ในบรรดานักร้องหญิงจำนวนมากของวงดนตรี "สุนทราภรณ์" ที่กลายเป็นตำนานไปแล้ว นอกจาก “มัณฑนา โมรากุล” “เพ็ญศรี พุ่มชูศรี” รวมทั้ง ”รวงทอง ทองลั่นธม” แล้ว...
เชื่อแน่ว่าคนหนึ่งที่แฟนเพลงจะไม่ลืมเพราะเสียงร้องอันแหลมปรี๊ดแต่แฝงไว้ด้วยความสดใสก็คือ "ศรีสุดา รัชตะวรรณ (จุลละบุษปะ)" ที่เพิ่งจะลาจากโลกไปด้วยโรคชราเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา
...แม้จะไม่ได้ดั่งใจหวังกับการไปสมัครเป็นนักร้องที่กรมโฆษณาการ(เปลี่ยนชื่อเป็นกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2475 ) ในช่วงวัยเพียง 15 ปีอันเนื่องจากมีนักร้องหญิงชื่อดังมากมายรับทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว ทั้ง มัณฑนา โมรากุล, สุปาณี พุกสมบุญ, ชวลีย์ ช่วงวิทย์, จันทนา โอบายวาทย์, เพ็ญศรี พุ่มชูศรี และจุรี โอศิริ แต่การได้เข้าไปเป็นเสมียนที่กรมไปรษณีย์กลางก็ทำให้เธอมีโอกาสได้ร่วมงานกับครูพจน์ จารุวณิช เจ้าของวงดนตรีและคณะละครวิทยุ "จารุกนก" ก่อนจะมีโอกาสได้เล่นละครและร่วมร้องเพลงมากมาย (พ.ศ. 2491 - 2495) อาทิ ราตรีในลำน้ำแดง, ครวญถึงคู่, เชื่อยากปากคน, ตัดบัวยังเหลือใย, ศึกสวาท, จั๊กจี้ใจ, น้ำตาลน้ำตา รักที่หลงคอย, รักอะไร, อาวรณ์รัก, ดวงใจเอย, ฯลฯ
ไม่กี่ปีหลังจากนั้นศรีสุดาก็ได้รับทราบข่าวดีจากครูเพลงชื่อดัง "แก้ว อัจฉริยะกุล" ว่าตำแหน่งนักร้องได้ว่างลงแล้ว (พ.ศ.2495) เธอจึงไปสอบและได้เป็นนักร้องสมใจ รุ่นเดียวกับ "วรนุช อารีย์" และ "พูลศรี เจริญพงษ์" โดยในการสอบครั้งนั้นเธอได้ร้องเพลง 3 เพลง ทั้ง คลื่นกระทบฝั่ง, คะนึงครวญ และดอกไม้ใกล้มือ
ถือได้ว่าศรีสุดานั้นเป็นนักร้องหญิงของวงดนตรีสุนทราภรณ์ในยุครอยต่อระหว่างกรมโฆษณาการกับกรมประชาสัมพันธ์ และเป็นนักร้องหญิงที่ฉีกแนวจากการร้องเพลงรัก หวานๆ ช้าๆ มาเป็นเพลงแนวสนุกสนาน เร้าใจ ด้วยสำเนียงเสียงสูง ใส กังวานอันเป็นเอกลักษณ์ จนมีผู้ตั้งฉายาไว้หลากหลาย เช่น "มะดันดอง", "มะกอกดอง" , "มะยมดอง" หรือ "ดุเหว่าเสียงใส"
เพลงแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับศรีสุดาในช่วงที่มาอยู่กับวงสุนทราภรณ์ คือ "กามฤทธิ์" ซึ่งเป็นเพลงเร็วเพลงแรกที่ครูเอื้อร่วมกับครูแก้วแต่งให้เธอร้อง ในขณะที่เพลงอื่นๆ ก็ล้วนทำชื่อเสียงให้กับเธอมากมาย
โดยเฉพาะเพลงในแนวสนุกสนาน ตลกโปกฮา ที่ร้องคู่กับ "เลิศ ประสมทรัพย์" ผู้ถนัดร้องเพลงในแนวทะเล้นบวกความเจ้าชู้และกะล่อน อาทิ ”ไพรพิสดาร” เพลง”จุดไต้ตำตอ” เพลงคู่ที่ฟังไม่รู้เบื่อชนิดไปงานไหนก็ต้องมีผู้ขอให้ร้องทุกงาน หรือจะเป็นเพลงเดี่ยวในจังหวะสนุกเร้าใจของเธออย่าง ”ศรรัก” ที่มีเสียงสูงมากยากจะหาใครเลียนแบบได้
ในเรื่องของหน้าที่การงาน ศรีสุดาได้ทำงานราชการด้วยความอุตสาหะ กระทั่งเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2529 กรมประชาสัมพันธ์ก็มีคำสั่งแต่งตั้งให้เธอดำรงตำแหน่งหัวหน้างานบันเทิง (เป็นคนที่ 5 ต่อจากครูเอื้อ สุนทรสนาน, ระวี พงษ์ประภาส, วินัย จุลละบุษปะ และครูสมาน (ใหญ่) นภายน) ต่อมางานบันเทิงได้ขยายหน่วยงานใหม่ขึ้นเป็นฝ่ายบันเทิงเธอจึงเป็นคนแรกที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบันเทิงและเกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2534 และมาดูแลวงดนตรีสังคีตสัมพันธ์อย่างเต็มตัว
ส่วนในเรื่องของชีวิตคู่ ศรีสุดาใช้ชีวิตร่วมกับ วินัย จุลละบุษปะ (ราชาแทงโก้เมืองไทย) ยาวนานกว่าสี่สิบปี แต่เพิ่งมาจดทะเบียนสมรสกันที่เขตราชเทวี เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2533 (อีก 9 ปีต่อมา ในวันที่ 14 เดือนกันยายนสามีจากเธอไปโดยไร้ซึ่งทายาทสืบสกุล)
หลังตรากตรำรับหน้าที่ดูแลวงดนตรีมานานระยะหลังๆ ศรีสุดามักจะมีอาการเหนื่อยและเบื่อหน่าย เดือนพฤษภาคม 2543 เรื่องร้ายๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อมีผู้หวังดีแนะนำให้ทำบอลลูนหัวใจด้วยการฉีดสี ระหว่างนั้นกระแสไฟเกิดขัดข้องทำให้เส้นแกนสมองขาดเลือด 3 วินาที ศรีสุดาจึงกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา นอนไม่รู้สติไปร่วม 2 เดือน ต่อมาแม้จะพูดได้แต่ตาก็ไม่อาจลืมขึ้นได้
ผลจากที่แพทย์ระบุให้เธอเป็นคนไร้ความสามารถ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการจัดการทรัพย์สินตามมาแต่ยังโชคดีที่ได้นักร้องรุ่นน้องโฉมฉาย อรุณฉาน มาช่วยจัดการล้างหนี้ให้
ในวัย 74 ปีเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมาศรีสุดายังคงต้องให้อาหารทางสายยาง บางวันก็พูดคุยได้ บางวันก็ไม่ กระทั่งวันที่ 1 สิงหาคม 25488 นักร้องสาวเสียงดุเหว่าคนนี้ก็จากไปอย่างสงบ
(ข้อมูลจากนสพ.ไทยโพสต์และบทความประวัติย่อ นางศรีสุดา รัชตะวรรณ จุลละบุษปะ ของเทพกร บวรศิลป์ ภาพจากเว็บไซต์บ้านคนรักสุนทราภรณ์)
..........
"ศรีสุดา" มีชื่อเล่นว่า "อู๊ด" เป็นธิดาของ หลวงอรรถจารีวรานุวัตร ( บุญมาก รัชตะวรรณ ) และนางบุญทวน รัชตะวรรณ เกิดเมื่อวันพุธที่ 12 พฤศจิกายน 2473 ที่จังหวัดยะลา พ่อ - แม่เป็นคนมอญ พื้นเพเดิมอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี
แต่เดิมพ่อของเธออาศัย อยู่ใกล้วัดสำแล ต้นคลองประปาที่ส่งเข้ามากรุงเทพมหานคร ส่วนแม่อาศัยอยู่ใกล้วัดไก่เตี้ย เหตุที่ศรีสุดาเกิดที่จังหวัดยะลา เพราะพ่อต้องย้ายไปรับราชการเป็นอัยการที่นั่น
ศรีสุดาเริ่มศึกษาชั้นต้นที่ โรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่ออายุได้ 14 - 15 ปี หลังพ่อเสียชีวิต เธอจึงย้ายมาอยู่กับแม่เลี้ยงที่ฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานครบริเวณสี่แยกพรานนกเพื่อศึกษาต่อที่โรงเรียนสตรีวัดระฆังโฆสิตาราม แต่ด้วยใจที่รัก การร้องเพลงมากกว่า จึงได้ไปสมัครเป็นนักร้องที่กรมโฆษณาการ....
ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ศรีสุดามีมากมายนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่เป็นเพลงคู่ที่ร้องกับ "เลิศ ประสมทรัพย์" เช่น มองอะไร, กามฤทธิ์, สุขกันเถิดเรา, หนีไม่พ้น, ฝนจ๋าฝน, นกเขาไพร, ยิ้ม, ศรรัก, แมวกะหนู, ชะชะช่าพาเพลิน, ชะชะช่ากล่อมใจ, รักใครกันแน่, ไม่รักใครเลย, สวรรค์สวิง, สวรรค์อุร, โลกอลวน, เริงเพลงลิมโบ้, เพลินเพลงแมมโบ้, แสนงอน, รักฉันสักคน, ช่างร้ายนัก, รักจากใจ
เริงรัก, ระบำบ้านนา, ขวัญข้าว, บาปบุญมีจริง, เพลงพาชื่น, เพลงอภินันท์, สาวง้อหนุ่มงอน, สามนัด, พักร้อน, ไปตากอากาศ, เกิดเป็นหญิง, หนูจ๋า, รักจำร้าง, แอ่วสาวอีสาน, อกพรุน, บ้านเรือนเคียงกัน, ปากกับใจ, งานเงิน, เมื่อมาอย่ากลัว, นี่แหละสวรรค์, เปล่า, เมา, คู่รักคู่ขอ และเพลงอื่น ๆ อีกไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ เพลง รวมถึงเพลงจังหวะรำวง ตลุง มาร์ช และเพลงสถาบันต่างๆ อีกมากมาย