หลังจากทิ้งความเศร้าสลดให้กับคนทั่วโลก ด้วยข้อสันนิษฐานว่าใช้ยาเกินขนาดในการจบชีวิตตัวเองด้วยวัยเพียง 36 ปี และแม้จะผ่านพ้นมาแล้วถึง 43 ปี อัยการผู้รับผิดชอบคดีการเสียชีวิตของ "มาริลีน มอนโร" ดาราสาวที่ได้ชื่อว่าเป็น ผู้หญิงเซ็กซี่ที่สุดแห่งศตวรรษ ยังคงออกมายืนยันว่าไม่เชื่อเรื่องที่เธอพยายามฆ่าตัวตาย โดยอ้างจากหลักฐานลับของจิตแพทย์ประจําตัวของมอนโรเอง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา นาย จอห์น ดับเบิ้ลยู ไมเนอร์ อัยการประจําเขตในลอสแอนเจลิส ผู้รับหน้าที่สืบสวนกรณีการเสียชีวิตของดาราสาวคนดังเมื่อ 43 ปีที่แล้ว ออกมาให้รายละเอียดเรื่องที่เขายังคงปฏิเสธเรื่อยมา เกี่ยวกับข้อสันนิษฐานที่ว่ามอนโรฆ่าตัวตาย โดยอ้างถึงเทปลับที่ถูกบันทึกเป็นขั้นตอนในการบําบัดจาก ด็อกเตอร์ ราฟ กรีนสัน จิตแพทย์ประจําตัวของมอนโร ซึ่งภาพจากเทปก่อนวันเสียชีวิตเพียงไม่กี่วัน แสดงให้อย่างชัดเจนว่ามอนโรมิได้มีอาการเครียดหรือกลัดกลุ้มจนเป็นสาเหตุของการปลิดชีพตัวเอง แถมเธอยังระบุว่ากําลังมุ่งมั่นในงานแสดงกับการเตรียมรับบทในหนังที่ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ของเชคสเปียร์สด้วยซ้ำ
"นี่เหรอที่ว่าเป็นพฤติกรรมของคนที่เข้าข่ายกําลังจะฆ่าตัวตาย ผมเห็นว่ามันเป็นการวินิจฉัยผิดพลาดแน่ มันดูแล้วค่อนข้างจะเหลวไหลไปหน่อยนะ" ไมเนอร์ชี้ชัด
อีกทั้ง ไมเนอร์ยังอ้างว่า สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดได้ผ่านการใช้ความพยายามในการคัดลอกทุกอย่างจากเทปที่ได้มา บันทึกลงมาเป็นสําเนาอย่างละเอียดเป็นเวลานาน แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไมเนอร์ออกมากล่าวก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันได้ว่าเป็นความจริง เพราะหลังจากที่จิตแพทย์เจ้าของเทปที่ไมเนอร์อ้างถึงได้เสียชีวิตไป ก็ไม่ใครพูดถึงหรือได้เห็นเทปดังกล่าวอีกเลย"คุณเป็นเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องลึกๆเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของฉันซึ่งคนอื่นไม่เคยได้รู้...เรื่องความลับสุดยอดของ มาริลีน มอนโร ยังไงละ" หนึ่งประโยคที่มอนโรพูดกับจิตแพทย์ ซึ่งไมเนอร์อ้างว่าคัดลอกมาจากเทปลับดังกล่าว
พร้อมทั้งยังมีเรื่องที่นักแสดงสาวได้กล่าวถึงอนาคตด้านงานแสดงเอาไว้ว่ากําลังเตรียมตัวฝึกหนักเพื่อการแสดงเกี่ยวกับบทประพันธ์เรื่องเยี่ยมของเชคสเปียร์สอีกว่า "ฉันได้อ่านเรื่องของเชคสเปียร์สทั้งหมดและก็ลองฝึกตัวเองหลายๆบทพูดนะ ฉันอยากเริ่มจากการเล่นเป็นจูเลียตก่อน...อย่าหัวเราะเยาะฉันเลยน่ะ ฉันจะแต่งหน้า เลือกชุดที่เหมาะ และลองเล่นผ่านกล้องเพื่อใช้ฝีมือทั้งหมดเนรมิต จูเลียตที่มีอายุเพียง 14 ปี และบริสุทธิ์ผุดผ่องขึ้นมาให้ได้"
"ลองคิดดูซิว่าคนที่กําลังวางแผนในอนาคตแบบนี้และพูดออกมาในเทป ไม่น่าจะมีแนวโน้มฆ่าตัวตายได้เลย" ไมเนอร์ย้ำ
นอกจากนี้ ในสําเนาคัดลอกคําพูดของมอนโรจากเทปลับที่ไมเนอร์อ้าง ยังรวมไปทั้งเรื่องความรักลับๆแบบเลสเบียนระหว่างมอนโร และนักแสดงสาว โจน ครอว์ฟอร์ด อีกด้วย "คราวหน้าถ้าเจอกับครอว์ฟอร์ด เธอดูเหมือนจะอยากยุ่งกับฉันอีกสักรอบ ฉันเคยบอกให้เธอพูดออกมาตรงๆ แต่ฉันก็ไม่ค่อยชอบมีอะไรกับผู้หญิงเลยนะ"
และที่สําคัญ รวมไปถึงเรื่องที่เธอบรรยายความรู้สึกที่ต้องแยกทางกับแฟนหนุ่มทายาทตระกูลดัง โรเบิร์ต เคนเนดี้ "ในชีวิตของฉันคงไม่มีที่ให้เขาอยู่อีกต่อไปแล้ว และฉันก็ไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมันและทําให้เขาต้องเจ็บปวดอีกแน่...ฉันอยากให้มีสักคนหนึ่งที่ไปบอกเขา ว่าเรื่องของเรามันจบแล้ว และฉันก็เคยพยายามเข้าพบท่านประธานาธิบดีเพื่อให้ท่านเป็นคนบอก แต่ฉันก็เข้าไม่ถึงตัวท่าน" บทพูดจากปากของมอนโร ซึ่งไมเนอร์ย้ำกับสํานักข่าว เอบีซี ว่าคัดลอกมาจากเทป
นอกเหนือจากนี้ เรื่องราวที่ไมเนอร์อ้างไว้ทั้งหมดได้ถูกซื้อไปโดยไม่มีการระบุราคา จาก แมทธิว สมิธ โปรดิวเซอร์รายการทีวีและนักเขียนแนวการเมืองชื่อดังแห่งยุคนั้น และนํามาเรียบเรียงเป็นหนังสือโดยสมิธให้ชื่อว่า Marilyn's Last Words: Her Secret Tapes and Mysterious Death พร้อมทั้ง สมิธเองก็เคยกล่าวทํานองเดียวกันกับไมเนอร์ว่า "สาระสําคัญที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ ผมว่าเธอไม่ใช่คนที่จะฆ่าตัวตายนะ!"
อย่างไรก็ตาม หลังจากการจากไปของ มอนโร เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ปี 1962 มีผู้คนจํานวนมากยังคงไม่ปักใจเชื่อในข้อสันนิษฐานที่ว่า มอนโรใช้ยาเกินขนาดจนเป็นเหตุของการเสียชีวิต เพราะทุกคนต่างทราบดีว่า ดาราสาวขวัญใจของพวกเขาได้เข้าไปมีสัมพันธ์หนุ่มจากตระกูลเคนเนดี้ จนสร้างความไม่พอใจให้กับคนในตระกูลดัง ซึ่งเคยถูกจัดให้เป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งยุดนั้นก็ว่าได้
เรื่องแบบนี้มันพูดกันลําบากจริงๆ
