ภาพยนตร์เรื่อง "The King Maker" หรือ "กบฏท้าวศรีสุดาจัน" ที่กำกับโดย "เล็ก สมชาย กิตติพราภรณ์" ถูกพูดถึงอย่างมากในบท "ท้าวศรีสุดาจัน" ที่ค่อนข้างจะร้อนแรง ยิ่งได้นางแบบสาวเซ็กซี่ "โย ยศวดี" มาโชว์ลีลาความเร่าร้อนในบทเลิฟซีนด้วยแล้ว ยิ่งตอกย้ำว่าหนังคงหวือหวาไม่น้อย
ก่อนหน้านี้มีการพูดว่าหนังเรื่องนี้จะทำเป็น 2 เวอร์ชั่น เป็นฉบับไทยและฉบับที่จะแพร่ภาพต่างประเทศที่คาดว่าจะร้อนแรงมากกว่า แต่ได้รับการเปิดเผยจากผู้กำกับว่าจะมีเพียงเวอร์ชั่นเดียวและจะไม่เน้นฉากเลิฟซีนเดี๋ยวจะกลายเป็นเรตเอ็กซ์ไป
“อันนี้เป็นพล็อตต่างประเทศจะประสบความสำเร็จคงอยู่ที่อเมริกา ตลาดไทย 2% เอง ตอนนี้กำลังคุยกันอยู่ว่าจะฉายพร้อมกันหรือเปล่า ก็มีหลายฉากที่กังวลว่าคนดูจะว่ายังไงบ้าง แค่อยากให้คนดูสนุกทุกอย่างมันคงไม่ 100% ไม่ได้คาดหวังรายได้ที่เมืองไทยเลย คาดหวังที่อเมริกามากกว่า”
“หนังอันนี้ไม่มีหลายเวอร์ชั่น ไม่มีโป๊ ไม่มีเปลือยอะไรทั้งสิ้น หนังมันหวือหวาอยู่แล้ว คนไทยดูหรือฝรั่งดูก็เหมือนกันเราเลยไม่มีการแยกเวอร์ชั่น หนังมันไม่มีอะไร พูดจริงๆ แค่สนุก ไม่ได้เน้นเลิฟซีน จริงๆ จะถ่ายให้โป๊มากกว่านี้แต่นี่แค่เห็นข้างหลังและข้างหน้านิดนึง ผมไม่อยากให้หนังเป็นเรตเอ็กซ์”
เป็นผลงานการสร้างของ "เดวิด วินเตอร์ส" อดีตดาราฮอลลีวู้ดชื่อดัง และเพื่อให้หนังอยู่ภายใน 90 นาที ถึงกับต้องตัดบทออกไปถึง 130 หน้า
“ผมตัดจนไม่รู้จะตัดอย่างไง ก่อนจะถ่ายก็ปรับบทอีกเพราะมัน 130 หน้า ผมดึงคาแร็กเตอร์ออกไปเลยในนี้ก็จะมีไม่คาแร็กเตอร์ของจีน ตัดไป 15 หน้าถ้าสังเกตดู เพราะหนังมันยาวแล้ว ซินดี้เจอกับขุนนางจีนอีกมันจะมีฝรั่ง ญี่ปุ่น ที่จริงจะมีจีนอีกคาแร็กเตอร์นึงด้วย"
“ก็อยากทำยาวแต่เดวิดบอกไม่เป็นไร 90 นาทีพอ ก็จะมีเอเชียนิดหน่อยฝรั่งจะมากกว่า ญี่ปุ่นก็นิดนึง หนังเรื่องนี้จะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่จะมีดราฟท์ภาษาไทยให้ตัวนักแสดงเขามาดราฟท์เอง ผมก็พยายามทำให้ดีที่สุด"
ได้ทีม "ปี๊ด ธนิตย์ จิตนุกูล" มาทำหน้าที่ดูแลการผลิต ทุ่มงบกว่า 280 ล้านเพื่อให้หนังอลังการงานสร้างที่สุด
“หนังดีขึ้นเยอะทีมงานผมมีเดวิดคนเดียวที่เป็นฝรั่ง นอกนั้นเป็นคนไทยหมด ลงทุนไป 280 ล้าน เพราะมันต้องลงทุนทั้งฉาก ดารา โปรดักชั่นทุกอย่างมันเป็นตัวเลขหมดไม่ใช่ง่ายๆ มันเป็นหนังแพงพูดอย่างนี้ดีกว่า แต่ถ้าผมไปฮอลลีวู้ดไม่ต้องพูดเลยฉากนึงก็ 20 ล้านแล้ว”
“แล้วจะมีทีมของปี๊ดที่เข้ามาดูทุกอย่าง ผมเหนื่อยเกินไปก็เลยเอาคนที่มีประสบการณ์มาช่วยดีกว่า โลเกชั่นจะใช้ทั่วไปหมดเลยทั้งสระบุรี เมืองโบราณ ถ้าออกไปแล้วจะทำให้คนต่างประเทศอยากมาเที่ยวเมืองไทยเยอะขึ้น ก็จะเป็นการโปรโมทไปในตัว”
ส่วนคนดูจะเอาไปเปรียบเทียบกับหนัง "สุริโยไท" ของ "ท่านมุ้ย" หรือเปล่า? ตรงนี้ผู้กำกับบอกมันคนละเรื่องกัน
“ถ้าคนจะเอาไปเปรียบเทียบกับสุริโยไท ผมว่ามันคนละเรื่อง หนังเรื่องนี้ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ คนจะดูรู้เรื่อง 100% ผมเป็นหนังสนุกเอนเตอร์เทนเมนท์ ดูออกมาแล้วชอบ ตัวละครตื่นเต้นดูออกมาแล้วสบายใจ แต่อาจจะมีเครียดบางตอนที่เป็นคาแร็กเตอร์ของตัวละครในด้านของโยที่จะออกมาในแนวรุนแรงครับ”