นอกจากถูกพูดถึงอย่างมากในบท "ท้าวศรีสุดาจัน" ที่ค่อนข้างจะร้อนแรงแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง "The King Maker" หรือ "กบฏท้าวศรีสุดาจัน" ที่กำกับโดย "เล็ก สมชาย กิตติพราภรณ์" ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของนักแสดงที่ขนเอาขบวนทัพลูกครึ่งมาเล่นหนังที่เน้นวัฒนธรรมไทยมากจนล้นจอ
เล่นยกกันมาทั้ง ซินดี้, ไบรอน, อั๋น โอลิเวอร์ พูพาร์ท, โย ยศวดี ฯลฯ ในขณะที่คอนเซ็ปต์ของหนังก็แปลกๆ เพราะผู้กำกับยืนยันว่าไม่ใช่หนังประวัติศาสตร์ไทยแต่ต้องการขายความเจริญของวัฒนธรรมไทย
"การที่เอานักแสดงหลายคนที่เป็นลูกครึ่ง อย่างคุณซินดี้ที่มารับบทเป็นมาเรีย หรือแม้แต่ไบรอน หลายคนจะมองว่าทำไมเอาลูกครึ่งมาเล่นหนังไทยเพราะหนังเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติที่เกิดจากความผูกพันของคนสองคนที่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนไทย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ"
"แล้วคนมักจะคิดว่าเป็นหนังประวัติศาสตร์ แต่ผมว่าหนังก็คือหนัง เอนเตอร์เทน ดูแล้วสนุกแค่นี้เอง ผมเน้นอย่างนี้ หนังผมไม่มีโป๊เลยมันเป็นคาแร็กเตอร์ของคนไม่ใช่เพื่อโป๊ เป็นหนังที่เด็กก็ดูได้ ผมเน้นที่เจริญ ยิ่งใหญ่ ความสวยงามของพระราชวัง วัฒนธรรม รับรองว่าดูแล้วสนุก"
ไม้เว้นแม้แต่โปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษ "เดวิด วินเทอร์ส" ที่อาจจะไม่ค่อยเข้าใจในวัฒนธรรมไทยเท่าไหร่นัก
"ผมหายไป 20 ปี เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องสงครามกับความรัก เหตุผลที่ผมเลิกคือจุดใหญ่แล้วทำหนังนี่มันเหนื่อย เพียงแต่ว่าที่กลับมาก็เพราะว่าหนึ่งเลยผมเจอทางทีมงานเดวิด เขาก็มีประสบการณ์แล้วก็มีทางคุณปื๊ด คิดว่าจะทีมงานต่างๆ นานาเข้ามาช่วย ไม่ต้องเหนื่อยเยอะ ก็เลยโอเค แล้วพอดีบทที่ผมทำไปให้เดวิดเขาก็รีเซตจากที่ฮอลลีวูดเลยเริ่มทำ"
"การทำหนังคือการสร้าง ทุกคนดูต้องเข้าใจหมด ไม่ใช่ว่าเป็นวัฒนธรรมแล้วคนอื่นจะไม่เข้าใจ แต่มันเป็นเลิฟสตอรี่ที่เกิดขึ้นในอยุธยาสมัยนั้น อยู่ที่ว่ามุมมองทางฮอลลีวูดเขาจะว่ายังไงกับบางอย่างในการเดินสตอรี่อย่างนี้ ความกระชับของหนัง เพราะฉะนั้นการบอกเรื่อง หน้าที่คือการบอกเล่าเรื่องของผม คือให้มันเร็วและก็สนุกที่สุด"
เป้าหมายสำคัญคือความต้องการให้คนดูมีอารมณ์ร่วมทั้งสนุก รัก เกลียดไปกับหนังเรื่องนี้
"นี่คือเป้าหมายของผมคือดูแล้วสนุกแล้วก็เอนเตอร์เทนแล้วก็ตื่นเต้น ที่ผมเน้นจุดนี้ก็คือว่าคนดูจะต้องสามารถที่จะหลงรักคาแร็กเตอร์แต่ละคนให้ได้ แล้วจะต้องเกลียดกับคาแร็กเตอร์บางอย่างให้ได้ ร้องไห้ก็ต้องร้องด้วย"
แอบหวั่นใจกลัวหนังไม่ตรงใจคนดู...
"ไม่มีกังวลนะ เพียงแต่ว่าออกมาแล้วกังวลว่าคนดูจะชอบแค่ไหนมากกว่า เดินออกมาแล้วเขาจะแฮปปี้แค่ไหน ผมให้ความบันเทิงเขาพอควรมั้ย ผมบอกสตอรี่ให้เขาเข้าใจมั้ย คาแร็กเตอร์พูดไปกินใจคนหรือเปล่ามากกว่าครับ"
