐศาสตร์ ทำงานที่ยูเอ็นก็เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ อันนี้มันนิเทศเลยนะ เราต้องมาวิจัยตลาดว่าคนเค้าชอบดูอะไร เราเสนอได้ เป็นเหมือนงานใหม่ที่เราพร้อมศึกษา”

แม้จะมีความเป็นมือใหม่บวกกับมีความคาดหวังสูงจากผู้ผลิตที่จะให้ "จมูกมด" เข้าไปแย่งเรตติ้งจากรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้ + ผู้หญิงถึงผู้หญิง" ของวิกเอ็มโพเรียมที่ทำให้เจ้าตัวเกิดอาการเกร็ง ทว่าสาวคนนี้ก็ยังมีความมั่นใจว่ารายการนี้มีดีพอที่จะเรียกคนดูได้เช่นกัน
“หนูเครียดมากเลย อย่างที่รู้ว่าคุณสรยุทธ์เค้าเก่งยังไง เพื่อนๆ ยังแซวเลยว่าสมัยเรียนแกยังไม่ขยันหาความรู้ขนาดนี้เลย ทำไมตอนนี้ขยันจัง ไปซื้อหนังสือสรยุทธ์ทุกเล่มมาอ่าน ไม่ได้ตามที่จะเป็นเหมือนเค้านะ แต่มีความรู้สึกว่าถ้าคนที่เปิดมาเจออะไรที่มันเหมือนกัน มันซ้ำกัน เค้าก็ต้องไปดูสรยุทธ์เพราะเค้าเซียนด้านนั้นจริงๆ เราก็จะฉีกแนวมาเลย เราก็ขอฉีกแนวมาเลย เพื่อที่ไม่ไปอยู่กลุ่มเป้าหมายเดียวกับเค้า"

“รายการจมูกมดของแหวนจะเน้นไปในทางของเด็ก และผู้หญิงมากกว่า ช่วงคุยข่าวจะคล้ายๆ กับผู้หญิงถึงผู้หญิง แต่พอมาเป็นช่วงข่าว ความรู้รอบตัว เชิญแขก เราแตกต่างจากผู้หญิงถึงผู้หญิงพอสมควร จันทร์-พุธก็เป็นเรื่องของสาระ ต่อจากนั้นจะมีแขกรับเชิญจากทุกวงการมาพูดคุยในรายการ มีทำอาหารก็มี”

แอบคุย(แบบไม่เข้าข้างตัวเอง)ถ้าเป็นคนดูก็ต้องเปิดดู
“คุณแดงดูฉากเอง สร้างฉากเอง ซื้อมาเองเลยนะ คงเป็นอะไรที่วาไรตี้มากกว่า ถ้าแหวนเป็นคนดูทีวีแหวนก็คงจะดูรายการนี้ เพราะมันครอบคลุมหมด ไม่ได้เข้าข้างนะ คนดูก็จะรอบรู้ในโลกประจำวัน รอบรู้ในทุกแง่มุม ทั้งแฟชั่น เศรษฐกิจ การเลี้ยงลูก ครอบครัว สังคม สุขภาพ มีหมดเลย ไม่เน้นข่าวอย่างเดียว เน้นเกี่ยวกับตัวเราด้วย"

"ไม่น่าจะเหมือนรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงนะ ผู้หญิงถึงผู้หญิงรายการจะมีวัยใกล้เคียงกันมาพูด แต่ของเรานี่มีหลากหลายมีพี่เปิ้ล ก็เป็นผู้หญิงวัยทำงาน ลูก ครอบครัว พี่กิ๊กก็ตัวแทนของผู้ชาย แหวนก็วัยถึง 30 วัยเรียนจบทำงาน คิดว่ารายการเราวาไรตี้กว่า ตามอายุของเรา อย่างผู้หญิงถึงผู้หญิงเค้าจะมาแบบรุ่นเดียวกัน มาเป็นพรืดเลย ไม่ได้บอกว่ารายการเราจะดีกว่าเค้านะ เพราะรายการมันก็ไม่ใช่แนวเดียวกันทั้งหมดเพราะตัวพิธีกรของเค้าก็เก่งๆ กันทั้งนั้น ก็ดูมาตลอด มาติดตามตอนจะไปแข่งขันกับเค้าเนี่ยแหละ(หัวเราะ)”

แม้จะมาจากตระกูลที่เรียก "ไฮโซ" ได้อย่างเต็มปาก แต่เมื่อถามว่าอยากใช้คำดังกล่าวหรือไม่ เจ้าตัวบอกว่าไม่เลยและไม่ได้รู้สึกปลาบปลื้มกับคำดังกล่าวแต่อย่างใด
“เมื่อก่อนดังจากออกงานคนจะรู้จักส่วนหนึ่ง มาทำยูบีซีอินไซด์ก็ดังอีกอย่างหนึ่ง คนวัยทำงานก็รู้จักอีกแบบหนึ่งแล้ว พอมาออกเจาะใจมันใช่เลยไง เดินห้างคนทักใหญ่เลย หนูแหวนใช่ไหม มาจับมือ ถ่ายรูปขอลายเซ็น เราก็บอกว่าเราไม่ใช่ดารานะ บางคนก็มาจับมือมาถามว่าเราไปลุยแบบนั้นได้ยังไง เราก็ปลื้ม ดีใจ คนคงรู้จักจากเจาะใจพอสมควร กระแสเจาะใจมันแมสมากๆ ตอนนี้ก็มีรายการจมูกมดเข้ามาโปรโมตในทีเซอร์ช่อง 7 มีเจาะใจมันเลยเป็นจังหวะที่ดีที่กระแสมันมาเข้ามาพอดีกันคนเริ่มรู้จักจากเจาะใจ ก็หวังว่า ต่อไปนี้คนจะรู้จักในนามของพิธีกรของรายการจมูกมดช่อง 7 หวังว่าปีนี้จะเป็นปีทองของหนูแหวน”

“แหวนอ่านหนังสือพิมพ์บางฉบับเค้าใช้คำว่าไฮโซแหวน เขียนลงทุกคำเลยนะ เราอยากจะบอกว่าให้ตัดคำว่าไฮโซแหวนออกไปได้ไหมล่ะ คำนั้นน่ะ เพราะว่าเราก็ไม่ได้ปลาบปลื้มกับคำว่าไฮโซ ไม่ได้อยากให้คนมองว่าเป็นไฮโซใช่ไหมถึงได้มาทำ หรือว่าอะไร ไม่อยากเอาคำว่าไฮโซมาเป็นอภิสิทธิ์ให้ตัวเอง เหมือนกับว่าทำให้เรามน่าหมั่นไส้ไปในตัวด้วยซิ”

ปฏิเสธไม่ใช่คนนิสัยเปรี้ยวแต่ยอมรับแต่งตัวเปรี้ยว
“ภาพพจน์แหวนมันอาจจะเปรี้ยว แรง เที่ยว แต่จริงๆ ไม่ได้เที่ยวเลยนะพี่ ตัวจริงนี่ติ๊งต๊องมากๆ แต่เรื่องแต่งตัวยอมรับเปรี้ยวจริง เมื่อก่อนก็เห็นเด็กใส่สายเดี่ยว อยู่อเมริกาเค้าก็แต่งกัน แต่มาเมืองไทยมันไม่ได้ มันโป๊ เราก็สับสนชีวิตมากในตอนนั้น"

"แต่ตอนนี้เราปรับตัวแล้ว เดี๋ยวนี้มีซับในใส่ตลอด ยิ่งพอมาทำทีวียิ่งต้องระวังตัวมากขึ้น ตัวจริงติดดินมาก แล้วไม่แบรนด์เนม ไม่ได้ติดคำว่าไฮโซ พอมาออกเจาะใจ ภาพพจน์เปลี่ยนหมด อย่างในเว็บก็ด่ากันถล่มทลายว่าเราเป็นงั้นงี้ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่ามีชม ก็ดีใจที่ภาพไฮโซที่คนมองมันลดลงไป เจาะใจมาต่อให้เราตรงนี้ให้ภาพมันลดลงไป กลายเป็นคนบันเทิงเต็มตัว”

ออกทั้งเจาะใจ + งานพิธีกร กลัวถูกมองว่าสร้างภาพให้กับตัวเองมั้ย?
“ก็กลัวในจุดหนึ่ง คนมองว่าเหมือนเล่นๆ แต่คือจริงๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เป้าหมายใหญ่ในชีวิตแต่แหวนก็ตั้งใจทำเต็มที่ เพราะว่ารู้ว่าคุณแดงเนี่ยเค้าหวังกับเราไว้สูง ไม่รู้แหละ อะไรที่รับผิดชอบมาแล้วเราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ใครจะไปรู้ว่ามาทำด้านมีเดียส์เนี่ยแหวนอาจจะเล่นการเมืองก็ได้ มันเป็นความรู้ แล้วแหวนจะชอบเรียนรู้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรเราทำเต็มที่ อยากเรียนรู้ เราสนใจด้านนี้อยู่แล้ว”

“ก็มีคนจีบไปเล่นละครเหมือนกัน หน้าขี้เหร่จะตายชัก ก็เกริ่นๆ ให้ทำโน่นนี่เหมือนกัน เค้าก็ต้องดูแหละ แอ็กติ้งก็มีเพราะเราก็เคยเรียนมาบ้าง แต่หนูแหวนอยากเล่นแบบย้อนยุคนะ หน้าแบบนี้ถ้าแต่งแบบย้อนยุคอาจจะเหมาะ ถ้าจะให้แต่งแบบนางเอกยุคใหม่คงไม่สามารถทำได้ เพราะคงขี้เหร่มาก ช่อง 7 เค้ามีแนวพีเรียดมากก็อาจจะมีหวัง”

แม้จะมีความชอบเป็นการส่วนตัวและถึงแม้เส้นทางในวงการบันเทิงดูท่าว่าจะไปได้สวย แต่หนูแหวนบอกว่าตนคงจะไม่ยึดเดินบนเส้นทางสายนี้ไปตลอดพร้อมตั้งเป้าไว้ว่าจะขอเรียนให้จบระดับปริญญาเอกแล้วจะกลับมาทำงานในสิ่งที่เรียนมาดีกว่า
“วงการนี้ชอบค่ะ แต่ก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่ไม่จีรัง แล้วก็รู้สึกว่าเราแฮปปี้ เป็นพิธีกรในทีวี แต่ถ้าจะให้เราสวยเป็นนางเอก เราก็รู้ว่าเราทำไม่ได้ เราก็คงจะเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ก็ดูโอกาสไปเรื่อยๆ เรารู้สึกแฮปปี้ว่าเรียนจบก็มีงานพุ่งเข้าหามากมายสุดฤทธิ์"

"คงจะอยู่หาประสบการณ์ต่อโทเมืองไทย แล้วอาจจะต่อเอกที่เมืองนอก เพราะความใฝ่ฝันจริงๆ คือทำงานที่ยูเอ็น เพราะแหวนชอบ อาชีพในวงการบันเทิงนี้เป็นอะไรที่รัก จริงๆ ไม่ได้ทำไปเพราะเงินแต่ว่าเราสนุกที่ได้ทำ ไปไหนคนรู้จักมันก็แฮปปี้แล้ว”

“คิดว่าจะอยู่ซักพัก เราอยากไปต่อเอก อยากทำอะไรที่พัฒนาสังคม โอเคไม่ได้ดูถูกนะ ดาราบางคนเค้ามีพรสวรรค์ด้านนี้ก็เลยมาทำ แต่มีเด็กมากมายที่เค้าอยากทำอย่างอื่นแต่เค้าไม่มีโอกาส เรามีโอกาสมากกว่าคนอื่น แหวนคงไม่แฮปปี้หรอกที่จะมาอยู่ในวงการบันเทิงตลอด คงจะแฮปปี้มากกว่านี้ถ้าไปเรียนจนจบปริญญาเอกแล้วกลับมาช่วยคนอื่น ช่วยเหลือให้โอกาสสังคม ให้โอกาสเด็กที่ไม่ได้เรียนเหมือนแหวนให้ได้มีอะไรขึ้นมาบ้าง"

"เพราะอันนั้นคือความสุขจริงๆ ที่แหวนอยากได้ และมีความสุขที่ได้ช่วยคนอื่น อันนั้นแหละที่เป็นเป้าหมายในชีวิตแหวนที่แท้จริง"




กำลังโหลดความคิดเห็น