เรียกว่าตั้งแต่ประกาศวิวาห์สายฟ้าแลบกับนักแสดงสุดเซ็กซี่ “ษา วรรณษา ทองวิเศษ” พ่อหม้ายเรือพ่วง “เป้ สุรัช ทับวัง” ก็มีเรื่องให้ต้องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน ไล่ไปตั้งแต่ข่าวท้องก่อนแต่งของฝ่ายหญิง ไหนจะปัญหาแม่ยายกับลูกเขยที่ไม่ค่อยจะลงรอยกัน
ล่าสุดที่ดูจะแรงไม่เบาก็คือกระแสวิจารณ์ที่ว่าเจ้าตัวเกาะเมียกิน
โดนเม้าท์หนักขนาดนี้แทนที่หนุ่มเป้จะเครียด…กลับมองแค่เรื่องขำๆ ก่อนบอกด้วยความมั่นใจด้วยการชมตัวเองว่าเป็นคนดีคนนึง ส่วนสาเหตุที่คนส่วนใหญ่มองตนไปในทางที่ไม่ดีนั้นส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะอดีตภรรยาเคยออกมาแฉไว้นั่นเอง
“ผมว่าเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ทุกคนที่จะต้องมีทั้งคนชอบและเกลียด ผมไม่ซีเรียสใครจะด่าจะว่ายังไง ผมว่าผมเป็นคนดีคนนึง ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนโอเคแล้ว ไม่เคยซีเรียสกับข่าวเพราะเราไม่ใช่คนแย่อะไรขนาดนั้น ผมเป็นคนไม่ซีเรียสอย่างบางทีอ่านในเน็ตฯ ผมก็เฉยๆ เพราะมันไม่เป็นความจริงใช่มั้ยฮะ อ่านแล้วก็ขำดี”
ภาพลบที่คนมอง ส่วนหนึ่งคิดว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้อดีตภรรยาเคยออกมาแฉเราไว้หรือเปล่า?
“ก็อาจจะมีส่วนครับ ถามว่าแค้นมั้ย ไม่รู้สิ ผมเป็นคนไม่ค่อยโกรธใคร ผมเป็นคนโกรธคนยากนะ ผมเป็นคนอารมณ์ดีแล้วก็หัวเราะง่าย ชอบอะไรที่สนุกไม่ชอบโกรธใครเพราะมันไม่มีความสุขอ่ะ ใครจะด่าจะว่าอะไรก็เรื่องของเค้า เราอยู่ของเรามีความสุขโอเคแล้ว”
“ด้วยภาพผมร็อกๆ แต่ผมไม่ใช่คนกินเหล้าสำมะเลเทเมา บุหรี่ก็ไม่สูบเหล้าก็ไม่ทาน ในความคิดของผม ผมทำดีที่สุดแล้วฉะนั้นใครจะด่ายังไงก็เรื่องของเค้า (พอเจอข่าวหนักๆ เคยรู้สึกท้อมั้ย?) (หัวเราะก่อนตอบ)....ท้อเรื่องอะไร แต่ถ้าเราไปทำอะไรอย่างที่เค้าด่าเรา อันนั้นสิมันน่าโมโหมากกว่า แต่นี่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ถามว่าเคยคิดจะแก้ข่าวมั้ย ไม่รู้จะแก้เรื่องอะไร มันเยอะมันหลายเรื่องมากเลย ไม่รู้สิเพื่อนๆ ที่คบผมมาตั้งแต่เด็กเค้ารู้ดีว่าผมเป็นคนยังไง”
แง้มถึงชีวิตหลังแต่งงานว่าทำให้ผูกพันกันมากขึ้นแม้จะไม่ค่อยได้เจอกัน ส่วนความไม่เข้าใจระหว่างลูกเขยกับแม่ยายก็กำลังพัฒนาไปในทางที่ดี
“หลังแต่งงานมีความสุขดี มันทำให้ผูกพันมากขึ้น ทำให้เราเป็นห่วงเค้ามากขึ้นมากกว่า แต่ตอนนี้ต่างคนต่างทำงานไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ผมก็ออกต่างจังหวัดบ่อย โชคดีนิสัยเราคล้ายๆ กัน พูดอะไรก็คล้ายๆ กันก็เลยไม่ต้องปรับอะไรมาก เพียงแต่ต้องปรับความเป็นอยู่ให้มากขึ้นเท่านั้นเอง อย่างผมเป็นคนตื่นสายแล้วษาเค้าตื่นเช้า อยู่ด้วยกันแรกๆ โห...เค้าตื่นเช้ามากเลย แล้วผมเป็นคนทำงานดึกตื่นเช้าลำบาก ก็ปรับนิดหน่อย”
“กับคุณแม่ตอนนี้ก็ปกติไม่มีอะไร ผมเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งผู้ใหญ่เลยอาจจะคิดว่า เอ๊ย...มาหลอกลูกสาวเค้ารึเปล่า ท่านเลยไม่ไว้ใจ ช่วงนี้เลยเป็นช่วงดูๆ เราอยู่เหมือนกัน ซึ่งตอนนี้ผมก็ต้องทำให้ท่านเชื่อว่าสามารถเลี้ยงดูษาให้ดีอย่างที่ท่านเลี้ยงดูมาครับ การได้อยู่บ้านเดียวกัน มันทำให้เราสนิทกันมากขึ้น มีอะไรก็ได้คุยกันมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นและเค้าก็คงรู้สึกดีขึ้นด้วย”
เร่งสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อเอาชนะใจแม่ยายด้วยการเปิดร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับดนตรี
“ตอนนี้ผมเปิดกิจการขายเครื่องเสียง ลำโพงฟังเพลงอะไรพวกนี้ ทำคนเดียวครับตอนนี้ก็เริ่มได้ประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ร้านอยู่แถวบางใหญ่เป็นห้องแถวเล็กๆ เพราะเราเปิดตามกำลังที่เราจะทำได้แค่นั้นเอง ถ้าเรามีทุนเยอะๆ ก็อาจจะมีสื่อ แต่คงต้องดูกันอีกที ส่วนงานอื่นๆ ตอนนี้ยังเพราะผมมีคอนเสิร์ตเยอะมาก ก็เลยยังไม่ได้ขยับขยายทำอะไร”
“ส่วนนึงอยากให้เค้ามั่นใจว่าเราสามารถดูแลลูกสาวท่านได้ ส่วนแพลนชีวิตหลังจากนี้ผมอยากทำธุรกิจให้มันเจริญก้าวหน้า เรื่องครอบครัวก็อยากให้เดินไปพร้อมด้วย”
ถามต่อว่าการที่ษาต้องเข้าศาสนาอิสลาม…ยังจะสามารถถ่ายเซ็กซี่ได้หรือไม่ กับเรื่องนี้นายเป้บอกว่าขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
“ก็ต้องดูความเหมาะสม ถ้าเปิดมากเกินไปมันก็ไม่ได้ ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ พูดง่ายๆ เราไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร เรื่องเคร่งไม่เคร่งคือมันมีอิสลามหลายกลุ่มหลายศรัทธา แต่ผมถือในศรัทธาของผมแค่นั้นเอง พ่อแม่ผมก็ไม่ซีเรียส”
กลายเป็นคู่ที่โดนจับตามองเยอะมากทั้งเรื่องท้องก่อนแต่ง แล้วไหนจะคำปรามาทว่าไปกันไม่ยืด ตรงนี้มันกดดันเรามั้ย?
“ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่ที่พระเจ้าลิขิตมาให้เราอยู่ด้วยกันนานขนาดไหน ผมไม่ซีเรียสแต่ตอนนี้เราคุยกันรู้เรื่องทุกอย่าง เข้าใจกันทุกอย่าง ผมไม่ซีเรียสเรื่องนี้”