หลังบริษัท "มีเดีย ออฟ มีเดียส์" มีเจ้านายคนใหม่แทน "โฆสิต สุวินิจจิต" กับ "ยุวดี บุญครอง" ที่ยืนใบลาออกแบบช็อกวงการไปตั้งบริษัทใหม่ "เอเชีย เทเลวิชั่น มีเดีย" มาวันนี้มีเดียฯ เริ่มมีการเคลื่อนไหว "ชาลอต โทณวณิก" ผู้กุมบังเหียนคนใหม่เตรียมเดินหน้ารื้อโครงสร้างใหม่หมด
“ผู้บริหารเดิมลาออกแล้วเราทำบีบีทีวีโปรดักชั่นอยู่ซึ่งมันก็คล้ายคลึง แต่มันใหญ่กว่าเท่านั้นเองทางผู้ถือหุ้นใหญ่เลยแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมีเดีย ออฟ มีเดียส์ข้ามห้วยมานิดนึง แต่ต้องยอมรับว่าเพิ่งเข้ามาในมีเดีย ออฟ มีเดียส์ได้ 3 วันต้องแยกทีมงานว่าใครมีความสามารถทางด้านไหน”
“แล้วจะมีการพัฒนาคนข้างในให้มีศักยภาพเพิ่มเติมมากขึ้น ตอนนี้อยากขอระยะเวลาสักประมาณเดือนนึงในการที่จะปรับอะไรทั้งหมด ช่วงนี้อยู่ในช่วงให้พนักงานเสนอขึ้นมา ส่วนผู้บริหารเท่าที่ดูบุคลากรที่มีอยู่อย่างคุณซ้ง(ทรงวิทย์ จิรโสภิณ) คุณณรงค์ก็อยู่มาตั้งนานและมีความรู้ความสามารถอย่างดีในด้านนี้คิดว่า ณ ตอนนี้ผู้บริหารก็คงเพียงพอและก็คงช่วยๆ กันดูไป”
จากที่ผ่านมารายการในเครือของมีเดียฯ ขาดทุนซะส่วนใหญ่ ผู้บริหารคนใหม่เลยเตรียมจะโละทิ้งให้หมด
“แต่ต่อจากนี้บริษัทมีเดีย ออฟ มีเดียส์ก็จะยังยืนอยู่ในเรื่องของผู้ผลิตคอนเทนต์รายการทีวี เพราะรายได้หลักอยู่ตรงนี้แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทำกำไรมากที่สุดเพราะทำแล้วขาดทุนในอดีต ตอนนี้ข่าวเช้ากับข่าวเที่ยงเราได้อยู่เหมือนเดิม ส่วนรายการที่ทำแล้วขาดทุนก็ตัดออกไปตอนนี้ก็มาเริ่มต้นโครงสร้างกันใหม่”
“ส่วนปีนี้ตั้งเป้าไว้เท่าไหร่นั้นคงต้องรอให้นิ่งก่อน ในตอนนี้บุคลากรเดิมอยู่กับเราทั้งหมด 240 คน แล้วก็มีแยกไปอยู่กับผู้บริหารชุดเก่า 90 คน ดังนั้นเราคงใช้บุคลากรที่มีอยู่ให้มีความสามารถมากยิ่งขึ้น แต่เนื่องจากในปัจจุบันนี้เวลาที่จะทำรายการยังไม่ได้มีมาก”
เวลาในส่วนของรายการยังไม่ได้เพิ่ม ช่วงนี้เลยคั่นเวลาด้วยการทำคอนเสิร์ต "Rainy Day In Bangkok 2006" ที่จับมือกับอีก 2 บริษัท "ไอเวิร์ค เอนเตอร์เทนเม้นท์" และ "ดรีมเมกเกอร์ฯ"
“การแข่งขันมันขึ้นอยู่กับว่าใครสามารถปรับตัวได้ คนก็ยังชอบละครน้ำเน่าเรตติ้งสูงสุดก็ยิ่งเน่ายิ่งสูง แต่ว่าคุณภาพเรื่องของโปรดักชั่น เรื่องของตัวแสดงคนดูจะเลือกมากขึ้น คือไม่ใช่ทำอะไรมาเน่าสุดแล้วเรตติ้งจะสูงไม่ใช่ จากที่มีหนังต่างประเทศเข้ามา”
“ดังนั้นเราก็จะไปฝึกวิทยายุทธกันอย่างอื่นก่อน อย่างคอนเสิร์ตเรนอันนี้มันเป็นเฉพาะกิจเรื่องหลักที่ทำก็คือคอนเสิร์ตของเรนก่อน เมื่อจบภาระกิจก็จบไปก็เหมือนที่ทำมิสยูนิเวิร์ส ถ้าเพื่ออะไรที่จะทำในระยะยาวก็จะออกมาในรูปบริษัทมันก็แล้วแต่ลักษณะ อาจจะข้ามขั้นด้วยซ้ำไปจากที่ทำแต่ตลาดลูกทุ่ง”
“เราอยากทำอะไรที่เป็นอินเตอร์เอนเตอร์เทนเมนท์เต็มรูปแบบ ไม่ว่าตลาดเอเซียหรือระดับโลกถ้าดูแล้วเราพร้อมในการทำงาน ถ้าเราไม่พร้อมแล้วมีพันธมิตรที่พร้อมมาร่วมกัน ขณะเดียวกันความเสี่ยงไม่มากนักในเรื่องรายได้ อย่างคอนเสริต์เรนเราลงทุนไป 50 ล้าน”