ยังคงน่าเป็นห่วงอยู่สำหรับอาการป่วยของ "ตี้ กรรมาชน" (กิติพงษ์ บุญประสิทธิ์) คนเพลงเพื่อชีวิตตัวจริงคนหนึ่งของบ้านเราหลังเจ้าตัวถูกพาส่งโรงพยาบาลศิริราชในช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่มของคืนวันเสาร์ที่ 24 กันยายนที่ผ่านมาเพราะมีการปวดหัวก่อนที่ทางแพทย์จะนำตัวเข้าห้องไอซียูเป็นการด่วนเนื่องจากเส้นเลือดในสมองนั้นโป่งพองและแตก
สำหรับอาการหลังการผ่าตัดและดูดเอาเลือดออกไปแล้ว ในช่วงเช้าที่ผ่านของวันนี้ (27 กันยายน) เมื่อมาสอบถามไปยัง "น.พ.ธานินทร์" หนึ่งคนสนิทที่เฝ้าดูแล "ตี้ กรรมาชน" อย่างใกล้ชิดบอกว่า ในตอนนี้อาการยังถือว่าน่าเป็นห่วงสมองบางส่วนเสียหายซึ่งตอนนี้เจ้าตัวอยู่ได้ก็ด้วยกำลังใจเท่านั้น
"ตอนนี้อาการยังทรงอยู่ครับ ก็คือมันเป็นเส้นเลือดโป่งพอง เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่อยู่ที่สมองซีกขวาแล้วก็เป็นอาการที่มันเป็นความปกติไม่รู้ตัวมาก่อน อาการหลังจากที่เจาะเอาเลือดออกแล้วทางคณะแพทย์ก็บอกว่ามันมีความรุนแรงมาก สมองบางส่วนเสีย ตอนนี้ก็ต้องบอกว่าโคม่า ยังใช้เครื่องข่วยหายใจ"
"คือตั้งแต่เมื่อวานวันจันทร์ก็อยู่ในเกณฑ์ที่มันยังไม่ดีเลวลงและดีขึ้น แต่ถ้าถามถึงความหวัง คือทางการแพทย์ก็ต้องบอกว่ามีความหวังค่อนข้างจะน้อย ตอนนี้ก็ประคองไป ยังชีพไปเพราะมันไม่มียาที่จะทำให้สมองส่วนที่เสียมันฟื้นขึ้นมา พูดกันง่ายๆ นะครับตอนนี้ก็คือก็ต้องอาศัยกำลังใจอย่างเดียวเลย"
ถามถึงสาเหตุของการเจ็บป่วยนพ.ธานินทร์บอกว่าต้องถือเป็นความโชคร้ายของผู้ที่เป็นเพราะบอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันจะเกิดขึ้นกับใคร
"คือเส้นเลือดมันมีความผิดปกติซึ่งไม่รู้ว่ามันจะเกิดกับใคร มันเป็นความผิดปกติที่อยู่กับตี้มานานแล้ว คือมันเหมือนท่อยางนั่นแหละ ท่อยางที่มีความหนาเท่ากันแต่มันมีอยู่จุดหนึ่งที่มันบางกว่าส่วนอื่นๆ พอมีน้ำวิ่งผ่านตรงที่บางก็โป่งออกมา ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ มันก็ยิ่งใหญ่ขึ้น มันอยู่อย่างนี้มานาน เหมือนระเบิดเวลา แต่กับตี้มันเร็วไปหน่อยเพราะอายุเขายังน้อย แค่ 50 เอง"
"อย่างตี้ตอนที่ไปโรงพยาบาลอาการมันยังไม่ได้แสดงอะไรมากมายคือแค่ปวดหัว มาปรากฏชัดสัก 5 ทุ่มเที่ยงคืนว่าเส้นเลือดมันแตก ทางแพทย์ก็เอ็กซเรย์และก็รักษาตามกระบวนการก็คือดูดเอาเลือดออกมาเพื่อรักษาชีวิตไว้ก่อน"
"ตอนนี้ก็มีพื่อนๆ ทยอยมาเยี่ยมตั้งแต่วันอาทิตย์ก็มากันเยอะ วันนึงหลายร้อยจนแน่นห้องแล้วถ้าเพื่อนๆ ที่อยากจะมาเยี่ยมมาให้กำลังใจ ทางโรงพยาบาลจะให้เยี่ยมตอนเวลาสิบเอ็ดโมงถึงเที่ยงแล้วก็ 5 - 6 โมงเย็นครับ"
..........
"กิติพงษ์ บุญประสิทธิ์" หรือ "ตี้" (สหายแดง) เป็นหนึ่งในสมาชิกของวงดนตรีเพื่อชีวิต "กรรมาชน" ที่ก่อเกิดจากการรวมตัวกันของนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลในช่วงปลายปี พ.ศ. 2516 ที่มีเหตุการณ์ทางการเมืองกระทั่งทำให้นักศึกษาและประชาชนลุกขึ้นมาร่วมกันขับไล่เผด็จการกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันดีในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 16 ในตำแหน่งของนักร้องและมือแอคคอร์ดเดี้ยน โดยมีเพื่อนๆ สมาชิกอื่นๆ ในยุคเริ่มต้นอาทิ จิ้น(กุลศักดิ์ เรืองคงเกียรติ) หัวหน้าวงมือคีย์บอร์ด, นพ(นพพร ยศถา - เสียชีวิต), บัติ (สมบัติ ศรีสุขอัยกา)มือกลอง, เริญ (จำเริญ วัฒนศรีสิน) เบส, อี๊ด (พงษ์สันต์ ทองเนียม) เบส, บื๋อ(บุญลือ วงศ์ท้าว), เตี้ย (วิโรจน์ สิงห์อุตสาหะ) เบส- กลอง, อ๊อด(พิชัย สุธาประดิษฐ์), หมู(พลศิลป์ ศิวีระมงคล) กีตาร์, ปู่ (ปรีดา จินดานนท์ - เสียชีวิต), นิด(อมร) นักร้อง
“พี่ตี้เป็นคนพูดน้อย น่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใส แกเป็นคนที่ให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆ มาตลอด ในหมู่เพื่อนๆ เราจะรู้จักกันดีว่าใครก็แล้วแต่ที่ไปขอความช่วยเหลือพี่ตี้ไม่มีทางที่แกจะทิ้งเพื่อน แม้กระทั่งแกไปเป็นเภสัชกรอยู่ที่อยุธยาแต่แกก็ยังเหมือนเดิม เป็นที่รักของเพื่อนๆ ทุกครั้งที่มีงานการกุศล เล่นดนตรีเที่ยงคืน ค่อนคืน ยังไงพี่ตี้แกไม่เคยปฏิเสธเลย”..."สุรชัย"ในฐานะของรุ่นน้องที่สนิทกับตี้เผย
ปัจจุบัน "ตี้ กรรมาชน" แต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่นกับ "นิตยา บุญประสิทธิ์" หรือ "นิต กรรมาชน" (สหายน้อง) มีบุตร 2 คนเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง มีภาระหน้าที่หลักในการดูแลเด็กๆ ใน โรงเรียนสุนทรวิทยาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในโครงการ “เรียนรู้กู้บ้านเกิด” ที่เป็นลูกหลานชาวไทยภูเขา เผ่าม้ง ลัวะ และผู้ยวนกว่าครึ่งร้อยชีวิตอาศัยอยู่
นิตในฐานะของครูใหญ่ของโรงเรียนดังกล่าวบอกว่า แม้ภาระนี้ (อาทิ ค่าข้าวที่ตกเดือนละกว่า 50,000 บาท) จะหนักหนาขนาดไหนแต่ก็เป็นสิ่งที่เธอและสามีต้องทำเพื่อเป็นการตอบแทนบรรดาชาวดอยที่เคยดูแลเธอและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในอดีตเมื่อเหตุการณ์เดือนตุลาฯ 2519 และความปรารถนาที่จะให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิชาการรวมถึงด้านศิลปะและวัฒนธรรม
“หน้าที่รับผิดชอบที่พวกผม บรรดาเพื่อนๆ ต้องสานต่อกันต่อไปคือ สมัยที่พี่ตี้เข้าป่าไปนั้นพี่ตี้มีเพื่อนอยู่ในสนามรบเป็นพวกม้ง ชาวเขาเยอะมาก พอพี่ตี้ออกจากป่ามาได้ก็สบายขึ้น พอแกสบายแกก็ไปรับลูกๆ หลานชาวม้งเพื่อนแกตอนอยู่ในป่ามาเลี้ยง ส่งให้เรียนหนังสือ เป็น 100 คนเลยนะ ซึ่งตรงนี้เราคงต้องช่วยเหลือกันต่อไป ถือว่าพี่ตี้แกรับภาระตรงนี้มาหนักมากแล้ว ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของพวกผมที่ต้องสานต่อให้แก”
บทเพลงของตี้ทั้งในฐานของกรรมาชนรวมถึงที่ทำงานเดี่ยวมีมากมายซึ่งนอกจากจะเป็นบทเพลงแห่งการต่อสู้แล้วยังเป็นเพลงที่ให้กำลังใจกับมวลชนได้เป็นอย่างดี อาทิ อัลบั้ม "ถนนดนตรี" ที่มีเพลงอย่าง พลังใจ, ระบำรวงข้าว, จันทร์เสี้ยวเกี่ยวดาว ฯลฯ รวมทั้งงานในอัลบั้มอย่าง "บทเพลงแลกข้าว" ที่นำเอาเด็กๆ ในโรงเรียนสุนทรวิทยามาร้อง
"พี่ตี้เป็นคนที่เข้มแข็งมาก ไม่เคยป่วยกระเสาะกระแสะพอมาเป็นแบบนี้รู้สึกตกใจ ในหมู่เพื่อนๆ ยกให้แกเป็นฮีโร่อยู่แล้วเพราะแกเป็นผู้ชายเต็มร้อยจริงๆ เล่นดนตรีนานแค่ไหนพี่ตี้ก็กระชุ่มกระชวยอยู่ตลอดไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้”
"ตอนนี้เราปรึกษาหารือกันว่าเราจะพาพี่ตี้กลับบ้าน โดยมีน้าหมู พงษ์เทพ เป็นแกนนำ เราจะร่วมอธิษฐานให้พี่ตี้หาย รอปาฏิหาริย์ให้พี่ตี้ฟื้น ไม่อยากให้พี่แกนอนนิ่งๆ แบบนี้ครับ”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “นิด กรรมาชน” ภรรยา "ตี้ กรรมาชน" ให้สัมภาษณ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ตี้ กรรมาชน"เส้นเลือดสมองแตก - “นิด กรรมาชน” ขอพลังใจยื้อชีวิต
สำหรับอาการหลังการผ่าตัดและดูดเอาเลือดออกไปแล้ว ในช่วงเช้าที่ผ่านของวันนี้ (27 กันยายน) เมื่อมาสอบถามไปยัง "น.พ.ธานินทร์" หนึ่งคนสนิทที่เฝ้าดูแล "ตี้ กรรมาชน" อย่างใกล้ชิดบอกว่า ในตอนนี้อาการยังถือว่าน่าเป็นห่วงสมองบางส่วนเสียหายซึ่งตอนนี้เจ้าตัวอยู่ได้ก็ด้วยกำลังใจเท่านั้น
"ตอนนี้อาการยังทรงอยู่ครับ ก็คือมันเป็นเส้นเลือดโป่งพอง เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่อยู่ที่สมองซีกขวาแล้วก็เป็นอาการที่มันเป็นความปกติไม่รู้ตัวมาก่อน อาการหลังจากที่เจาะเอาเลือดออกแล้วทางคณะแพทย์ก็บอกว่ามันมีความรุนแรงมาก สมองบางส่วนเสีย ตอนนี้ก็ต้องบอกว่าโคม่า ยังใช้เครื่องข่วยหายใจ"
"คือตั้งแต่เมื่อวานวันจันทร์ก็อยู่ในเกณฑ์ที่มันยังไม่ดีเลวลงและดีขึ้น แต่ถ้าถามถึงความหวัง คือทางการแพทย์ก็ต้องบอกว่ามีความหวังค่อนข้างจะน้อย ตอนนี้ก็ประคองไป ยังชีพไปเพราะมันไม่มียาที่จะทำให้สมองส่วนที่เสียมันฟื้นขึ้นมา พูดกันง่ายๆ นะครับตอนนี้ก็คือก็ต้องอาศัยกำลังใจอย่างเดียวเลย"
ถามถึงสาเหตุของการเจ็บป่วยนพ.ธานินทร์บอกว่าต้องถือเป็นความโชคร้ายของผู้ที่เป็นเพราะบอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันจะเกิดขึ้นกับใคร
"คือเส้นเลือดมันมีความผิดปกติซึ่งไม่รู้ว่ามันจะเกิดกับใคร มันเป็นความผิดปกติที่อยู่กับตี้มานานแล้ว คือมันเหมือนท่อยางนั่นแหละ ท่อยางที่มีความหนาเท่ากันแต่มันมีอยู่จุดหนึ่งที่มันบางกว่าส่วนอื่นๆ พอมีน้ำวิ่งผ่านตรงที่บางก็โป่งออกมา ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ มันก็ยิ่งใหญ่ขึ้น มันอยู่อย่างนี้มานาน เหมือนระเบิดเวลา แต่กับตี้มันเร็วไปหน่อยเพราะอายุเขายังน้อย แค่ 50 เอง"
"อย่างตี้ตอนที่ไปโรงพยาบาลอาการมันยังไม่ได้แสดงอะไรมากมายคือแค่ปวดหัว มาปรากฏชัดสัก 5 ทุ่มเที่ยงคืนว่าเส้นเลือดมันแตก ทางแพทย์ก็เอ็กซเรย์และก็รักษาตามกระบวนการก็คือดูดเอาเลือดออกมาเพื่อรักษาชีวิตไว้ก่อน"
"ตอนนี้ก็มีพื่อนๆ ทยอยมาเยี่ยมตั้งแต่วันอาทิตย์ก็มากันเยอะ วันนึงหลายร้อยจนแน่นห้องแล้วถ้าเพื่อนๆ ที่อยากจะมาเยี่ยมมาให้กำลังใจ ทางโรงพยาบาลจะให้เยี่ยมตอนเวลาสิบเอ็ดโมงถึงเที่ยงแล้วก็ 5 - 6 โมงเย็นครับ"
..........
"กิติพงษ์ บุญประสิทธิ์" หรือ "ตี้" (สหายแดง) เป็นหนึ่งในสมาชิกของวงดนตรีเพื่อชีวิต "กรรมาชน" ที่ก่อเกิดจากการรวมตัวกันของนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลในช่วงปลายปี พ.ศ. 2516 ที่มีเหตุการณ์ทางการเมืองกระทั่งทำให้นักศึกษาและประชาชนลุกขึ้นมาร่วมกันขับไล่เผด็จการกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันดีในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 16 ในตำแหน่งของนักร้องและมือแอคคอร์ดเดี้ยน โดยมีเพื่อนๆ สมาชิกอื่นๆ ในยุคเริ่มต้นอาทิ จิ้น(กุลศักดิ์ เรืองคงเกียรติ) หัวหน้าวงมือคีย์บอร์ด, นพ(นพพร ยศถา - เสียชีวิต), บัติ (สมบัติ ศรีสุขอัยกา)มือกลอง, เริญ (จำเริญ วัฒนศรีสิน) เบส, อี๊ด (พงษ์สันต์ ทองเนียม) เบส, บื๋อ(บุญลือ วงศ์ท้าว), เตี้ย (วิโรจน์ สิงห์อุตสาหะ) เบส- กลอง, อ๊อด(พิชัย สุธาประดิษฐ์), หมู(พลศิลป์ ศิวีระมงคล) กีตาร์, ปู่ (ปรีดา จินดานนท์ - เสียชีวิต), นิด(อมร) นักร้อง
“พี่ตี้เป็นคนพูดน้อย น่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใส แกเป็นคนที่ให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆ มาตลอด ในหมู่เพื่อนๆ เราจะรู้จักกันดีว่าใครก็แล้วแต่ที่ไปขอความช่วยเหลือพี่ตี้ไม่มีทางที่แกจะทิ้งเพื่อน แม้กระทั่งแกไปเป็นเภสัชกรอยู่ที่อยุธยาแต่แกก็ยังเหมือนเดิม เป็นที่รักของเพื่อนๆ ทุกครั้งที่มีงานการกุศล เล่นดนตรีเที่ยงคืน ค่อนคืน ยังไงพี่ตี้แกไม่เคยปฏิเสธเลย”..."สุรชัย"ในฐานะของรุ่นน้องที่สนิทกับตี้เผย
ปัจจุบัน "ตี้ กรรมาชน" แต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่นกับ "นิตยา บุญประสิทธิ์" หรือ "นิต กรรมาชน" (สหายน้อง) มีบุตร 2 คนเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง มีภาระหน้าที่หลักในการดูแลเด็กๆ ใน โรงเรียนสุนทรวิทยาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในโครงการ “เรียนรู้กู้บ้านเกิด” ที่เป็นลูกหลานชาวไทยภูเขา เผ่าม้ง ลัวะ และผู้ยวนกว่าครึ่งร้อยชีวิตอาศัยอยู่
นิตในฐานะของครูใหญ่ของโรงเรียนดังกล่าวบอกว่า แม้ภาระนี้ (อาทิ ค่าข้าวที่ตกเดือนละกว่า 50,000 บาท) จะหนักหนาขนาดไหนแต่ก็เป็นสิ่งที่เธอและสามีต้องทำเพื่อเป็นการตอบแทนบรรดาชาวดอยที่เคยดูแลเธอและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในอดีตเมื่อเหตุการณ์เดือนตุลาฯ 2519 และความปรารถนาที่จะให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิชาการรวมถึงด้านศิลปะและวัฒนธรรม
“หน้าที่รับผิดชอบที่พวกผม บรรดาเพื่อนๆ ต้องสานต่อกันต่อไปคือ สมัยที่พี่ตี้เข้าป่าไปนั้นพี่ตี้มีเพื่อนอยู่ในสนามรบเป็นพวกม้ง ชาวเขาเยอะมาก พอพี่ตี้ออกจากป่ามาได้ก็สบายขึ้น พอแกสบายแกก็ไปรับลูกๆ หลานชาวม้งเพื่อนแกตอนอยู่ในป่ามาเลี้ยง ส่งให้เรียนหนังสือ เป็น 100 คนเลยนะ ซึ่งตรงนี้เราคงต้องช่วยเหลือกันต่อไป ถือว่าพี่ตี้แกรับภาระตรงนี้มาหนักมากแล้ว ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของพวกผมที่ต้องสานต่อให้แก”
บทเพลงของตี้ทั้งในฐานของกรรมาชนรวมถึงที่ทำงานเดี่ยวมีมากมายซึ่งนอกจากจะเป็นบทเพลงแห่งการต่อสู้แล้วยังเป็นเพลงที่ให้กำลังใจกับมวลชนได้เป็นอย่างดี อาทิ อัลบั้ม "ถนนดนตรี" ที่มีเพลงอย่าง พลังใจ, ระบำรวงข้าว, จันทร์เสี้ยวเกี่ยวดาว ฯลฯ รวมทั้งงานในอัลบั้มอย่าง "บทเพลงแลกข้าว" ที่นำเอาเด็กๆ ในโรงเรียนสุนทรวิทยามาร้อง
"พี่ตี้เป็นคนที่เข้มแข็งมาก ไม่เคยป่วยกระเสาะกระแสะพอมาเป็นแบบนี้รู้สึกตกใจ ในหมู่เพื่อนๆ ยกให้แกเป็นฮีโร่อยู่แล้วเพราะแกเป็นผู้ชายเต็มร้อยจริงๆ เล่นดนตรีนานแค่ไหนพี่ตี้ก็กระชุ่มกระชวยอยู่ตลอดไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้”
"ตอนนี้เราปรึกษาหารือกันว่าเราจะพาพี่ตี้กลับบ้าน โดยมีน้าหมู พงษ์เทพ เป็นแกนนำ เราจะร่วมอธิษฐานให้พี่ตี้หาย รอปาฏิหาริย์ให้พี่ตี้ฟื้น ไม่อยากให้พี่แกนอนนิ่งๆ แบบนี้ครับ”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “นิด กรรมาชน” ภรรยา "ตี้ กรรมาชน" ให้สัมภาษณ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ตี้ กรรมาชน"เส้นเลือดสมองแตก - “นิด กรรมาชน” ขอพลังใจยื้อชีวิต