ข่าวคบกับนักร้องสาว "มาช่า" รุ่นพี่ซี้ปึ้กกับอดีตแฟนสาวของตนเอง "สุ่ย พรนภา" ทั้งที่เคยปะทะคารมกันมาก่อนว่าฮือฮาแล้ว ทว่าหนุ่ม "กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์" กลับทำให้ฮือฮายิ่งกว่าเดิม ด้วยการบอกว่าทั้งตนและนักร้องสาวคบหาในฐานะเกินเพื่อนมานานกว่า 3 เดือนแล้ว!!
ปล่อยให้เม้าท์อยู่นานสำหรับข่าวคราวรักๆ ใคร่ๆ ของดีเจ “กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์” กับม่ายสาวรุ่นพี่ “มาช่า วัฒนพานิช” หลังทั้งคู่แอบบินลัดฟ้าไปสวีทหวานกันที่ญี่ปุ่น ในที่สุดวันนี้หนุ่มกฤษณ์ก็ได้เปิดอกแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก โดยยอมรับว่ารู้จักกันมานานแต่เพิ่งตกลงคบหาเป็นแฟนกันเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว พร้อมเคลียร์ใจสัมพันธ์ “สุ่ย-บอล” ยังสนิทใจ
"ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่า คือวันนี้ผมไม่ได้จะมาแถลงข่าวหรืออะไร แต่ว่าพอดีเข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้น 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนและทุกคนให้ความสนใจ ซึ่งผมก็จะบอกว่าอะไรเป็นยังไงนะครับ แต่ตรงนี้ผมต้องบอกก่อนนะว่าสิ่งไหนที่ผมจะตอบได้ก็จะตอบ อันไหนที่ตอบไม่ได้ก็จะไม่ตอบ ไม่ใช่ว่าอยากจะเลี่ยงอะไรนะครับ แต่ว่าการตอบจะต้องมีการพาดพิงถึงบุคคลหลายๆ บุคคล ซึ่งผมไม่อยากจะพาดพิงถึงตรงนั้น" เจ้าตัวออกตัว…ก่อนจะเผยใจอย่างอารมณ์ดี
เคลียร์ข่าวแอบควงกันไปญี่ปุ่นก่อนเลย
"ไปญี่ปุ่นไปเที่ยวครับ ไปพักร้อน ไปกับครอบครัวของผมเอง ส่วนช่าไม่บังเอิญเลยครับคือนัดกันเลยว่าจะไป จริงๆ ก็ไม่ได้เปิดตัวนะเพราะว่าเค้าก็รู้จักกันมานานแล้วเหมือนกัน ก็เคยเจอกันปกติครับ"
ยอมรับเต็มปากว่าเป็นมากกว่าเพื่อนมา 3 เดือนแล้ว!
"ถามว่ามาคบกันได้ไง จริงๆ ต้องเข้าใจนิดนึงนะครับว่าผมไม่ได้มีแฟน ตัวช่าเองก็ไม่ได้มีแฟน ไม่มีใครมีแฟน แล้วเราก็มาคบกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดา เราไม่ได้แบบว่าคนนี้มีแฟนอยู่หรือคบกันระหว่างตอนที่มีแฟนหรือว่าอะไรอย่างนี้ แล้วเรื่องที่ผ่านมามันก็เป็นเรื่องที่นานมากแล้ว ทุกคนก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม"
"อืม...ความสัมพันธ์จริงๆ เราก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้วประมาณ 3 - 4 ปี แต่ถ้าถามว่าตอนนี้เป็นมากกว่าเพื่อนไหมก็คบกันอยู่ครับ เป็นมากกว่าเพื่อนมาประมาณ 3-4 เดือนแล้วครับ ถามว่าโดนใจช่าตรงไหน มันพูดยากนะว่าโดนใจตรงไหน อยู่มุมไหน หันกี่องศา เอาเป็นว่าเราคุยกันคบกันแล้วมันก็โอเคก็เท่านั้นเอง นิสัยใจคอก็ไม่ต้องปรับอะไร ก็ปกติครับ"
หวังเพียงแค่อยากคบกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรปล่อยให้เป็นเรื่องของวันข้างหน้าดีกว่า
"ก็คบกันไปเรื่อยๆ เราอย่าไปคิดอนาคตว่าจะเป็นยังไงเพราะว่าเราเองก็ไม่รู้อนาคตหรอกครับ เรื่องอนาคตตอนนี้อย่าเพิ่งถามเลยครับเพราะผมก็ยังตอบไม่ได้ เอาแค่เรื่องวันนี้ก่อนดีกว่านะครับ"
ทำไมถึงยอมเปิดเผยง่ายดาย?
"ก็คบกันจริงๆ นี่ มันไม่ใช่ว่าไม่อยากให้มองว่าโกหกนะ ผมก็ไม่อยากโกหกใคร คือผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องมาปิดความผิดอะไรด้วย ผมกลับมาจากญี่ปุ่นแล้วผมเจอคำถาม ผมก็ตอบไปตรงๆ ว่ามันเป็นยังไงตามที่ความจริงเป็น"
ถามต่อว่าต้องเคลียร์กับ “บอล อธิป” หรือไม่? เจ้าตัวสวนกลับ ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้แย่งของใครมา ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุที่ต้องเคลียร์กับใคร
"จริงๆ กับบอลเนี่ยยังไม่ได้คุยนะครับ เพราะว่าผมเพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้เอง แต่ว่าได้คุยกับเพื่อนๆ ก็ไม่เห็นมีว่าอะไรเลยครับ ส่วนกับบอล…ต้องเคลียร์ด้วยเหรอ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ จริงๆ ต้องบอกก่อนว่าในเรื่องเก่ามันก็เป็นอดีตไปแล้วนะครับ แล้วเรื่องที่ว่าเค้าจะคบกันหรือว่าผมจะคบใคร มันก็เป็นเรื่องอดีตไปแล้ว มันผ่านไปเป็นปีแล้วนะ”
“แล้วทุกคนก็ยังเป็นเพื่อนกันรู้จักกัน อีกอย่างผมก้รู้จักกับช่ามานานแล้ว ซึ่งตอนนี้เนี่ยการที่เรามาคบกันมันก็ไม่ได้ทำผิดอะไรตรงไหน หรือว่าผิดศีลอะไรตรงไหน แต่ถ้าต่างคนต่างมีพันธะก็ต้องไปเคลียร์ ไปขอโทษเค้ามากกว่า แต่ตอนนี้ทั้งผม ทั้งช่าต่างก็บริสุทธิ์ใจมากกว่า"
เหมือนกับว่าเป็นการหักหลังเพื่อนหรือเปล่า?
"แต่ว่าประเด็นตรงนั้นคือถ้าถามผมกับสุ่ย ก็คือมันจบไปแล้ว คือตอนนี้เนี่ยปัญหาทุกอย่างมันปนกันหมดแล้วมันทำให้งง ตอนที่ผมคบสุ่ยก็คือคบสุ่ย แต่ตอนนี้เราเลิกกันแล้ว เลิกกันนานแล้วด้วย ส่วนที่ช่าเค้าจะคบใครมันก็เรื่องของเค้าเราไม่รู้ แล้วก็เลิกกันนานแล้ว ปัญหาคือตอนนี้เราไม่ได้เคบใคร แต่เราคบกันเท่านั้นเอง"
เตรียมใจกับข่าวยังไง?
"ก็ไม่ได้เตรียมใจอะไรนะครับ แต่เข้าใจมากกว่า เข้าใจว่าเราอยู่ในวงการ เราเป็นที่สนใจ เป็นคนของประชาชนก็ต้องอย่างนี้แหละครับ คนเค้าก็ต้องมาสนใจเรา เราก็ต้องมาบอกว่าอะไรเป็นยังไง มาบอกความจริงให้เค้ารู้เท่านั้นเอง"
อึดอัดมั้ยที่จะต้องโดนจับตามองเพราะฮ็อตทั้งคู่?
"มันก็ไม่อึดอัดนะ มันเป็นที่ว่าคนให้ความสนใจมากกว่า ถ้าเรามัวแต่คิดเยอะ เราก็จะทำอะไรไม่ได้ กลัวไปนู้นกลัวไปนี่ มันก็จะอึกอัดเปล่าๆ ก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้"
กับข่าวที่ว่า เป็นเด็กหนุ่มที่หลงเสน่ห์กระดังงาลนไฟล่ะ?
"อันนี้ขอไม่ตอบเรื่องปลีกย่อยนะครับ"
หลายคนมองว่าเปิดตัวแฟนเพื่อชนกับ“ตั๊ก บงกช” หรือเปล่า?
"โห...อันนี้ไม่รู้นะ มันเป็นเรื่องของเค้า แต่อันนี้มันก็เป็นเรื่องของผม ไม่ได้เอามาชนอะไรกันหรอกครับ"