xs
xsm
sm
md
lg

"เบิร์ด วอลลุ่ม 1" มั่ว! หรือวาไรตี้?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


งานเพลงชุดใหม่ของนักร้องที่ได้ชื่อว่าเป็นระดับซูเปอร์สตาร์ของบ้านเรา

"เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์" กับอัลบั้มที่ชื่อว่า "วอลลุ่ม 1"

แทร็กแรก "โอ้ละหนอ...My Love" เพลงนี้เมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับ "แฟนจ๋า..." ซึ่งออกมาในก่อนหน้านี้ก็คงจะเหมือนกับภาพยนตร์เรื่อง "The Other" ที่ถูก "The Sixth Sense" ชิงเอาความฮือฮาไปก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกชิงเอาความตื่นเต้นไปบ้างแล้วแต่โอ้ละหนอฯ ที่ออกมาก็ไม่ช้ำมากนัก เนื้อหาน่ารัก แถมยังเก๋ไก๋เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองด้วยการหยิบเอาสำเนียงการร้องและเครื่องของดนตรีปักษ์ใต้ขึ้นมาเป็นตัวชู

แทร็กที่สอง "ไม่แข่งยิ่งแพ้" นอกจากชื่อเพลงที่ฟังดูดีมีความหมาย เอาไปพูดเท่ห์ๆ ได้แล้ว นอกนั้นแทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่ต่างอะไรมากนักกับ "นานแล้ว" ในแทร็กถัดมาถ้าไม่เอาท่อนแร็พเข้ามาผสม การร้องแบบสำเนียงไทยเดิมล้วนๆ น่าจะไพเราะกว่า

ถัดมาเป็น "อยากถามก็ตอบ" เพลง(ช้า)โปรโมต ฝีมือการเขียนของ "นิติพงษ์ ห่อนาค" เพลงนี้น่าบ่งบอกถึงความเป็น "เบิร์ด ธงไชย" ในรูปแบบและสำเนียงที่หลายๆ คนคุ้นเคยมากที่สุดในอัลบั้มชุดนี้

จาก "อยากถามก็ตอบ" เป็นต้นไปต้องบอกว่าเข้าสู่เซ็ตความค่อนข้างจะมั่วอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นดิสโก้ "ไม่เคยยิ้ม...ไม่เคยเต้น" ก่อนจะปรับอารมณ์กันแทบไม่ทันใน "Hey พอแล้ว" สำเนียงเสียงกีต้าร์บลู เช่นเดียวกับ "พอก็ยังไม่พอ"

จาก 2 เพลงบลู มาปรับอารมณ์กันอีกครั้งกับดนตรีอาร์แอนด์บีในเพลงที่ชื่อ "Belive" แล้วมาเป็นบลูอีกครั้งใน "ยังจำได้ไหม" (น่าแปลกใจว่าทำไมไม่เอามาเรียงให้เป็นเซ็ตเดียวกันไปเลย) เพลงนี้เสียงเมาท์ออร์แกนให้อารมณ์ชนบทแบบคาวบอยดีแท้แม้เนื้อหาของเพลงที่ออกมาจะไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไหร่

แทร็กที่สิบ "ให้ท่า" ฝีมือของหนุ่ม "ขันเงิน เนื้อนวล" อารมณ์คล้ายๆ กับโอ้ละหนอ...ของหนุ่มโจอี้ บอย มีความเป็นท้องถิ่นเข้ามาผสม มีทั้งเสียงที่คล้ายๆ กับพิณ - แคน ต่างกันตรงที่ของหนุ่มโจอี้ฯ จะเป็นโจ๊ะแบบเต้นรำมากกว่า ในขณะที่ของหนุ่มขันเงินนั้นยึดเอาฮิพฮอปตามแนวถนัดของตนเองเป็นแกนและไม่ใช่เพียงสำเนียงแบบพื้นบ้านของไทยเท่านั้น แต่ยังกว้างหลากหลายไปถึงระดับชาติ ระดับทวีป ตะวันตก อาหรับ เอเชีย ปนกันให้วุ่นไปหมด

จากความยาว 4 นาทีของเพลง แต่ความรู้สึกของการฟังอาจจะเหมือนกับ 7 - 8 นาที และน่าจะเป็นเพลงที่เอาไว้ฟังอย่างเดียวมากกว่าที่จะมาร้องตาม

แทร็กที่ 10 "ก่อนจะเช้า" เสียงกลองช่วงที่ส่งเข้าเนื้อร้องบวกกับซาวนด์ประกอบเหมือนกับเพลงทหารออกค่ายไปรบทัพจับศึก เพลงนี้ดนตรีกับเนื้อหาค่อนข้างจะต่างกันอย่างสุดขั้ว ประมาณว่ามีเนื้อหาแค่ 5 แค่ 6 แต่ความหลากหลายทางด้านดนตรี(ซึ่งปนกันเยอะไปหมด)รวมทั้งอารมณ์การร้องปาเข้าไป 9 - 10

ย้อนกลับไปถึงความสำเร็จและระดับของความเป็นซูเปอร์สตาร์ของชายคนนี้ที่ถูกสั่งสมขึ้นมาตั้งแต่เริ่มต้นในชุด หาดทราย สายลม สองเรา, สบาย สบาย, รับขวัญวันใหม่, พ.ศ.2501, ส.ค.ส, บูมเมอแรง, พริกขี้หนู, ธ.ธง, ขนนกและดอกไม้ กระทั่งถึง DREAM ในปี 2539 หลายเพลงจากอัลบั้มเหล่านี้ล้วนแล้วเรียกได้ว่าไพเราะระดับที่อยู่ในความทรงจำ

ในขณะที่งานของเขาถัดมาทั้ง ธงไชย เซอร์วิส (ธงไชย เซอร์วิส พิเศษ), ตู้เพลงสามัญประจำบ้าน, SMILE CLUB เหล่านี้แม้จะรูปแบบของการทำเพลงและความเป็น "เบิร์ด ธงไชย" เหมือนกับชุดที่ผ่านๆ มา แต่ถ้าถามถึงความประทับใจที่มีต่อบทเพลงที่พอจะเรียกว่าเข้าไปอยู่ในใจของคนฟังนั้นแทบจะไม่มีเอาซะเลย

เหล่านี้นี่เองที่ส่งผลให้สิ่งที่ยากที่สุดของการออกอัลบั้มของเขาในชุดต่อๆ มาจึงไม่ได้อยู่บนเงื่อนไขของความเป็นนักร้องของ "เบิร์ด ธงไชย" อย่างเดียวอีกต่อไป

โจทย์ที่ว่าถูกตีกระจุยกับงานในชุด "รับแขก" ด้วยการดึงเอานักร้องคนอื่นมาร่วมสร้างสีสัน ทั้งในส่วนของการทำเพลงอย่าง "โจอี้ บอย" รวมถึง นัท มีเรีย, จินตหรา พูนลาภ, แคท แคทรียา ซึ่งแม้จะคล้ายกับกับอัลบั้ม "ขนนกกับดอกไม้" ของเขาที่มี 5 นักร้องดังในช่วงนั้น อย่าง แอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร, คริสติน่า อากีล่าร์, ศรัณย่า ส่งเสริมสวัสดิ์, มาช่า วัฒนพานิช และใหม่ เจริญปุระ แต่ต่างกันมากในเรื่องของอารมณ์เพลงที่มีกลิ่นอายแบบใหม่ขณะเดียวกันก็ยังไม่ได้ทิ้งความเป็นเบิร์ดแบบเก่าไปซะทั้งหมด ส่งผลให้งานเพลงชุดนี้ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี

ถัดจากนั้นทั้ง อัลบั้มพิเศษ "แฟนจ๋า..สนิทกันแล้วจ้ะ" "เบิร์ด - เสก" ล้วนตั้งอยู่บนเงื่อนไขของสูตรที่ว่าทั้งสิ้นในขณะที่ "วอลลุ่ม 1" เองนอกจากจะเดินตามทางของความสำเร็จที่ค้นพบแล้วก็ยังมีความพยายามเพิ่มของใหม่ๆ เข้ามา อาทิดนตรีบลูที่นักร้องคนนี้ไม่เคยสัมผัสมาก่อน หรือจะเป็นฮิพฮอปของเด็กแนวจ๋าในแบบของหนุ่ม "ขันเงิน"

มองในแง่ของงานเพลงที่หลากหลายบวกกับรูปแบบของดนตรีผสมปนเปกันไปหมดแต่มีเพลงที่น่าประทับใจแค่ 3 - 4 เพลงเช่นนี้ต้องถือว่าวอลลุ่ม 1 เข้าขั้นอยู่ในระดับที่ออกแนวสับสนและเลอะเทอะพอสมควร แต่ถ้ามองว่านี่คืองานของคนที่ชื่อ "เบิร์ด ธงไชย" ซึ่ง ณ วันนี้ไม่ใช่นักร้องอีกต่อไปแล้วแต่เป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์มือฉมังคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นในความสับสนและในความเปรอะที่ว่าก็อาจจะตีความได้อีกอย่างหนึ่งก็คือความเป็น "วาไรตี้"

เป็นวาไรตี้ของความสนุกที่ต้องบอกว่ามีเขาคนเดียวคนนี้ที่จะทำได้

แต่ปัจจุบันก็คงจะไม่น่าสนใจเท่ากับอนาคต

อนาคตที่มาพร้อมกับคำถามที่ว่าซูเปอร์สตาร์คนนี้จะฝืนวัยของตัวเองได้สักเท่าไหร่? ภาพบางอย่างที่แกรมมี่ฯ ฉาบให้ตัวตนที่ชื่อ "เบิร์ด ธงไชย" หายไปเรื่อยๆ นี้จะเพิ่มความหนักให้เขาจนหาที่ลงไม่เจอหรือเปล่า?

ที่สำคัญหาก "หมดมุก" หากไม่มี "ทีม" แล้ว สิ่งที่เป็น "ตัวตน" ที่แท้จริงของ "เบิร์ด ธงไชย" จะ "ขาย" หรือจะ "สร้างศรัทธา" ให้กับคนฟังเพลง โดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆ ได้ขนาดไหนกัน?

น่าสนใจไม่ใช่เล่นทีเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น