กองบก.นิตยสารสไปซี่บอกเคลียร์แล้วกรณีนำภาษาลาวมาเป็นมุกขำ ด้านแหล่งข่าวจากลาวเผย คนไทยมักจะเอาภาษาลาวมาทำเป็นเรื่องตลก ส่วนครูลิลลี่เตือน ถ้าไม่รู้ความหมายหรือรากที่แท้จริง ควรระวังการใช้ให้มาก เพราะภาษาดิ้นได้
เป็นเรื่องอย่างที่ไม่ควรจะเป็นขึ้นมาจนได้ กับการนำคำภาษาของประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่าง "ลาว" ซึ่งมีการโพสต์ผ่านอินเตอร์เน็ตไปตีพิมพ์ลงในนติยสาร "Spicy" ฉบับประจำวันที่ 11-24 มิ.ย. 2548 จนเป็นเหตุให้เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งกับประชาชนชาวลาว
โดยตัวอย่างของข้อความที่มีการตีพิมพ์นั้น อาทิ ถ้าจะชมผู้หญิง(ลาว)สวยให้พูดว่า "สวยตายห่า" หรือถ้าจะเรียกผู้หญิงว่า "อีด-กทอง" จะถูกใจเพราะว่าดูมีค่าดี หรือถ้าจะชมผู้ชายหล่อมากๆ ให้พูดว่า "หล่อฉิบห-ย" เวลาจะถ่ายรูปกลุ่มพูดว่า "มาแหกตาสามัคคีกันเถอะ" รวมทั้งคำพูดเสียดสีอีกหลายอย่าง ฯลฯ
ภายหลังที่มีการตีพิมพ์ข้อความดังกล่าวออกไป ทางหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ใหม่ก็ได้หยิบเอาเรื่องนี้มาวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง โดยระบุว่าข้อความดังกล่าวมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและเป็นการเข้าใจผิด พร้อมทั้งยังบอกด้วยว่าการกระทำของนิตยสารไทยเป็นการอุปโลกน์เรื่องขึ้นมาเอง เข้าทำนอง โง่...อวดฉลาด
ในขณะที่ทางการของประเทศลาวเองก็ได้ออกมาร้องขอให้ทางกองบก.นิตยสารดังกล่าวทำหนังสือขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยทางกองนิตยสารสไปซี่เองก็ได้ส่งหนังสือผ่านไปยังกระทรวงการต่างประเทศไทย ทว่าเนื้อความมีเพียงแค่ข้อความที่แสดงความเสียใจเท่านั้นซึ่งดูเหมือนว่าทางฝั่งลาวเองจะไม่ค่อยรู้สึกพอใจเท่าไหร่เพราะอยากได้คำขอโทษจากทางฝั่งไทยมากกว่า
เกี่ยวกับความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวบันเทิงได้สอบถามไปยังทีมงานของนิตยสารของสไปซี่ ก็ได้รับคำตอบจากนาง "พรรทิภา สกุลชัย" ผู้บริหารยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดนั้นได้มีการตกลงกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ความจริงตอนที่หนังสือเล่มนี้วางแผงคือวันที่ 11มิถุนายน ตอนนั้นพี่ไม่อยู่ไปธุระที่อเมริกา แล้วต้องขอบอกว่าเล่มนี้ไม่ได้เป็นบรรณาธิการ หลานเป็นคนจัดการแต่ดิฉันพูดได้ในฐานะที่เป็นเจ้าของมันเป็นนิตยสารผู้หญิง มีเรื่องแฟชั่น มีคอลัมน์ขารีเรชั่นชิปอะไรพวกนี้ มีมุมตลกในเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิง ไม่ใช่หนังสือการเมืองแล้วเราก็ไม่ได้มีเจตนาในการที่จะไปดูถูกเขา”
"จริงๆ แล้วน้องคนที่ทำคอลัมน์เขาไปเจอทางอินเตอร์เน็ตแล้วเห็นว่ามันเป็นมุกขำ ก็เลยนำมาตีพิมพ์ ซึ่งตอนนั้นพี่ไม่ได้ดูเพราะอยู่อเมริกา แล้วทางเราก็มีการโทรเช็กกับทางโน้นแล้วตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมก่อนที่หนังสือจะออก เราไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น นักศึกษาของประเทศลาวเป็นคนโทรมาไม่ใช่สถานทูตหรือผู้ใหญ่ทางโน้นเขาบอกว่าไม่น่าลงอย่างนี้เลย มันเหมือนดูถูกเขา มันมีการใช้จริง แต่เป็นชนกลุ่มน้อยเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็เลิกใช้ไปแล้ว เพราะอยู่ใกล้ประเทศไทยที่มีระยะห่างแค่ 25 กิโลเมตรเท่านั้น”
คำพูดไหนที่ทำให้เกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้น
"ความจริงมันก็มีหลายคนซึ่งขอบอกก่อนว่าภาษาพูดของประเทศเราเองอย่างภาคกลาง ภาคเหนือเขาก็พูดไม่เหมือนกันภาคเหนือชอบพูดคำว่าอี ในขณะที่ภาคกกลางไม่พูด เพราะเป็นคำหยาบ คือเป็นเรื่องของมุมมองที่ต่างกัน อย่างของประเทศลาวผู้หญิงสวย เขาจะเรียกสวยตายห่า ผู้หญิงเขาก็จะเรียกอีด-กทองอะไรทำนองนี้ก็เป็นคำเปรียบเทียบ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่อง ก็เสียใจเพราะเราไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น”
ทางประเทศลาวเรียกร้องให้ทำหนังสือขอโทษ
"ไม่ใช่ค่ะ ทางเราได้โทรไปยังสถานทูตไทยว่ามันมีเหตุการณ์แบบนี้ ทางสถานทูตก็แนะนำบอกให้เราทำจดหมายไป ไม่ได้เป็นความต้องการของประเทศลาวที่มาเรียกร้องตรงนี้แต่อย่างใด เราก็เขียนแสดงความเสียใจบอกถึงความตั้งใจว่าไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น มันเป็นคอลัมน์หนึ่งในหนังสือเป็นมุกตลก และไม่ใช่หนังสือที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเราเป็นนิตยสารแฟชั่นเรื่องมันเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว ทางเราก็ลองเช็กดูปรากฏว่าหนังสือพิมพ์ที่โน่นก็ไม่ได้ลงข่าวออะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้ว”
นอกจากนี้ในช่วงเวลา 15.30 น.ของวันนี้ (5 ก.ค.) ทางผู้สื่อข่าวบันเทิงได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวซึ่งเป็นหนึ่งในกอง บก.ของหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ใหม่ก็ได้รับคำตอบว่า ที่ผ่านมามีคำภาษาลาวอีกมากมายที่คนไทยเองนำเอาไปใช้เป็นมุกตลกขบขันในทำนองดูถูกเสียดสี และเข้าใจว่าทางลาวพูดหรือเรียกแบบนั้นจริงๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการเข้าใจผิดเกือบจะทั้งสิ้น
"อยางคำว่าห้องฉุกเฉิน ห้องไอซียูอันนั้นอาจจะถูกที่เรียกว่าห้องมรสุม แต่หลายคำจะค่อนข้างผิดและใช้กันไปเอง อย่าคำว่ากำพร้า ลาวเขาก็จะเรียกเด็กกำพอย ไม่ได้ใช้ว่าหนังไม่มีพ่อมีแม่แต่อย่างไร หรืออย่างหนังเรื่องเฉิ่มบ้านเราก็ไม่ได้เปลี่ยนหรือว่ามาเรียกชื่อใหม่ ก็เรียกเฉิ่ม แต่บางทีคนไทยก็เข้าใจไปว่า บ่ ฮู้ เฮื่อง บ้าง อะไรบ้าง ซึ่งไม่ใช่เลย เรียกกันไปเอง เข้าใจกันไปเอง แล้วก็สนุกกันเอง"
"ทั้งๆ ที่คนของเราไม่ได้สนุกด้วยเลย แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าเป็นการพูดสนุกๆ แต่ที่อยากจะบอกก็คือมันไม่ใช่ มาเรียกแบบนั้นบางทีคนลาวเองก็ไม่เข้าใจด้วยซ้ำ"
กับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามความคิดเห็นไปยังครูภาษาไทยชื่อดัง "ลิลลี่ กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์" ก็ได้รับการบอกเล่าว่า การใช้ภาษาต่างๆ นั้นเป็นเรื่องที่ควรจะระมัดระวังให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการออกไปทางสื่อฯ ด้วยแล้วต้องระวังให้มาก เนื่องจากภาษานั้นเป็นสิ่งที่ดิ้นได้
"ภาษาไทยมันมีความหมายอยู่สองทาง ก็คือทางตรงกับคำที่เปรียบเทียบซึ่งส่วนใหญ่มันมักจะสื่อไปในทางที่ไม่ค่อยดีนัก อย่างเช่นคำว่าเสือ ถ้าตรงๆ ก็คือหมายถึงสัตว์ชนิดหนี่ง แต่อีกนัยหนึ่งมันก็หมายถึงคนเจ้าชู้ ผู้ชายที่กระหายผู้หญิง แล้ว หรืออย่างคำว่า ลาว อันนี้ถ้าทางตรงก็คือหมายถึงประเทศลาว แต่ถ้าในความมายอีกอย่างสำหรับบ้านเราอย่างที่รู้ๆ กันว่าจะเป็นการเสียดสี ไปในเชิงดูถูก เป็นความหมายที่ไม่ดี"
"หรืออย่างคำว่าเสี่ยว ถ้าอีสานก็หมายถึงเพื่อนที่สนิทกันมาก เพื่อนซี้ แต่เราเอามาใช้กันหมายถึงในทำนองที่ว่า เชย ล้าหลัง ถามว่าเกิดมาได้อย่างไร ก็คือภาษามันดิ้นได้น่ะค่ะ บางทีมันเกิดขึ้นมาเพราะความนิยมกันเอง ไม่ต้องวัยรุ่นหรอก ผู้ใหญ่เองก็ใช้กันหมดนั่นแหละ"
"แล้วก็มีเยอะมาก ซึ่งถ้าพูดกันคน หรือว่า 2 คน มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ว่าถ้าออกตามสาธารณะมันก็ไม่ดีนัก ออกตามอินเตอร์เน็ตหรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางสื่อนี่ยิ่งจะต้องระวัง"
"ที่สำคัญคือเราต้องมีพื้นฐานทางภาษา และรู้ว่าอันไหนมันควรไม่ควร หรือว่าอะไรมันหมายถึงอะไร เพราะเดี๋ยวนี้คำเปรียบเทียบมันเยอะมาก ถ้าไม่รู้จริงก็ไม่ควรใช้ กับเพื่อนสนิทก็พอได้ แต่ขืนใช้ไปออกสื่อแล้วมันผิด เป็นเรื่องที่มองเขาว่าตลก เป็นใครเขาก็โกรธ เขาก็ไม่ชอบ อย่างเราโดนพวกฝรั่งตะวันตกว่า พวกเราเป็นพวกต้มยำกุ้งบางทีได้ยินนี่เรายังรู้สึกโกรธเลยนะ เพราะรู้ว่าเขาว่าเราอยู่ เขามองเราอย่างไร"
*****
ตัวอย่างของคำที่ใช้ในคอลัมน์ "มุกขำ" ของนิตยสาร "สไปซี่"
- ถ้าต้องการต่อสินค้าก็จะได้ถูกแบบไม่น่าเชื่อเหมือนกัน เครื่องคิดเลขราคาที่นั่น หากซื้อก็จะต้องไม่เกิน 50 บาท นาฬิกาอาจเดินได้ที่โน่น พอกลับมาเมืองไทยไม่เดิน(ไม่รู้เพราะว่าคลื่นไฟฟ้าหรือคลื่นแม่เหล็กบ้านเราแรงกว่ารึเปล่า) กล้องส่องทางไกลราคาไม่เกิน 200 และแว่นตากันแดดที่ซื้อกันถล่มทลายอันละ 40 บาทนั้น(รบกวนตรวจสอบด้วยว่าน๊อตอยู่ครบทุกตัวหรือไม่)
- โรงพยาบาล เรียกว่า โรงหมอ ห้องคลอด เรียกว่า ห้องประสูติ ห้องผ่าตัด เรียกว่า ห้องปาด และไอซียู เรียกว่า ห้องมรสุม เพราะถ้าเจอมรสุมแล้วอาจไม่รอด
- คนที่นี่ได้มีโอกาสเห็น แอ๊ด คาราบาวเพียงครั้งเดียว เพราะดันไปเรียกเขาว่าพวกหัวค-ยแดง ดังนั้นไม่ต้องคิดนะว่าเวลาจะไปซื้อคาราบาวแดง1 ขวด จะต้องพูดว่าอะไร (ขอบอกและย้ำอีกทีว่า เค้าเรียกควายว่า...จริงๆ ไม่ใช่คำหยาบ)
- แล้วจะชมผู้หญิงสวยให้พูดว่าสวยตายห่า หรือถ้าจะเรียกผู้หญิงว่าอีด-กทอง เค้าจะชอบนะ เพราะว่าดูมีค่าดี ถ้าจะชมผู้ชายหล่อมาก ให้พูดว่า”หล่อฉิบห-ย”
- ที่ลาวเขาก็เริ่มจะมีศูนย์จัดงานขนาดใหญ่ขึ้นมาบ้างแล้ว คล้ายกับ IMPORT[บ้านเรา แต่ของเขายังอยู่ในทุ่งนา คาดว่าคงจะยากกว่ากระจายความเป็นชุมชนไปสู่เมืองนอกมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัว(ดูไปแล้วไม่รู้ว่ามันจะกระจุกตรงไหนนะ)
- ผ้าเย็น เขาเรียกว่า ผ้าอนามัยนะ ส่วนผ้าอนามัยของจริง เขาเรียกว่าโกเต็ก
- เวลาเค้าะถ่ายรูปหมู่กัน เขาเรียกว่า มาแหกตาสามัคคีกันเถอะ นี่ดีนะไม่มีคนลาวมาเป็นกองเชียร์ตอนประกวดมิสยูนิเวิร์สด้วย (คงได้ความรู้ใหม่ๆ กันอีกเยอะ) เขาคงจะมองว่าตาละแม่นาตาลีนั้นสวยตายห่าจริงๆ...