เคยเป็นไหม เวลานั่งดูรายการทีวีสักเรื่องแล้วอยู่ๆ ขนลุกซู่โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เกิดจากปวดท้องหรือปวดอะไร แต่ถึงปวดจะไปห้องน้ำก็ยังไม่กล้าไปคนเดียว ซ้ำคนข้างๆ ยังเป็นเหมือนกันด้วย
นั่นคือความรู้สึกที่เคยได้จากการร่วมลุ้นในช่วงที่เขาพาไปลุยสถานที่จริงในรายการลึกลับจำพวก "ชั่วโมงพิศวง" หรือ "เขย่าขวัญวันพุธ" ซึ่งถึงแม้ว่าความรู้สึกนี้จะไม่ได้เป็นกันทุกตอน แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกอย่างหนึ่งว่า เรื่องวิญญาณ หรือความลึกลับเหนือธรรมชาตินั้นมีจริง
การได้ไปเจอกับของจริงแบบนั้นมันคงตื่นเต้นและน่ากลัวไม่ใช่น้อย!!
"The Reality Shock 13 คนในบ้านผีสิง" ที่ "ป๋อง กพล ทองพลับ" ทำขึ้นฉลอง 13 ปีช็อคเอฟเอ็มคือการพยายามเข้าไปค้นหาความรู้สึกดังกล่าว
กิจกรรมนี้คือการคัดเลือกเอาผู้เข้าแข่งขัน 13 คนจากผู้กล้าทั่วสารทิศมาพิสูจน์ความกล้าด้วยการเข้าไปอยู่คนเดียวในบ้านผีสิงเป็นเวลา 13 ชั่วโมงตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงเจ็ดโมงเช้าโดยมีอุปกรณ์แค่เทียน 13 เล่ม ไฟฉาย 1 กระบอกและวิทยุสื่อสารพร้อมกล้องวิดีโอตั้งสังเกตการณ์ 2 ตัว ซึ่งแต่ละคนจะต้องทำกรรมวิธีเห็นผีคนละสามอย่างในสามเวลาโดยมีเงินรางวัลล่อใจให้อีก 130,000 บาทสำหรับผู้ที่อยู่ได้ตามกำหนด
แน่นอนว่าบ้านแต่ละหลังที่ให้เข้าไปอยู่ในนั้นขึ้นชื่อถึงความเฮี้ยนกันมาแล้วหลายรายการ อาทิ สุสานโสเภณีที่มีคนได้ยินเสียงผู้หญิงโหยหวนบ่อยครั้ง หรือบ้านร้างสี่ศพที่ชลบุรีที่มีคนเห็นเงาคนเดินไปเดินมาเสมอ ด้วยความน่าขนลุกเช่นนี้เองจึงทำให้ใครๆ ก็อยากลุ้นว่าพวกผู้กล้าจะ "เจอดี" หรือไม่ และในขั้นต้นก็ประสบความสำเร็จไปแบบใช้ได้ทีเดียวเพราะอย่างน้อยๆ จากการสำรวจร้านเช่าวีซีดีหลายร้านก็พบว่าถึงขนาดต้องลงชื่อจองกันไว้เลยทีเดียว
แต่หลังจากนั่งดูสามแผ่นเต็มในยามเที่ยงคืนกว่าๆ แล้ว กลับเริ่มรู้สึกว่า ทำไมมันไม่ค่อยน่ากลัวเอาซะเลย
การใช้เสียงดนตรีเข้ามาประกอบจริงอยู่ที่ว่าอาจจะทำให้ภาพจากการตั้งกล้องนิ่งๆ ดูไม่น่าเบื่อ ทว่ามันก็ได้ทำลายบรรยากาศน่ากลัวที่เกิดจากความวังเวงซึ่งเป็นบรรยากาศของจริงลงไปอย่างน่าเสียดาย บางช่วงอาจจะปล่อยเสียงจริงให้ได้ยิน แต่ก็เฉพาะตรงที่ผู้บรรยายได้เกริ่นนำมาก่อนหน้าแล้วว่าจะมี ทำให้ความน่ากลัวถูกปรุงแต่งโดยมีบรรยากาศเป็นทุนเสริมด้วยบทบรรยายและเสียงดนตรีที่คลุกเคล้าเข้ามาแบบไม่พอดีสักเท่าไหร่ราวกับเป็นนิยายที่มีการจัดฉากทำฉายให้ดูน่ากลัวเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง
อีกอย่างที่ทำให้รู้สึกเสียบรรยากาศ คือแขกรับเชิญที่มาร่วมประกอบพิธีเรียกผี
การใส่แขกรับเชิญมาร่วมสร้างสีสันเป็นสิ่งที่ดี แต่การลากกันเข้าไปเล่นผีถ้วยแก้ว ผีปากกา ถึงสถานที่จริงที่ผู้เข้าแข่งขันบางคนกำลังทำหน้าที่ของตนเองอยู่ อย่างน้อยที่สะกิดใจคนดูก็คือนี่เป็นการเอาเปรียบผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ที่ต้องอยู่คนเดียวเกือบตลอดเวลา เพราะเมื่อมีทีมงานพากันเข้าไปถ่ายทำก็ถือว่ามีเพื่อนมาอยู่ด้วยอีกหลายชีวิต แถมยังส่องไฟเสียสว่าง ลดทอนความน่ากลัวของสถานที่ลงไปได้เยอะ (ที่สำคัญเล่นแล้วยังแป้กอีก ทำเอาหมดลุ้นไปเลย)
ส่วนที่หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมมันต้องมีถึง 3 แผ่น คำตอบก็คือไม่ใช่เพราะเนื้อหามันเยอะอะไรหรอก แต่เป็นเพราะการตัดต่อที่ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบนั่นเอง
ยกตัวอย่างผู้กล้าคนหนึ่งที่ยกเลิกภารกิจเพราะทนสิ่งเร้ารอบข้างอันได้แก่กลิ่นและเสียงไม่ไหว ซึ่งคนดูเองได้ยินเสียงนั้นเช่นกันและก็ขนลุกกันไปเรียบร้อย แต่หลังจากเข้าไปสัมภาษณ์ความรู้สึกในวินาทียกเลิกภารกิจแล้ว สักพักหนึ่งก็จะตัดกลับมาที่คนเดิม เล่าจังหวะเดิมให้ฟัง รีเพลย์ให้ดูอีกครั้ง และอีกพักใหญ่ก็จะวนมาที่คนเดิม
จากอารมณ์ที่ "ขนลุกซู่" เลยลดลงเหลือแค่ "ก็น่ากลัวดี"
ถือได้ว่าเป็นงานที่ "พอสอบผ่าน" เพราะ ได้เห็น ได้ยิน ได้กลัว ได้ขนลุกจริง แต่ไม่ได้ความ "ซู่" อย่างราคาคุย แถมดูไปดูมารู้สึกว่า หากได้นั่งดูบนหน้าจอทีวีหรือเอาไปเป็นละครวิทยุน่าจะยังเวิร์กกว่า
เข้ากับคำพูดของผู้กล้าคนหนึ่งที่ว่า "กลับไปอยู่ในที่ของเราดีกว่า ... " พอดี๊พอดี