xs
xsm
sm
md
lg

โลกของตัวประกอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม้จะผ่านงานหนังหลายสิบเรื่อง ละคร + โฆษณาอีกเป็นร้อย ทว่าพวกเขาแทบจะทุกคนกลับไม่เคยถูกเรียกว่า "นักแสดง"

แม้จะอยู่ในกองถ่ายเหมือนๆ กับ "ดารา" แต่รูปแบบการใช้ชีวิตกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

และถึงแม้จะไม่ไม่ใช่คนที่สลักสำคัญถึงขนาดที่ว่างานนี้ขาดไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีพวกเขาและเธองานนั้นก็ขาดซึ่งความสมบูรณ์

พวกเขาและเธอที่เรารู้จักกันดีในสถานะของ "ตัวประกอบ" หรืออาจจะเรียกให้ดูดีขึ้นมาว่า "นักแสดงสมทบ" คำที่ฟังแล้วอาจจะให้อารมณ์ที่จืดชืด ไม่สำคัญ แต่เรื่องราวและประสบการณ์ของพวกเขาและเธอส่วนหนึ่งกลับเต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลายอย่างที่น่าสนใจทีเดียว
..........
ถามว่านึกหน้า "ลุงสมศักดิ์" ออกมั้ย? หลายคนคงคงจะพากันงงๆ สมศักดิ์ไหน? สมศักดิ์อะไร? แต่ถ้าเห็นหน้าเจ้าตัวแล้วละก็เชื่อว่าเราคงคุ้นหน้าคุ้นตาแกเป็นอย่างดีจากละครประเภทแนวจักรๆ วงศ์ๆ และอีกในหลายบทบาททั้งคนสวน คนรับใช้ คนขับรถ ที่เจ้าตัวทำมาเกือบจะ 20 ปีเข้าไปแล้ว


"ประมาณ 16 -17 ปีได้ ปกติลุงทำรับข้าราชการอยู่กรมไปรษณีย์โทรเลข ตอนนี้ลาออกมาแล้วเพราะไม่งั้นก็ไปเบียดบังเวลาหลวงเยอะ แล้วมันก็มีเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาวุ่นด้วย(หัวเราะ) ก็ลาออกมาตอนประมาณปีที่แล้วนี้เอง..."

"สมัยก่อนหนังนอกเยอะ หนังสงครามเวียดนาม เขมร แล้วคาแร็กเตอร์ลุงผอมๆ เป็นเขมรอพยพได้ ก็เลยจะได้บทตรงนั้นบ่อย ส่วนเรื่องแรกที่เล่นจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร มันเป็นหนังต่างประเทศถ่ายที่ภูเก็ต พอมีงานออกไปแล้วก็มาถ่ายละครของดาราวิดีโอ แต่ก่อนจะเป็นหนังจักรๆ วงศ์ๆ น่ะ พวกสิงหไกรภพอะไรอย่างนั้นก็คือจะเล่นเป็นพวกฤาษี พวกโหรหลวง พวกอำมาตย์ แล้วก็ถ้าละครก็จะเป็นคนสวน คนรับใช้ คนขับรถแบบนี้เกือบจะตลอด"

เริ่มจากตัวประกอบเดินผ่านฉาก ก่อนจะค่อยๆ เขยิบสถานะของตนเองขึ้นมาให้มีส่วนร่วมมากขึ้น
"ใหม่ๆ ลุงเล่นเหมือนตัวประกอบเดินผ่านฉาก ทีนี้พอเล่นไปแล้วเราก็สนใจว่า เอ๊ย ตัวประกอบเดินทั้งวันได้แค่ 80 บาท แต่เล่นมีบทเนี่ยเขามาเล่นแป๊บเดียว ชัวโมง 2 ชั่วโมงเขาได้ 200 - 300 บาท เมื่อก่อนก็เยอะใช่มั้ย เราก็สนใจ ลุงก็เลยไปถามเขาจะต้องทำยังไงถึงได้เล่นแบบนั้นบ้าง เขาก็บอกว่าลุงต้องไปหัดรู้มุมกล้องแล้วก็ต้องพูดบทได้ เล่นซีนอารมณ์ ทำอารมณ์หลายๆ อย่างให้ได้ ต้องฝึกฝนเอาเองเลย"

"เมื่อก่อนไม่มีการเรียนการแสดงหรอก ใช้พวกที่เขาเล่นอยู่แล้วเนี่ยแหละที่สอน บางทีก็ดารานี่แหละที่สอนเพราะเวลาเข้าฉากกับเขาแล้วเราเทกบ่อยก็เสียเวลาเขา เขาก็สอนให้ พวกสรพงษ์ แอ๊ด สมบัติก็เคยสอนให้ เราก็จำๆ ไว้ ก็พัฒนาตัวเองเพราะคิดว่า เออ ไหนๆ ทำแล้วก็ทำให้ดีที่สุดละกัน"

เรื่องค่าตัวของลุงสมศักดิ์ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะโดยทั่วไปจะอยู่ที่ตอนละประมาณ 2,000 - 3,000 บาท แถมบางทียังมีฟลุ้คๆ ได้ถึงคิวละหมื่นก็มีมาแล้ว
"หลังสุดเลยก็เรื่องอเล็กซานเดอร์ฯ ลุงรับบทเป็นหัวหน้าเผ่าคนป่าที่อเล็กซานเดอร์ยกทัพผ่าน เขาให้หมื่นบาทต่อหนึ่งคิว แต่นานๆ มีครั้ง หนังนอกไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อีกอย่างเมื่อก่อนการแคสงานมันจะเลือกจากรูปไม่ต้องไปแคสติ้ง คือแค่เอาให้ตรงกับคาแร็กเตอร์เฉยๆ"

"ช่วงนี้เหมือนจะไม่มีงานเท่าไหร่นะ เพราะว่าเราต้องเล่นผ่านโมฯ (โมเดลลิ่ง) แล้วโมบ้านเราไม่ใช่โมฯ มาตรฐาน เพราะเขาจะตัดราคากัน นี่ลุงพูดตามความรู้สึกของลุงนะไม่ได้กล่าวว่าใคร เมื่อก่อนเดือนหนึ่งสัก 10 เรื่อง บางทีวันละพันหรือพันห้า 10 ครั้งก็ได้ประมาณหมื่นห้า ตอนนี้ก็เหลือประมาณประมาณ 3 - 4 เรื่อง แต่ก็ไม่ถึงลำบากมากเพราะอายุมากแล้วไม่ค่อยได้ใช้อะไร"

ไม่ใช่คนเล่นเก่งอะไร แต่เล่นตามคำสั่งได้
"ลุงเคยขอผู้กำกับเขานะ เออ ขอให้โอกาสลุงได้เล่นบทยาวๆ เลยบ้างมั้ย เหมือนอย่างพวกอาสีเทา อาพูลสวัสดิ์ ถึงแม้ไม่ใช่บทเด่นอะไรแต่เป็นตัวติดตามพระเอกนางเอกหน่อยก็ยังดี แต่เขาก็ไม่ค่อยให้เล่นน่ะ อาจจะเป็นเพราะต้องมีเส้นมีสายรึเปล่าตรงนี้ไม่รู้ ลุงอาจจะเล่นไม่ถึงกับเก่งนะ แต่ว่าลุงสามารถเล่นตามคำสั่งที่ผู้กำกับต้องการได้"
..........
สำหรับพระเอกนางเอก หากมีงานละครที่ต้องเล่นพร้อมกัน 3 เรื่องก็ต้องบอกว่างานชุก แต่ถ้ามีคนๆ นึงที่ต้องเล่นละครเดือนนึง 20 - 25 เรื่องล่ะจะต้องใช้คำว่าอะไร?

"ก็ประมาณ 20 - 25 เรื่องครับ แต่ว่าบางครั้งเดือนหนึ่งมี 10 - 15 เรื่อง คือเราไม่ใช่เมนหลักไงมันถึงรับเล่นได้..." เป็นคำบอกเล่าจาก "หนุ่ม สมบัติ วงศ์ทิพย์" ซึ่งบอกไปแล้วอาจจะตกใจว่าเขาคนนี้มีผลงานในแวดวงบันเทิงออกมาเป็นพันๆ ชิ้นเลยทีเดียว

"งานโฆษณาตอนนี้ที่ออนแอร์อยู่ก็เหล็กเส้นบลส. เบียร์ช้าง บัตรประกันสังคม ซิงเกอร์ เนสกาแฟที่เจ มณฑลเล่น ละครที่ออนแอร์ก็มีข้ามขอบฟ้ามาเพื่อรัก ย.ยักษ์ยอดยุ่ง ซิทคอม เฮง เฮง เฮง บางรักซอย 9 บุญดีผีคุ้ม ล่าสุดก็รักแปดพันเก้าเล่นเป็นเทศกิจ ส่วนหนังก็มี รักละไม ที่ ว่าน ภูวฤทธิ์ เล่นกับซาร่า"

"ผมเริ่มเล่นมาตั้งแต่ปี 2522 แล้วครับ เรื่องแรกคือกตัญญูประกาศิตของไฟว์สตาร์ที่มีโจวเหวินฟะเข้ามาเล่นในเมืองไทย ตอนนั้นโจวเหวินฟะกำลังดังจากเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ช่วงนั้นก็มีพี่นก ฉัตรชัย, อโนเชาว์ ยอดบุตรกำลังสลับกันเป็นพระเอกพระรอง ผมเล่นเป็นเหมือนมาเฟียที่ใช้กรรไกรอันเดียวน่ะ เล่นเรื่องแรกก็ตายเลย(หัวเราะ) คือในหนังในละครอาจจะไม่เด่นมาก แต่ถ้าในพวก จ้อจี้ คดีเด็ด อะไรเนี่ยจะชัดเจน เพราะผมเป็นเมนหลัก แล้วการเล่นก็สบายใจกว่าเพราะอย่างน้อยเราไม่ต้องไปประกบดารา"

ในเรื่องของเสื้อผ้าหนุ่มบอกว่าโดยทั่วไปแล้วพวกตัวประกอบจะเตรียมมาเองทั้งนั้น ซึ่งหายครั้งแล้วก็ไม่ค่อยคุ้มกับค่าตัวที่ได้มาสักเท่าไหร่
"ค่าตัวตามเนื้องาน ส่วนใหญ่ต่ำสุดของผมอยู่ที่ 800 -1,500 ถึงหมื่นก็มี คือเหมือนเหมานะไม่ได้เรียกเป็นคิว แต่พวกที่เดินผ่านไปผ่านมาต่ำสุดอยู่ที่ 200 บาทต่อคิว นักแสดงสมทบส่วนใหญ่สตาร์ทที่ 200 แล้วถ้าผ่านเพื่อนมาอีกรอบหนึ่งก็จะเหลือ 180 หรือ 150 แล้วแต่ แต่ถ้ามีไดอะล้อกบทพูดอย่างต่ำสุดก็น่าจะ 400"

"เรื่องเสื้อผ้าเตรียมไปเองซะส่วนใหญ่ ถามว่าคุ้มมั้ยสำหรับนักแสดงสมทบที่เดินผ่านไปผ่านมา เตรียมไป 3 ชุดขึ้นรถเมล์ ค่าซักผ้า ก็ไม่คุ้มแล้ว สำหรับผมก็เตรียมไปทั้งหมดเพราะคอสตูมเขาจะใช้เสื้อผ้าเราก่อน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาก็ไม่อยากให้ใช้ แล้วเราเองถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่อยากใช้ของเขาเพราะไม่อยากมีปัญหาว่าเสื้อผ้าหรืออะไรหาย คือถ้าโทรศัพท์ดาราหายค้นยันนักแสดงสมทบเลยนะ แต่เวลาโทรศัพท์ของนักแสดงสมทบหายไปค้นดาราก็ไม่ได้"

ขึ้นชื่อว่าตัวประกอบใครสั่งให้ทำอะไรก็ทำ ทว่าสำหรับหนุ่มคนนี้ความเก๋าของเขา ทำให้กล้าที่จะขอผู้กำกับเปลี่ยนบทมาแล้ว
"ในเรื่องรถด่วนขบวนสุดท้ายเป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีความกล้าขอเปลี่ยนบทกับผู้กำกับนะ คือผมต้องเข้าฉากกับนิ้ง กุลสตรี ในไดอะล็อกมันมีอยู่ว่าผมต้องพูดว่าเงินกู้ 700 ล้าน แต่ผมดูสารรูปตัวเองแล้วมันไม่ใช่เป็น 100 ล้าน ก็เลยพูดกับผู้กำกับผมขอเปลี่ยนได้มั้ย ผู้กำกับก็เลยลดหย่อนให้ งั้นเงินกู้หลาย 10 ล้านแล้วกัน ผมก็ขอเปลี่ยนอีกครั้งสุดท้ายหลายล้านเถอะ (หัวเราะ) ผู้กำกับก็ยอม"

อาจจะเคยได้ยินข่าวดาราพระเอก นางเอก แย่งซีนกัน แล้วเคยรู้บ้างมั้ยว่าบรรดาตัวประกอบนักแสดงสมทบเองก็มีการแย่งซีน ขโมยงานกันด้วยเช่นกัน
"มีครับ อย่างล่าสุดไปถ่ายเรื่องหนึ่ง ในบทผมเล่นเป็นหัวหน้ากลุ่มจะต้องเดินนำประมาณ 1 ก้าว แต่ก็มีบางคนพยายามฉีกเดินนำหน้าเรา แล้วเรื่องบทพูด เรากำลังต่อบทกับนักแสดงร่วมเนี่ย เขาแย่งพูดบทของเราขึ้นมาเฉยเลย หรืออย่างบางคนก็พยายามพูดพรีเซ้นท์ตัวเองตลอดก็มี"

เวลาเดินไปไหนมาไหนมีคนรู้จักเราเยอะมั้ย?
"ก็รู้จักนะ อย่างไปถ่ายต่างจังหวัดมีคนมาทักก็ยังทำตัวไม่ถูกเพราะว่าเขาเห็นในจ้อจี้ คดีเด็ด ที่ทำตัวไม่ถูกเพราะเขามาขอลายเซ็นเราก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องเขียนอะไร พอดีเคยเล่นพี่น้องสองเลือดมีบีม - แดนเล่นใช่มั้ย แล้วหลานเราชอบเราก็ไปขอลายเซ็นบีมกับแดนให้หลาน ก็อ๋อ เขาเขียนกันอย่างนี้เอง วันนั้นถึงให้ลายเซ็นเขาได้ (หัวเราะ) เขินก็เขินเพราะเราไม่ใช่นักแสดงใหญ่อะไร"

ชั้น "วรรณะ" ในกองถ่ายฯ

อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าใดกับการสถานะของการเป็นดารากับตัวประกอบซึ่งเมื่อเวลาอยู่ในกองฯ ย่อมที่จะต้องได้รับการปฏิบัติตัวที่แตกต่างออกไป แต่ถ้ามองในสถานะของการเป็น "คน" เหมือนๆ กัน กับความต่างที่เกิดขึ้นราวฟ้ากับดินนั้นมันได้สะท้อนถึงค่านิยมอะไรบางอย่างออกมาได้เป็นอย่างดี

"ละครจะแบ่งดารา ผู้กำกับ ผู้ช่วยทีมงานจะกินโต๊ะได้ แต่ถ้าเป็นตัวประกอบจะเล่นบทไม่เล่นบท คุณกินพื้น ช้อนสั้น เออเนอะ แปลก ทั้งๆ ที่เขาก็มาเล่นละครเรื่องเดียวกัน มาทำงานด้วยกันอยู่กันทั้งวัน...." เป็นคำบอกเล่ากึ่งสงสัยจาก "แอ๊ม ศิรินทร ศรีแก้ว" ที่หลายคนคงจะคุ้นหน้าเธอเป็นอย่างดีจากรายการอย่าง คดีเด็ด จ้อจี้ คนหัวหมอ รวมถึงละครอีกหลายเรื่องและโฆษณาอีกหลายชิ้น

"จะมีพวกชอบดูถูกก็มีที่เขายังแบ่งแยกว่าเราไม่ใช่ดารา เราจะไม่มีสิทธิ์อะไรหลายๆ อย่าง แต่ก็เข้าใจนะว่าผู้กำกับหรือผู้จัดเขาก็ไม่ได้ทราบหรอก เพราะเขาแบ่งสรรงบส่วนนั้นให้อย่างดีแล้ว แต่มันอยู่นิสัยสันดานของแต่ละคนที่เขาจะดูถูกคนมากกว่า ตรงนี้เราก็เข้าใจนะเพราะอยู่มานานแล้ว ใหม่ๆ ก็รับไม่ได้นะ แต่เพราะเรารักงานเราจะทำตรงนี้ถ้าเรื่องแค่ตรงนี้เรารับไม่ได้เราก็คงจะอยู่วงการนี้ไม่ได้"

"แต่ก็อยากจะบอกว่าไม่ว่าจะเป็นตัวประกอบหรือทีมงานช่างไฟ ผู้กำกับ ก็คนเหมือนกัน เขามาทำงานด้วยกันถึงจะคนละหน้าที่แต่เราก็ทำงานร่วมกัน คือถ้าไม่มีพวกตัวประกอบที่ถึงแม้จะเดินไปเดินมามันก็งาน ถ้าเขาไม่เดินมันก็ไม่สำเร็จหรอก"

"อย่างพี่ก็เจอมาแล้ว บางทีแกงจืดเขาให้ใส่หมูสับใช่มั้ย เขาก็ใส่มันหมูที่เอามาทำน้ำมันเจียวน่ะ ไม่มีใครกินกันเลยทางธุรกิจกองก็มาอ้อนวอนขอร้องให้ไปกินนะ เขาบอกว่าเขาจ้างแม่ครัวกลุ่มนี้มาเสียเงินไปแล้ว ถ้าไม่กินกันเนี่ยจะเสียของ..." คราวนี้เป็นคำบอกเล่าจาก "ช้องมาศ พลับพลา" หรือ "พี่ช้อง" ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี

"มีอีกกองหนึ่งแม่ครัวแย่มากอย่างเพื่อนโดนมา คือเขาจะไปตักข้าว ทางแม่ครับก็บอกว่านี่ของดารานะไม่ใช่ของตัวประกอบ กินไม่ได้ แล้วเพื่อนคนนั้นเขาไม่รู้ไงเขามาเล่นเป็นตัวประกอบเพราะอยากมาเจอเพื่อน ก็ขับรถมาหาก็เลยลองเล่น ทีนี้เขาไปตักข้าวแกงหน่อยหนึ่งเอาไข่ดาวเขาลูกหนึ่ง โอ้โหเขาด่าว่าใหญ่เลย เพื่อนก็เลยเขวี้ยงทิ้งเลย"

"เรื่องปล่อยให้รอนี่เรื่องธรรมดามีเยอะแยะประจำ เรียกมาตั้งแต่เช้า ให้ไปที่หน้ากองแล้วก็ไม่ถ่ายหรอก รอไปทั้งวันถึงเย็นเล่นไม่กี่ฉาก บางทีก็เลิกกันดึกๆ ดื่นๆ บางทีก็ให้ครึ่งแรงบ้าง บางทีมารู้ตอนหลังเขาก็บอกว่า เออ เรียกไปอย่างนั้นน่ะ เผื่อว่าเขาจะเอาเข้าฉากตอนไหนก็จะได้เอาเข้า"

"บางกองดีนะ อย่างถ้าจะเล่นสี่โมงเขาก็บอกให้มาสักเที่ยง แต่แบบนี้เป็นตอนที่เราได้รับบทเด่นขึ้นมาหน่อยนะ แต่ตอนที่เป็นตัวประกอบทุกคนจะเจอสภาพนี้หมด ไปเป็นวันๆ แต่เล่นฉากเดียว ถ้าไปอยู่ในสถานที่กองถ่ายที่มีที่นั่งดีไม่ร้อนก็โอเค ไม่เครียด หรือบางที่มันไม่ที่ให้นั่งเลยนะนั่งกันกลางนากลางทุ่ง แต่ตรงนี้ไม่เป็นไรหรอกเพราะสถานที่เป็นอย่างนั้น แต่สถานที่ในกรุงเทพกองถ่ายบางกองฯ เขาไม่ให้ไปนั่งในบ้านนะ ต้องหาเสื่อหาอะไรปูกันข้างนอก ข้างถนน ริมถนน ส่วนดาราหลักๆ นั่งกันในบ้านห้องแอร์ แต่เราก็รู้ ตามสภาพไง เรามันอยู่ตรงนี้ เขามันอยู่ตรงนั้น"
..........

ความมั่นคงกับความต้องการ

"ทุกวันนี้ด้วยการแข่งขันในการทำโมเดลลิ่งเนี่ยบริษัททุกบริษัทเลยจะค่อนข้างเอาเปรียบนักแสดง บางกองฯ จากเช้าถึง 2 - 3 ทุ่มเป็นคิวหนึ่ง ซึ่งจริงๆ มันน่าจะเป็นคิวครึ่ง 4 ทุ่มถึงตี 2 เป็น 2 คิวหลังจากนั้นก็เป็น 3 คิว..." "หนุ่ม สมบัติ" บอกถึงการเอาเปรียบของบางบริษัทฯ ที่มีต่อตัวประกอบและนักแสดงสมทบส่วนใหญ่

"สถานภาพของนักแสดงสมทบถึงตอนนี้ผมว่าก็ยังไม่ดีนะ ถ้าพูดกับในส่วนรวมในฐานะที่เราก็หานักแสดงสมทบด้วย ซึ่งตรงนี้ผมไม่อยากจะลงไปทำเต็มตัวเพราะกับบางราคาเราทำไม่ได้จริงๆ อย่างตัวผม ผมว่าผมก็ได้พอสมควร ซึ่งบางทีการที่เราทำราคาค่าตัวให้มันสูงขึ้นมากมันก็ไม่ดีนะ สมมติผมรับคิวละ 3,000 ใครรู้เข้าเนี่ยเขาต้องหาตัวที่มันมาตั้งแต่ 400 ก่อนเลย ซึ่งถ้าไม่ยากจริงๆ มันก็ไม่ถึงเรา"

"ทุกวันนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนนะ เมื่อก่อนบริษัทจะโทรไปบอกว่ามีงานอะไรบ้าง แต่วันนี้นักแสดงต้องโทรมาถามที่บริษัทว่าจะมีงานอะไรบ้าง แล้วก็มีการแย่งงานกันอย่างแค่บอกว่าทุกวันนี้ไอ้หนุ่มคือตัวผมเนี่ยไม่รับงานแล้วนะ แค่นี้ก็หมดแล้ว เหมือนการปล่อยข่าวดาราเลยนะแต่ของนักแสดงสมทบไม่มีสื่อไม่เป็นข่าว แต่ข่าวไปเร็วมาก ปากต่อปาก ถ้าข่าวลือออกไปว่าผมไม่รับงานแล้วนะคนก็ไม่มาติดต่องานผม ผมโดนมาแล้ว เรื่องของเราแท้ๆ เรากับไม่รู้เรื่อง คนอื่นรู้เรื่องเรามากกว่าเราเองอีก"

ถามถึงความต้องการ หนุ่มบอกว่าถ้าในเรื่องของการอยากทีชื่อเสียงหรือเป็นนักแสดงตัวใหญ่ๆ บ้างนั้นเป็นเรื่องปกติของคนที่ทำงานตรงนี้มานานๆ ก็อยากจะไปอยู่ตรงนั้นเหมือนกันเพราะโดยประสบการณ์และด้วยศักยภาพหลายคนมีสิทธิ์ที่จะขึ้นไปทำได้อย่างสบายๆ ส่วนถ้าจะถามว่าอยากจะทำอะไรให้กับนักแสดงสมทบหรือตัวประกอบหรือเปล่าเจ้าตัวบอกว่าเคยฝันเล่นๆ ขนาดอยากจะมีวันนักแสดงสมทบขึ้นมาเลยทีเดียว

"ผมคิดแม้กระทั่งจะตั้งตัวเองเป็นประธานชมรมนักแสดงสมทบเลยนะ (หัวเราะ) เคยคุยกับพี่นิเวศน์ กันไทยราษฎร์ ในส่วนหนังสือพิมพ์และของคนหัวหมอก็ปรึกษากับ อ.ประมาณ, อ.วันชัยว่าในเรื่องนักแสดงสมทบไปได้แผลมาประสบอุบัติเหตุมามันสามารถเรียกร้องอะไรได้บ้าง"

"คือถ้าผมได้ทำชมรมจริงๆ ผมจะให้มีวันหนึ่งที่นักแสดงสมทบต้องไม่มีถ่าย(หัวเราะ)มันเหมือนเพ้อฝันนะ แต่มันก็มีความเป็นไปได้ ก็มีนักแสดงส่วนหนึ่งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย"

ถือว่าเป็นอีกมุมมองที่น่าสนใจ ในขณะที่เมื่อถามถึงความต้องการของ "ลุงสมศักดิ์" เจ้าตัวบอกว่าไม่ต้องการอะไรมากมาย แค่ขอมีชื่อขึ้นในจอทีวีบ้างก็พอแล้ว
"ตั้งแต่ทำมาเนี่ยเล่นเยอะเล่นน้อยไม่มีชื่อขึ้นเลยนะ...(หัวเราะ) บางทีมันก็อยากจะมีชื่อบนจอเหมือนกัน อยากได้"

"แต่ว่ามันพูดลำบากน่ะ อะไรคล้ายๆ บ้านเมืองเราเป็นแบบนี้วงการบันเทิงเราเป็นแบบนี้มักจะเสนอให้พวกดาราตลอด เหมือนเขาแบ่งชั้นน่ะ ดาราก็คือดาราตัวประกอบก็คือตัวประกอบเฉยๆ ทั้งๆ ที่เห็นพวกลุงที่เล่นเก่งๆ ก็ยังเป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้นแหละ"

"แล้วก็เรื่องของหลักประกัน คือลุงคิดว่างานทุกอย่างเหมือนอยู่ภายใต้กฎหมายกรมแรงงานใช่มั้ย แต่อาชีพนักแสดงอย่างตัวประกอบพวกลุงเนี่ยไม่มีกฎหมายไหนรองรับเลย ทั้งๆ ที่ว่าเราก็เสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายอยู่แล้วแต่ไม่มีหน่วยงานไหนมาดูแลจุดนี้เลย บางครั้งพวกลุงก็ถูกเอาเปรียบแรงงานเยอะมาก เรื่องใช้งาน บางทีไปเข้าฉากเดียวแต่เรียกไปตั้งแต่ 6 โมงเช้าแต่เข้าฉากเย็นๆ บ่ายๆ หรือมืดๆ เลยก็มี"

"ลุงว่าบางครั้งไม่ถูกเรื่องเพราะเขาก็ต้องมีสคริปต์ว่าเวลาไหนฉากไหน อย่างหนังนอกน่ะเขาทำงานเป็นเวลาเขาเลยนะ แต่ของเราค่อนข้างจะไม่"
กำลังโหลดความคิดเห็น