ช่วงนี้คู่รักดาราประกาศเลิกกันโครมๆ ล่าสุดเป็นคิวของพระเอกคนดัง “หนุ่ม ศรราม” กับหวานใจ “นุ้ย สุจิรา” ที่ว่ากันว่ารักหวานที่ทั้งคู่ประคบประหงมมา 5 ปี ตอนนี้สะบั้นเหลือแค่ความเป็นพี่น้องปิดฉากความรักต้อนรับปีหมาดุตามคู่อื่นไปเรียบร้อยโรงเรียนคนบันเทิง
ครั้นพอทราบข่าวว่านายหนุ่มจะบินไปถ่ายละครเรื่อง“หิมะใต้พระจันทร์” ที่ประเทศเกาหลี บรรดานักข่าวจากทุกสำนักเลยแห่ไปทำข่าวที่สนามบินดอนเมืองอย่างไม่ได้นัดหมาย ซึ่งพระเอกคนดังได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า…
“ก็ยังไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวลง น่าจะเป็นเหมือนกับทุกครั้งที่ลงซ้ำๆ กันอย่างนี้ เรายังโทร.คุยกันบ้างว่าเป็นยังไงบ้าง ก็ปกติดี เมื่อวานรู้สึกผมจะคุยกับคุณพ่อเพราะรู้สึกจะมีหนังสือพิมพ์บางฉบับที่เข้าไปหาคุณพ่อผมที่บ้าน คือไม่ได้ขออนุญาตไปขอสัมภาษณ์กับพ่อผม”
“นุ้ยไม่ได้พูดว่าเลิกนี่ครับ เพราะว่าผมกับนุ้ยคุยกันตลอด เค้าก็ยังสัมภาษณ์เหมือนเดิมแล้วเค้าก็ต้องใส่ใจเรื่องเรียนก่อน ก็ยังติดต่อกันเหมือนเดิม ข่าวเดิมเราก็ไม่เคยพูดอะไรมากเกินเลยไปกว่านี้ด้วย ผมว่ามันบ่อยแล้วสำหรับการเกิดขึ้นกับคู่ผมนะ เกิดจนชิน ตัวเราเอง 2 คนก็คุยกันบ่อยว่ามันเกิดขึ้นบ่อยจนชิน มันเหมือนกับว่าไม่มีอะไรลงก็ลงเรื่องเรา”
“บางครั้งในเรื่องของการชัดเจน...เพราะก็เคยให้สัมภาษณ์บ่อยครั้งว่าต้องให้เกียรติสุภาพสตรี มันยังไม่ได้มีการตกลงปลงใจว่าจะต้องแต่งงานแน่นอน เราก็ต้องให้เกียรติคุณพ่อคุณแม่หรือสุภาพสตรี ก็ยังให้ข่าวเหมือนเดิม แต่ถ้าเกิดว่ามันอาจจะเป็นในเรื่องของความจำเจ ในเรื่องของการเล่นข่าวก็อาจจะเป็นได้ เพราะมันบ่อยเหลือเกินที่ลง อยากให้เลิกกันหรือว่าเลิกกันอีกแล้วอะไรอย่างเนี้ย ซึ่งน่าจะให้คบกันนานมากกว่านะ(หัวเราะ)”
เจอพิษหมอดูฟันธงว่าคู่ น. กับ น. เลิกกัน ทุกคนเลยพุ่งเป้ามาที่คู่หนุ่มกับนุ้ย...กับเรื่องนี้พระเอกคนดังแจงเดือดเพราะฉุนที่รุกรานไปถึงคุณพ่อชุมพรด้วย
“ผมว่าทุกคนมีสิทธิ์แหละ เราเป็นนักแสดงเราก็เข้าใจในเรื่องการทำงานของพี่สื่อมวลชนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสิ่งที่ผมคุยกับนุ้ยคือคงจะเป็นความรู้สึกของเรา 2 คนที่เข้าใจกันมากกว่า ซึ่งบางทีมันไม่ต้องอธิบายให้คนอื่นฟังกันเยอะ”
“แล้วสมัยนี้เรื่องทุกอย่างมันถูกแตะต้องได้ง่าย ในเรื่องของความรู้สึกมันก็ถูกตราได้เยอะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าในเรื่องสิทธิของหมอดู ของนักวิจารณ์หรืออะไรต่างๆ ผมให้เกียรติทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าผมเอาความรู้สึกของตัวผมกับนุ้ยให้เราเข้าใจกันมากๆ ดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตอนนี้ เล่มไหนเขียนยังไง เราพูดอย่างนี้รึเปล่า ตรงกับที่เค้าเขียนมั้ย ตรงไม่ตรงยังไง แล้วเราต้องทำยังไง มันเป็นอย่างนั้นมากกว่า”
“พอมีข่าวก็คุยกับนุ้ยว่าข่าวลงเรื่องเดิมอีกแล้ว แต่ผมค่อนข้างซีเรียสเรื่องคุณพ่อมากกว่าเพราะเมื่อวานก็ไม่ได้ขออนุญาตแล้วไปหาคุณพ่อ ไปคุยเรื่องนี้กับป๋า ซึ่งป๋าเองก็งง ป๋าก็ให้สัมภาษณ์กลางๆ แต่ที่ผมรู้สึกว่าการไปถึงบ้านไปรบกวนคนป่วย ก็น่าจะขออนุญาตหรือว่าทำอะไรก่อน ผมรู้สึกว่าท่านเป็นผู้ใหญ่แล้วเราก็ยังอยู่ในวัยที่ต่างคนต้องมีภาระรับผิดชอบครอบครัว ของนุ้ยเองก็ยังอยู่ในวัยเรียนด้วย ผมเองก็ยังต้องดูแลครอบครัว”
เป็นครั้งแรกที่ยอมให้เรียกสาวนุ้ยว่าแฟนอย่างเต็มปาก แต่พอถามเรื่องแต่งงานเจ้าตัวบอกยังอีกไกล
“(หัวเราะ) มันก็ใช้กันมาตั้งนานอยู่แล้ว(ใช้คำว่าแฟน) แต่เรื่องเลิกกันนี่เลิกลงกันซะที ไม่หรอก...อย่างบางครั้งเราต้องแยกแยะกันบ้าง อย่างผมเป็นผู้ใหญ่ ผมก็ต้องให้ข่าวระมัดระวัง อย่างที่บอกเรื่องของคุณพ่อคุณแม่ เรื่องของสุภาพสตรีในตัวนุ้ยเค้าก็ดี เพราะเค้าเป็นผู้หญิงจะให้เค้ามานั่งพูดว่าคนนี้เป็นแฟนฉัน เค้าก็จะถูกมองไม่ดี เราก็ต้องเข้าใจในความเป็นสุภาพสตรีของเค้าด้วย อันนี้ผมพูดแบบกลางๆ นะ ค่อนข้างจะชัดเจน เพราะฉะนั้น การที่สังคมไทยเป็นแบบนี้ให้เกียรติกันทั้งสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี มันน่าจะดีอยู่แล้ว”
“เรื่องแต่งงานคงยังครับ ผมต้องดูแลครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ก่อน เพราะว่าเวลาที่ท่านอยู่กับเรามันค่อนข้างน้อยแล้ว นุ้ยก็ต้องดูแลครอบครัวของเค้าเหมือนกัน ผมว่าในส่วนของแต่ละคนมีภาระที่ต้องดูแลครอบครัวด้วยกันทั้งคู่ เราคบกันในความเหมาะสมที่มีอยู่แล้ว ตอนนี้น่าจะดีที่สุด”
“ทุกวันนี้เราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตามปกติ ไม่ได้หลบ ไม่ได้ซ่อน แล้วเวลาไปก็ขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่น้องทุกครั้ง ก็ไปตามปกติ คนก็ขอถ่ายรูปกันนะแต่ไม่เห็นมีรูปมาลงบ้างเลย(หัวเราะ) ยังงง”
ทั้งนี้ เจ้าตัวถือโอกาสปฏิเสธข่าวลือเบี้ยวคิว-ติดยา จนต้นสังกัดอาร์.เอส.สั่งปลดออกจากหน้าที่พิธีกรรายการเมืองไทยวาไรตี้ กลางอากาศ ต้องดึงเพื่อนซี้ “หนุ่ม กรรชัย” มาเสียบตำแหน่งแทน ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
“อ๋อ...ลือกันไป ไม่ซีเรียส เพราะทางบริษัทก็ออกมาชี้แจงให้ทราบแล้ว แล้วเราก็มาถ่ายละครเรื่องนี้ด้วยก็ต้องไปเมืองนอก แต่กลับมาอาจจะกลับไปทำอีกหรือไม่ก็เป็นรายการใหม่เดี๋ยวต้องรอดูในเรื่องผังของบริษัทอีกที”
“เรื่องยาไม่เคยได้ยินเลย ไปกันใหญ่แล้ว ไม่มีหรอกครับ บริษัทเค้าก็ออกมาแถลงแล้วว่าเป็นเพราะอะไร รายการก็ไม่ได้ถูกถอด เรายังสามารถกลับไปทำได้เหมือนเดิมได้ ในชีวิตการทำงานข่าวมันเยอะแยะไปหมดแหละ เราต้องทำความเข้าใจกับมัน อย่างช่วงเป็นทหารก็โดนข่าวหนีทหาร อะไรก็ผ่านมาเยอะแล้ว ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า เราก็ใช้ชีวิตปกติของเรา ทำงานให้ดีที่สุดดีกว่า”
“ผมไม่ได้ทำมาประมาณหนึ่งเดือนก่อนปีใหม่ เกือบๆ เดือนก่อนไปเกาหลี ไม่เสียดายเพราะจุดที่เราขออนุญาตเฮียเราต้องการไปเฝ้าพ่อเฝ้าแม่ แล้วอีกอย่างรายการเมืองไทยวาไรตี้ก็อยู่ตัวแล้ว ได้เวลาเพิ่มอีก 10 นาทีด้วยในปีหน้า มันลงตัวหมดทุกอย่างไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราต้องทำมากที่สุดคือหาเวลาอยู่กับพ่อแม่ก่อน”
เกริ่นๆ อนาคตอาจหวนคืนเวทีเพราะงานพิธีกรเป็นงานที่รักและถนัด
“งานพิธีกรทำอยู่แล้วครับ แต่อย่างที่บอกว่าคงต้องให้ทางบริษัทกำหนดมาว่าจะเป็นรูปแบบอะไร หรือว่าอาจจะกลับมาทำเมืองไทยฯ ก็ได้ถ้าทุกอย่างมันลงตัว บอกไม่ได้หรอกครับเพราะผมทำงานตามคำสั่ง อย่างบางทีวางไว้ว่าต้องไปเรื่องนี้ช่องนี้ อยู่ๆ เปลี่ยนกะทันหันต้องมาช่องนี้ก่อนเรื่องนี้ คือทุกอย่างเราทำงานตามที่บริษัทสั่งมาที่จัดให้”
“ก็อาจจะกลับไปทำอีก เพราะงานพิธีกรเป็นงานที่เรามีความชอบแล้วก็มีความถนัด ณ วันนี้นะ มีโอกาสยังไปเยี่ยมสตูฯ ยังไปเยี่ยมกรรชัยบ้าง”