หลังจากที่นัดขึ้นฟ้องกับนิตยสารกอสซิปสตาร์ไปยังไม่ทันไร อดีตนางสาวไทยและดาราชื่อดัง ก็ตกเป็นข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อเจ้าอาวาสเมืองลพบุรี เข้าร้องเรียนว่า "เอ้ ชุติมา นัยนา" เบี้ยวไม่ไปงานทอดกฐิน ทำให้วัดเสียหายเพราะขึ้นป้ายหราว่านักแสดงชื่อดังจะเดินทางไป ทั้งนี้ยังหาวงดนตรีไว้เล่นรวมมูลค่าเสียหายกว่า 3 แสนบาท ในขณะที่นักแสดงสาวเปิดแถลงข่าวยันไม่เคยนัดวัน พร้อมเตรียมโต้พระในรายการ "ถึงลูกถึงคน" คืนนี้
ทั้งนี้ "เอ้ ชุติมา" พร้อมด้วยเพื่อนอีก 3 คน ได้แก่ทัดทรวง มณีจันทร์, กรองทอง เลิศเศรษฐการ และอรรถพร วีรวัฒน์ ร่วมแถลงข่าวพร้อมกันที่ร้าน E-pa ของเอ้ย่านถนนเกษตรนวมินทร์ ยืนยันว่าเคยตกลงกับเจ้าอาวาสมาแล้วว่าจะไปปีหน้า แต่ไม่เคยกำหนดว่าเป็นเดือนตุลาคม ยันกินเจอยู่ไม่พูดโกหก ย้ำรู้สึกเสียศรัทธามาก ลั่นไม่ทำบุญกับวัดอีกแล้ว
“จริงๆ แล้วเอ้ไปทำบุญกับแม่ชี ซึ่งเค้าก็บอกว่าขึ้นตรงกับวัดนี้ แต่ก็ได้คุยกับเจ้าอาวาสชื่อสุริยันต์ เค้าก็บอกเอ้ว่ากำลังจะสร้างศาลาการเปรียญ ซึ่งเอ้ก็เอากฐินไปทอดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เอาทุนไปแจกเด็ก เอาคณะตลกเตะบอล พัดลม 40 ตัว ตู้เย็น ทีวีสี หม้อหุงข้าว เพื่อให้ทางวัดจัดเรื่องสอยดาว ตอนนั้นก็เรียบร้อยดี ไม่มีปัญหา ได้เงินเข้าวัด 3 แสนกว่าบาท ทางเราก็บอกว่าจะทอดกฐินมาอีก แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปทำบุญวันที่ 23 ต.ค.”
“ยังไม่มีการร่างรายชื่อ ทางวัดก็ไม่ได้ให้ตราวัดมาปั๊ม แต่เอ้เคยบอกว่าอาจจะไปเดือน พ.ย.หรือธันวา พอดีว่าช่วงต.ค.ฝนตกหนักมาก ไม่อยากให้นักแสดงเป็นอันตราย เอ้ก็เลยบอกไปว่าขอเป็นช่วงมี.ค.ปีหน้า เอ้ไม่เคยรับปาก ไม่เคยกำหนด เราทำทุกอย่างทุกอย่างด้วยใจ ไม่ได้อะไรเลย ไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเลย เอ้ไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุกับดารา พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นต่อไปคงไม่มีใครทำบุญกับวัดนี้แล้วและเสียใจที่ไม่เคยเห็นพระออกมาเรียกร้องเงินทำบุญมาก่อน”
ด้านนายอรรถพร เพื่อนของดาราสาวชื่อดังซึ่งเคยไปทำบุญร่วมกัน กล่าวเสริมว่าตนก็ไม่เคยกระแทกโทรศัพท์ใส่พระแต่อย่างใด พร้อมทั้งปฏิเสธแทนเอ้ว่าไม่ใช่หนีการติดต่อแต่เป็นเพราะต้องถ่ายละครและต้องดูและกิจการ และไม่เชื่อว่าจะเสียค่าใช้จ่ายถึง 3 แสนบาท
“ผมไม่เข้าใจทำไมท่านจะต้องรีบร้อน ระยะห่างแค่ 5 - 6 เดือนทำไมต้องให้รีบทอดกฐินทำบุญคราวก่อนต้องมีตรายางมาให้ แต่ตรงนี้ไม่มีขั้นตอนตรงนี้แล้วจะเรียกว่าเราไปรับปากเค้าได้ยังไง ที่ท่านบอกว่าผมกระแทกหูโทรศัพท์ใส่ท่าน ผมไม่เคยทำ แต่ที่ผ่านมาที่เอ้ไม่ได้รับโทรศัพท์เพราะเอ้ติดถ่ายละคร ถ่ายเสร็จก็มาเฝ้าร้านตี 2 ตี 3 ก็ชี้แจงไปแล้วว่าเราไม่ว่าง แต่หลวงพี่บอกว่า ขึ้นคัทเอ้าท์ไปแล้ว”
“เรื่องจ้างวงดนตรี อาจารย์อ้างว่าใช้เงินไป 3 – 4 แสนบาท ตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าคิดกันไปเองรึป่าว เพราะค่าจ้างวงดนตรีจริงๆ ก็แค่ไม่กี่หมื่นบาท การจ้างต้องวางมัดจำก่อน ถ้าไม่ถึงวันแสดงจริงก็ไม่น่าจะถึง 3 - 4 แสนบาท บอกตามตรงว่าผมเสียความศรัทธามากๆ”
“ผมไม่เชื่อ หรอกว่าหลายแสน ก่อนมีข่าวออกมาผมบอกกับหลวงพี่แล้ว เพราะมีข่าวว่าหลวงพี่จะเข้ามาร้องเรียนที่ข่าวสด เราก็เตือนว่าคนที่จะทำบุญต้องเกิดจากความศรัทธา หลวงพี่ทำแบบนี้ได้รับอะไร เอ้เค้าตั้งใจมาทำบุญนะ ทำไมหลวงพี่ต้องมาบังคับกันขนาดนี้”
ทำท่าจะบานปลายเรื่องราวใหญ่โตไปกันใหญ่ แต่เมื่อถามเอ้ก็ยืนยันว่ายังเคารพในความเป็นพระและยืนยันว่าไม่เคยพูดกับพระว่าชิวชิว เรื่องเริ่มใหญ่โตเมื่อจะออกถึงลูกถึงคนคืนนี้โดยเอ้จะนำเพื่อนฝูงไปร่วมชี้แจงด้วย
“เอ้ไม่เคยพูด เอ้จะพูดชิวชิวกับพระกับเจ้าได้ยังไง เอ้เป็นผู้หญิงนะ เอ้ชอบวิปัสสนา เอ้ชอบนั่งสมาธิ ไม่เคยคุยกับพระอย่างนั้น ที่ผ่านมาเอ้ไม่ได้หลบหน้า และก็ไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ เอ้คุยกับหลวงพี่แล้ว ขอเลื่อนวันไปแล้ว คิดว่าเป็นเรื่องของการเข้าใจผิดมากกว่า เพราะเอ้อยู่ถ่ายละครและเฝ้าร้านจนดึก ท่านอาจจะติดต่อเอ้ลำบาก”
“ปกติเอ้เป็นคนทำบุญเยอะมาก ไม่เคยสร้างภาพ ทำบุญตั้งหลายที่แต่นักข่าวไม่เคยรู้ ตอนนี้ไม่อยากทำบุญกับวัดแล้ว อยากไปทำบุญกับพวกเด็กพิการมากกว่า หลังจากข่าวออกไปก็มีคนโทรเข้ามาเยอะ ตอนนี้เอ้ก็มีซองผ้าป่าเยอะ เอ้ก็เป็นประธานบ้าง รองประธานบ้างหลายวัดแต่ตอนนี้ไม่กล้าแจกซองแล้ว ไม่อยากทำบุญกับวัดแล้ว”
“เรื่องพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ เอ้นับถืออยู่แล้วด้วยใจ เคารพอยู่แล้ว เจอข่าวขนาดนี้ไม่ให้แถลงข่าวได้ไง ตัวเอ้เองก็กินเจด้วยตอนนี้ เอ้ไม่มุสาแน่นอน ช่วงนี้ก็ทำบุญเยอะๆ ชีวิตจะได้ดีขึ้นมาบ้าง ถ้าอยากรู้อะไรมากกว่านี้จะไปออกถึงเรื่องถึงลูกถึงคนกับเพื่อนชี้แจงค่ะคืนนี้”
นี่คงกลายเป็นศึกสงครามระหว่างพระและฆราวาสที่อาจจะเป็นภาพที่ไม่น่าดูนักเมื่อนำเรื่องศาสนาขึ้นมาถกเถียงกัน ฝ่ายรายการถึงลูกถึงคนค่ำคืนนี้จะจบลงอย่างไรก็ยากเกินคาดเดา หากแต่เป็นภาพที่พุทธศาสนิกชนอย่างเราๆ คงไม่อยากให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน...