xs
xsm
sm
md
lg

จับกระแสซีรีส์โสมงาบละครไทย?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ต้องบอกว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาทีเดียวสำหรับกระแสความนิยมในตัวซีรีส์เกาหลี ของช่อง 3 อย่าง "แดจังกึม" ที่แรงชนิดไม่ต่างอะไรไปจากความนิยมของคนดูที่มีต่อ "รักใสๆ หัวใจ 4 ดวง" ของ 4 หนุ่ม "F4" เมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา

จากกระแสของ "แดจังกึม" ที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าซีรีส์จากแดนโสมเริ่มที่จะกลับมาได้รับการจับตาอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นช่องที่ถือได้ว่าเคยเป็นแชมป์ซีรีส์เอเชียนอย่างไอทีวี ซึ่งประสบความสำเร็จมากแล้วจาก Winter Love Song - เพลงรักในสายลมหนาว, Autumn in My Heart - รักนี้ชั่วนิรันดร์ หรือ Age of Innocent - รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ ตอนนี้ก็มี "รักซ้อนซ่อนเล่ห์ Say You Love Me"

ช่อง 7 หลังประสบความสำเร็จจาก "Full House สะดุดรักที่พักใจ" ที่กุมเอาหัวใจใครหลายๆ คนไปแล้ว ตอนนี้ก็ส่ง "First Love รักแรกสุดหัวใจรักสุดท้ายมิอาจลืม" พร้อมกับข่าวว่าทางคุณแดง "สุรางค์ เปรมปรีดิ์" ผู้บริหารใหญ่ได้บินไปช้อปปิ้งซีรีส์ใหม่ๆ ด้วยมือตนเองเข้ามาอีกพอสมควร

ในขณะที่ช่อง 3 เองก็มีข่าวออกมาเช่นกันว่าได้เตรียมซีรีส์เกาหลีไว้สานต่อความสำเร็จของแดจังกึมอีกหลายเรื่องเลยทีเดียว

"ส่วนหนึ่งคือเรื่องของเทคโนโลยีนะ เพราะในปัจจุบันก็จะเห็นว่าผู้ชมค่อนข้างที่จะรู้มากว่าเดี๋ยวนี้ในประเทศต่างๆ มันมีซีรีส์อะไรที่ได้รับความนิยม เพราะฉะนั้นผู้ชมทางบ้านส่วนหนึ่งค่อนข้างทันสมัยก็จะพอทราบอยู่แล้ว พอเราเอาซีรีส์พวกนี้ออกอากาศมันก็เหมือนกับว่าเราได้ตอบสนองความต้องการของผู้ชมในกลุ่มนี้ได้"..."สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์" ผู้จัดการฝ่ายการตลาดช่อง 3 พูดถึงปรากฏการณ์ของแดจังกึมที่เป็นอยู่ก่อนจะแสดงถึงเหตุผลที่ทำให้ซีรีส์จากประเทศเกาหลี (รวมถึงไต้หวัน และญี่ปุ่น) เข้ามาเป็นที่นิยมในบ้านเราในระยะหลังๆ ชนิดถีบส่งละครไทยหลายต่อหลายว่าเป็นเพราะ...

"โดยเฉพาะเกาหลีนะ คือ 2 - 3 ปีที่ผ่านมาเกาหลีเขาค่อนข้างจะหวงเรื่องวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับการบันเทิงสังเกตจากหลายๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเขาจะอินเทรนด์ไปหมดในตลาดโลก จริงๆ เราก็ไม่ได้รับเฉพาะสิ่งบันเทิงนะครับ ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ของเขาไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เกาหลี ซีรีส์ของเกาหลีหรือว่าเพลงของเกาหลีที่เราเห็น ทั้งวัยรุ่นทั้งอะไรของเกาหลีเขาค่อนข้างฮิตมากในเอเชีย และการยอมรับของคนที่อยู่ในเอเชียด้วยกันกับวัฒนธรรมเกาหลีเหล่านี้ก็ค่อนข้างที่จะดีมากๆ"

"ที่สำคัญมันมีประวัติมาแล้วสำหรับช่อง 3 อย่างสมัยก่อนก็ทำมาเป็นซีรีส์ไต้หวันอย่างเรื่องรักใสๆ หัวใจ 4 ดวง ถึงตอนนั้นเขาเรียกว่าปลุกกระแสซีรีส์จากไต้หวันเพราะได้รับความนิยมอย่างมาก อีกเหตุผลหนึ่งก็คือถ้าเราเอาซีรีส์ในแถบเอเชียด้วยกันมา ความที่วิถีชีวิตมันไม่ค่อยจะแตกต่างกันมากมาย เรื่องของทัศนะคติ ความเชื่อวัฒนธรรมต่างๆ มันก็ไม่ไกลจากคนไทยเกินไป"

อาจจะมีความแตกต่างในเรื่องรสนิยม แต่ด้วยความคล้ายกันของวัฒนธรรมนั่นเองที่ทำให้คนในบ้านเรารู้สึกคุ้นเคย
"ยกตัวอย่างเช่นแดจังกึมเป็นซีรีส์ของเกาหลี แต่ว่าถ้าดูจริงๆ จะไม่ต่างกันเท่าไหร่กับบ้านเรา สิ่งที่ผู้ชมจะได้เห็นก็คือวัฒนธรรมประเพณีในพระราชสำนักของเกาหลี แต่ก่อนเป็นยังไง และก็จะได้เห็นในสิ่งที่เขาสอดแทรกเข้าไปในหนังเกี่ยวกับเรื่องของคุณธรรม ความกตัญญูความรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ ซื่อสัตย์และก็เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อะไรแบบนี้"

"ซึ่งมันก็คือสิ่งที่เขาจะได้เห็นซึ่งไม่ต่างจากคนไทย และก็คิดว่ามันน่าจะเป็นซีรีส์ที่น่าจะเหมาะกับคนด้วยและก็เข้าถึงผู้ชมได้ค่อนข้างดี"

"และคำว่าวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกันนี่แหละที่ทำให้คนดูสามารถเข้าใจได้ง่าย ระบบที่เราเห็นอยู่มันไม่ไกลจากตัวเราจนเกินไป เพราะวัฒนธรรมต่างๆ ของคนเอเชีย ความกตัญญู ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความมีสัมมาคารวะ ความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งก็คือสิ่งที่เราเห็นในซีรีส์เรื่องนี้จึงเป็นเหตุผลในการนำมาฉาย ตัวละครที่ดังอยู่แล้วในต่างประเทศมันทำให้เข้าถึงคนไทยได้ค่อนข้างง่าย"

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าตอนนี้ช่อง 3 ได้กว้านซื้อซีรีส์เกาหลีมาถือไว้หลายต่อหลายเรื่องเพื่อเป็นการตัดหน้าคู่แข่งนั้น ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของช่อง 3 บอกว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น เช่นเดียวกับที่มีกระแสข่าวที่ว่าช่อง 3 จะลดบทบาทของละครไทยลงไปด้วยว่าก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน

"(หัวเราะ)ไม่ขนาดนั้นนะครับ เราก็มีหนังเกาหลีอยู่แต่ตอนนี้คงต้องขอปิดเอาไว้ก่อน คือแดจังกึมเป็นอะไรที่นำร่องและประสบความสำเร็จมากๆ ในแง่ของเรตติ้ง ตั้งแต่ออกอากาศมาประมาณสัก 4 ตอน ผลตอบรับจากผู้ชมที่เราวัดจากเรตติ้งจะดีขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเรตติ้งจะอยู่ที่เลข 2 หลักคือ 11 แล้ว พูดง่ายๆ ก็คือวัดจากที่เราฉายในช่วงเวลาเดียวกัน เรตติ้งเราจะได้สูงกว่าคู่แข่งที่อยู่ช่องอื่นๆ ที่ออกอากาศรายการต่างๆ"

"แล้วจุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อเอามาเบียดละครไทย คืออะไรก็แล้วแต่...การตอบรับกลุ่มเป้าหมายมีอยู่ ณ เวลานั้นๆ สิ่งเหล่านั้นก็อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าถามเราว่าตั้งใจจะเอามาชดเชยหรือว่าเอามาแทนละครของเรามั้ย เราว่าไม่นะครับ มันไม่ได้มีผลกระทบเพราะละครไทยก็ไม่ได้ตกไปไหน"

เป็นมุมมองจากคนที่เก่งในเรื่องการตลาด ในขณะที่คนในแวดวงละครไทยอย่าง "ปัญญา ชุ่มฤทธิ์" ผู้กำกับฯ แห่งค่าย "559 ออนแอร์ฯ" (คดีเด็ดเหตุแห่งรัก - ช่อง 7) ได้บอกถึงสาเหตุที่ทำให้กระแสซีรีส์เกาหลีฟีเวอร์อีกครั้งหนึ่งว่านอกจากเรื่องของเนื้อหาแล้ว องค์ประกอบอื่นๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน...

"หากดูเนื้องานการคิดงานอะไรต่างๆ เขาจะประณีตกว่า เรื่องของเครื่องไม้เครื่องมือก็มีส่วนเพราะของไทยเรายังต้องซื้อจากเค้าอยู่เลย ทุนในการสร้างก็สำคัญ ซึ่งหากจะพูดกันจริงๆ มันไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องอย่างเดียวหรอก เพราะเนื้อเรื่องเราก็หลากหลายให้เลือกชมเหมือนกัน"

"แต่มันหลายๆ องค์ประกอบ อย่างของเขาสามารถที่จะเล่าเรื่องในแบบนี้ๆ ได้เลยโดยไม่มีข้อจำกัดมากนัก การโดนเซ็นเซอร์ก็จะไม่มีเหมือนของละครไทย เค้าจะชัดเจนในการนำเสนอ มันเกี่ยวกับเรื่องของวัฒนธรรมด้วย ของไทยที่ยังต้องเป็นแบบนี้อยู่เพราะเราเป็นห่วงเยาวชน"

ตบท้ายแบบน่าคิดว่า แม้จะเกิดกระแสซีรีส์เกาหลีในตอนนี้ แต่ด้วยความคุ้นเคย ความเป็นคนไทยที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยกับวิถีประเพณีและรสนิยมแบบไทยๆ อย่างไรเสียละครหรือซีรีส์ของประเทศไหนๆ ก็ไม่สามารถที่จะมาแทนละครไทยได้อย่างแน่นอน

"ถามถึงความแตกต่างมันก็มีอยู่บ้าง ส่วนที่ความเหมือนก็จะเป็นเรื่องของรูปแบบของภาพ และรูปแบบการแสดงอะไรประมาณนี้ ซึ่งมี 2 อย่างที่แตกต่างกัน จริงๆ เราเลียนแบบเขานะในเรื่องการผลิตเราก็เลียนแบบเขาอยู่ แต่ยังไงของเราก็ยังขายคนไทยได้อยู่ดี"

"เพราะกลุ่มคนดูมีหลายกลุ่ม มันวัดชัดเจนไม่ได้ของไทยคนชอบก็เยอะ ยังไงก็กลืนของไทยไม่ได้หรอกครับ"


กำลังโหลดความคิดเห็น