xs
xsm
sm
md
lg

ผีเสื้อและดอกไม้ : เกิดสงครามพันครั้ง เด็กก็ยังสวยงาม

เผยแพร่:   โดย: ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี


ผมจำไม่ได้ว่าเริ่มอ่านนิยายเรื่อง ผีเสื้อและดอกไม้ ของ นิพพานฯ ตอนอายุกี่ขวบ รวมถึงได้ดูหนังฝีมือของยุทธนา มุกดาสนิทเรื่องนี้ครั้งแรกตอนไหน - - แต่ผีเสื้อและดอกไม้ ก็เป็นนิยายที่ผมหยิบมาอ่านซ้ำบ่อยที่สุดเรื่องหนึ่ง ส่วนหนังนั้นเพราะเคยซื้อวิดีโอเก็บไว้ เลยนึกไม่ออกว่าเคยดูไปแล้วกี่ครั้ง

มีเหตุผลมากมายที่ทำให้ผมชอบผีเสื้อและดอกไม้ ผมชอบสำนวนภาษาของนิพพานฯ เวลาที่แกบรรยายถึงฉากหลังและตัวละคร ชอบที่ทุกอย่างออกมาจากมุมมองของเด็ก โดยไม่เอาทัศนคติแบบผู้ใหญ่ๆ เข้ามาตัดสิน หรืออาจเพราะผมเกิดและโตในพื้นที่เดียวกับ ฮูยัน – พระเอกของเรื่อง – ผมเลย “อิน” กับชีวิตของเขามากเป็นพิเศษ

ฉบับภาพยนตร์ของยุทธนา มุกดาสนิทเป็นหนังที่เก็บภาพรถไฟแล่นได้งดงามน่าประทับใจที่สุดเรื่องหนึ่ง (งามจับใจไม่ต่างจากฉากรถไฟในหนังของสัตยาจิต เรย์เลยครับ) นั่นรวมไปถึงการรวบรวมบรรยากาศของตลาดข้างสถานีฯ หมู่บ้านในเขตชายแดนไทย-มาเลย์ และงานฮารีรายอ ซึ่งทั้งสมจริงและออกมาในท่วงทำนองอันงดงามไปพร้อมๆ กัน

หนังเรื่อง ผีเสื้อและดอกไม้ ออกฉายครั้งแรกในปี พ.ศ.2528 นับจนถึงวันนี้ก็ปาเข้าไป 20 ปีแล้ว แต่กาลเวลาก็ทำร้ายหนังเรื่องนี้ได้น้อยมาก ส่วนที่ดูเชยและโพ้นสมัยยังถือว่าให้อภัยกันได้ เมื่อนับว่าส่วนที่ซาบซึ้งและชั้นเชิงการเร้าอารมณ์ ยังทำหน้าที่ของตัวมันเองได้อย่างทรงพลัง

ฉากหลังในนิยายและในหนังเป็นภาคใต้ตอนล่างที่แตกต่างจากทุกวันนี้ ปัญหาเรื่องการก่อการร้ายและแบ่งแยกดินแดนยังไม่ก่อตัวขึ้นอย่างจริงจัง สิ่งที่ทำให้ชีวิตของชาวไทยมุสลิมยากลำบากมาจากสาเหตุเดียว นั่นคือความยากจน

ฮูยันและมิมปี เรียนจบประถม 6 แต่ก็ไม่ได้เรียนต่อเพราะปัญหาที่ว่า ถึงแม้ผลการเรียนจะออกมาน่าพอใจ แต่กับแค่การหาเงินมาจ่ายค่ากระดาษสอบยังลำบากขนาดนี้ ฮูยัน ก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะเรียนไปเพื่ออะไร สู้ออกมาช่วยพ่อหางานทำ ส่งเสียน้องเล็กๆ อีก 2 คน ดูจะเป็นความคิดที่เข้าท่ากว่า

ส่วนมิมปี เธอบอกกับฮูยันว่า เธอไม่ได้เรียนต่อเพราะที่บ้านเห็นว่า ลูกผู้หญิงต้องหัดทำมาค้าขาย มันเป็นทางออกที่ดีกว่าสำหรับการดำเนินชีวิต เรื่องเรียนนั้นเอาไว้ก่อนก็ได้

ฮูยันออกมาขายไอติมกระติกในตลาด ซึ่งนานวันก็พบว่าธุรกิจไม่ได้สร้างผลกำไรมหาศาล รวมถึงยังไม่ได้ช่วยพยุงให้ฐานะทางบ้านดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่เลย วันหนึ่งขณะเตลิดนั่งรถไฟไปกับมิมปี เขาได้พบกับกองทัพมด –แก๊งเด็กวัยรุ่นที่ขนข้าวสารหนีภาษีเพื่อไปขายต่อยังมาเลเซีย – มิมปีเล่าว่า การค้าข้าวอาจจะเต็มไปด้วยเรื่องเสี่ยงๆ แต่เธอก็เห็นว่ามันเป็นการค้าขายที่ได้กำไรพอสมควร

ตัวฮูยันไม่สนว่ามันจะเสี่ยงขนาดไหน ถ้ามันพอจะเป็นลู่ทางในการช่วยพ่อและน้องได้ เขาก็จะทำ หนแรกที่เด็กชายทำความรู้จักกับแก๊งเพื่อนใหม่ ด้วยการกระโดดขึ้นไปรวมตัวบนหลังคารถไฟ เขาไม่ได้รู้สึกกลัวหรือหวั่น แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นน่าค้นหา สำหรับเด็กชายที่ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนไกลเลยอย่างเขา

ฉากที่ว่านี้เป็นหนึ่งในฉากที่ดีที่สุดของหนัง ยุทธนา มุกดาสนิท ทำให้คนดูรู้สึกตามฮูยันไปด้วยจริงๆ ว่า การเป็นหนึ่งในกองทัพมด คือเรื่องผจญภัยอันยิ่งใหญ่ ฮูยันยืนต้านแรงลมที่เกิดจากความเร็วของรถไฟ พร้อมกับมองสองข้างทางที่เป็นท้องนาไกลสุดลูกหูลูกตา เขารู้สึกเป็นอิสระกับทุกอย่าง เป็นความรู้ใหม่ที่เขาหาไม่ได้จากห้องเรียนไหนๆ

แต่หลังจากนั้น - ก็ยังมีอะไรอีกหลายๆ อย่างในชีวิตที่ฮูยันไม่สามารถศึกษามาจากห้องเรียนได้ หลักๆ เลยคือการได้รับรู้ว่า ชีวิตดำเนินไปอย่างที่ใจคิดฝันไม่ได้เอาเสียเลย อุดมคติบางอย่างกลายเป็นเรื่องไร้ค่าในโลกของความจริงอันโหดร้าย การตระหนักถึงสัจธรรมข้อนี้ ทำให้ฮูยันต้องพบกับความเจ็บปวด แต่มันก็ยังผลให้เด็กชายอย่างเขา ได้เติบโตขึ้นไปเป็นเด็กหนุ่มที่เข้มแข็ง

เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่นิยายและหนังเรื่องนี้ต้องการจะบอก – ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน คนเราหลีกหนีความผิดหวังไปไม่พ้น สำคัญที่ว่า เรายังเชื่อมั่นในคุณธรรมความดีอยู่เปล่าเท่านั้นเอง

ที่มาของชื่อเรื่อง ผีเสื้อและดอกไม้ เกิดขึ้นในฉากน่ารักๆ ฉากหนึ่งในตอนที่ทั้งฮูยันและมิมปี ยังเป็นนักเรียนอยู่ มิมปีเปรยขึ้นมาว่า ผีเสื้อเป็นสัตว์ที่โชคดีที่สุดในโลก และถ้าเลือกเกิดได้เธอก็อยากเกิดมาเป็นผีเสื้อ ฮูยันถามว่า ทำไมถึงคิดอย่างนั้น เด็กหญิงโต้ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า เพราะผีเสื้อสวยงาม และได้อยู่กับของสวยๆ งามๆ ทั้งวัน พลางชี้ชวนให้ดูผีเสื้อที่กำลังบินล้อดอกไม้ซึ่งสะพรั่งอยู่ในสวน

ฮูยันยิ้มให้กับความคิดของเพื่อนหญิง มันเป็นเรื่องอันน่าชุ่มชื่นหัวใจที่เด็กผู้ชายอย่างเขาคิดไม่ได้ เขาบอกกับมิมปีไปว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น วันหนึ่งเขาจะปลูกดอกไม้ให้เต็มสนาม เพื่อผีเสื้อจะได้ไม่เหงา

ช่วงเวลาอันแสนสาหัสผ่านไป - ทั้งคู่ยังไม่ได้ลืมว่า ในวัยที่ไร้เดียงสาเคยนึกฝันอะไรไว้บ้าง ความฝันเป็นจริงไม่ได้แน่ถ้าไม่ลงมือทำ และความฝันก็คงไม่มีค่าอะไรเลยถ้าหากเราเห็นมันเป็นแค่ความฝัน

เรื่องราวของฮูยันและมิมปีจบลงด้วยความสุข แน่นอนแม้ว่ามันจะเป็นบทสรุปที่ดูเป็นอุดมคติมากๆ แต่นี่คือการตอกย้ำความเชื่อมั่น – เพื่อโลกที่ดีกว่านี้

ผมไม่กล้าคิดว่า ถ้าฮูยันและมิมปีอยู่ในโลกนี้จริงๆ ขณะนี้ธุรกิจขายดอกไม้ของทั้งคู่จะเป็นเช่นไร และเหตุการณ์ไม่สงบอย่างที่รู้ๆ กัน จะส่งผลต่อพวกเขาอย่างไรบ้าง

โลกในนิยายและในหนัง เป็นโลกที่ใครๆ ก็ฝันอยากจะเห็น มันเป็นโลกที่ครั้งหนึ่งเคยมี แต่ก็ได้ผ่านพ้นไปนานแล้ว

ผีเสื้อและดอกไม้ ถูกจัดรวมอยู่ในโครงการ “1 ใน 100 หนังไทยที่คนไทยควรดู” ซึ่งทางหอภาพยนตร์เป็นคนจัดฉาย คราวแรกผมนึกหวั่นใจว่า จะมีใครทราบข่าวนี้สักแค่ไหน และคงมีหลายคน (โดยเฉพาะนักดูหนังรุ่นใหม่ๆ) พลาดผลงานชิ้นเยี่ยมชิ้นนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

แต่โชคดีที่เทศกาลหนังเด็ก ซึ่งโรงภาพยนตร์เฮ้าส์กำลังจัดฉายอยู่ ได้จัด ผีเสื้อและดอกไม้เข้าไว้ในโปรแกรมด้วย แถมฟิล์มภาพยนตร์ก็อยู่ในสภาพดี เลยอยากถือโอกาสขายของ ชักชวนให้ไปชมกันเยอะๆ

ไม่ใช่เฉพาะเหตุผลที่ว่า ผีเสื้อและดอกไม้ มีเรื่องดีๆ ชวนจรรโลงใจเท่านั้น แต่อยากให้ไปพิสูจน์ว่า ยุทธนา มุกดาสนิท คือ คนทำหนังไทยที่เก่งกาจมากคนหนึ่ง และช่วงหนึ่ง เขาก็ลงแรงอย่างหนัก (โดยเฉพาะกับหนังเรื่องนี้) เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมหนังไทยให้ก้าวสู่สากล และเพื่อบอกกับคนดูว่า การทำหนัง คือการรังสรรค์งานศิลปะชั้นยอด


กำลังโหลดความคิดเห็น